บทที่ 55 ในขั้นหลอมกายา ข้าไร้เทียมทาน!
งานชุมนุมล่าสัตว์ไม่ใช่แค่การแข่งขันล่าสัตว์อสูรเท่านั้นงั้นรึ!
เมื่อได้ฟังวาจาของหลัวเฉิง ดวงตาหลัวจื่อซิงก็เบิกกว้างขึ้นด้วยความประหลาดใจ “เจ้าคงไม่ได้ตั้งใจจะสกัดตระกูลฉี และตระกูลหลินด้วยตัวคนเดียวใช่ไหม”
“ใช่!”
หลัวเฉิงพยักหน้าและกล่าวว่า “เหตุผลที่คนพวกนั้นไม่ได้รีบร้อนเข้าป่า ข้าเกรงว่าพวกมันคงตั้งใจจะทำเช่นเดียวกัน”
ตระกูลหลินและตระกูลฉีพยายามอย่างมาก ที่จะอาศัยงานชุมนุมล่าสัตว์ครั้งนี้เพื่อความก้าวหน้า หากพวกเขาต้องการถอนรากถอนโคนตระกูลหลัว ย่อมไม่อาจยอมให้เกิดความผิดพลาดใดได้แน่นอน
ดังนั้นการจะสกัดกั้นพวกมันในหุบเขาจันทร์เสี้ยว จะเป็นโอกาสที่เหมาะที่สุด!
ครั้นหลัวชิงหว่านนึกถึงพฤติกรรมแปลกๆ ของทั้งสองตระกูล นางก็พยักหน้าเล็กน้อยแล้วกล่าวด้วยน้ำเสียงกังวล
“แต่เจ้าตัวคนเดียว…”
ก่อนที่นางจะทันได้กล่าวจบ ดวงตาอ่อนหวานก็ปรากฏภาพหลัวเฉิงกำลังเดินไปยังต้นไม้ใหญ่
เขาใช้ความแข็งแกร่งเพียงเจ็ดหรือแปดส่วน แล้วชกใส่ต้นไม้นั้นทันที
บูม!
ต้นไม้ใหญ่ที่หนาเท่ากับคนโตเต็มวัยหนึ่งร่าง หลังมันได้ปะทะเข้ากับหมัดก็ขาดสะบั้นลอยลิ่วออกไปทันที!
ฉากนี้ทำให้ดวงตาของหลัวจื่อซิงและหลัวชิงหว่าน เต็มไปด้วยความตกตะลึง
พลังของหมัดนี้ เกรงว่าเกินกว่าเก้าร้อยจินอย่างแน่นอน!
ทั้งยังเกินขอบเขตของขั้นหลอมกายาระดับเก้าไปเสียอีก!
“นี่... นี่... หรือว่าเจ้าจะ…” ริมฝีปากบางของหลัวชิงหว่านสั่นด้วยความตกใจ กระทั่งกล่าววาจามิเป็นภาษาอยู่ครู่หนึ่ง
หลัวจื่อซิงเองก็นิ่งอึ้งเช่นกัน เขากลืนน้ำลายอย่างฝืดคอแล้วเอ่ยขึ้นว่า “ขั้นหลอมกายาขั้นสุดยอด! มีเพียงขั้นหลอมกายาขั้นสุดยอดเท่านั้น ที่สามารถปล่อยหมัดด้วยแรงที่เกินกว่าเก้าร้อยจินได้เช่นนี้!”
หลัวเฉิงเหลือบมองพวกเขาทั้งสอง แล้วกล่าวน้ำเสียงราบเรียบ
“ในขั้นหลอมกายา ข้าไร้เทียมทาน!”
หากว่าหลัวเฉิงกล่าววาจาเช่นนี้ก่อนหน้า หลัวจื่อซิงและหลัวชิงหว่านคงถือมันเป็นเพียงคำคุยโวเท่านั้น แต่ตอนนี้มันทำให้พวกเขาต่างตกใจไปตามๆ กัน
หลังจากทะลวงเข้าสู่ขั้นหลอมกายาขั้นสุดยอดแล้ว คนผู้นั้นย่อมมีสิทธิ์กล่าววาจาเช่นนี้ได้เป็นธรรมดา!
“ไม่น่าแปลกใจเลย ที่เจ้ากล่าวว่าตระกูลเราจะคว้าอันดับหนึ่งในงานชุมนุมล่าสัตว์ได้ ตอนนี้ทุกคนล้วนถูกเจ้าหลอกทั้งสิ้น” หลัวชิงหว่านแย้มยิ้มอย่างอ่อนหวาน ซึ่งทำให้ใบหน้านางดูมีเสน่ห์ยิ่ง
หลัวจื่อซิงผู้มีใบหน้าเคร่งขรึมมาโดยตลอด ตอนนี้รู้สึกผ่อนคลายนักจนระเบิดเสียงหัวเราะดังลั่น
“ฮ่าฮ่า! ตระกูลหลินและตระกูลฉีมั่นใจมากในผลการแข่งขัน ข้าอยากเห็นนักว่าสีหน้าของเขาจะเป็นเช่นไรหากได้รู้เรื่องนี้!”
หลัวเฉิงกล่าวด้วยรอยยิ้มเล็กน้อยบนใบหน้า “ข้าจะเข้าสกัดพวกมันเอาไว้ ส่วนพวกเจ้าก็ตั้งใจล่าสัตว์อสูรให้ได้มากที่สุด เพื่อที่เราจะได้คว้าอันดับหนึ่ง!”
หลัวจื่อซิงพยักหน้ากล่าวว่า “ไม่ต้องกังวล พวกเราจะทำให้ตระกูลหลินและฉีต้องชดใช้ในศึกครั้งนี้!”
“ดี! เช่นนั้นก็แยกย้ายกันลงมือเถอะ!”
สิ้นวาจา ทั้งสามออกเดินทางทันที โดยที่หลัวจื่อซิงและหลัวชิงหว่าน รีบมุ่งลึกเข้าไปในหุบเขาจันทร์เสี้ยวเพื่อล่าสัตว์อสูร
ส่วนทางฝั่งของหลัวเฉิงก็รีบมุ่งตรงไปยังทิศทางขวา
ก่อนที่จะเข้ามาในป่า เขาจำได้ว่ากลุ่มของตระกูลหลิน และตระกูลฉี อยู่ทางฝั่งขวามือเขา!
หุบเขาจันทร์เสี้ยวที่แต่เดิมเงียบสงบ ตอนนี้มันราวกับตกอยู่ในความโกลาหล โดยมีเสียงคำรามของสัตว์อสูรดังออกมาบ้างเป็นครั้งคราว
ระหว่างทางที่กำลังมุ่งหน้า หลัวเฉิงได้เผชิญกับสัตว์อสูรระดับต่ำหนึ่งดาวหลายตัว
แต่เพียงเท่านั้นไม่สามารถหยุดเขาไว้ได้ เขายังคงรุดหน้าต่อไปหลังจากสังหารสัตว์อสูรด้วยหมัดเดียว
“มีการเคลื่อนไหว!”
หลังวิ่งมาได้พักหนึ่ง หลัวเฉิงก็สัมผัสได้ถึงการเคลื่อนไหวเขาจึงหยุดกะทันหัน
ที่ป่าทึบเบื้องหน้ามีเสียงของใครบางคน ไม่ช้า เขาก็มองเห็นสามร่างที่กำลังวิ่งมาขณะนี้
“เร็วเข้า! รีบตามหาตระกูลหลัวให้พบโดยเร็วที่สุด!” ทันใดนั้นเสียงที่หลัวเฉิงคุ้นเคยก็พลันดังขึ้น
นั่นคือเสียงของฉีถิงแห่งตระกูลฉี!
“คราวนี้เราต้องสั่งสอนหลัวเฉิง ให้เขาไม่กล้าที่จะอวดดีอีก!”
“หากครั้งก่อนคุณหนูใหญ่ไม่ออมมือให้ล่ะก็ เขาจะออกจากบ่อนพนันหยกเขียวได้อย่างไร ครั้งนี้เราจะหักมือและเท้าเขาให้ลุกจากเตียงไม่ได้เป็นเวลาหนึ่งเดือน เพื่อให้เขาได้ใคร่ครวญถึงการกระทำที่กล้าอวดดีเช่นนี้ แล้วผลที่ตามมาจะเป็นอย่างไร”
ทั้งสามสนทนากันอย่างดุเดือดขณะนี้ จู่ๆ ก็ปรากฏร่างหนึ่งพุ่งออกมาจากป่าทึบอย่างรวดเร็ว ชายหนุ่มอาภรณ์น้ำเงินแห่งตระกูลฉีตกใจทันทีที่พบว่า ผู้ที่ออกมานั้นคือหลัวเฉิง นั่นทำให้ทั้งสามหยุดวิ่งอย่างกะทันหัน
หลัวเฉิงยืนอยู่เบื้องหน้าพวกเขาด้วยท่าทางสงบ เขามองยังชายหนุ่มอาภรณ์น้ำเงิน แล้วกล่าวน้ำเสียงเย็นชาว่า
“รอช้าอยู่ไย เจ้าไม่ต้องการหักมือและเท้าของข้ากระนั้นหรือ”
“นี่เจ้ายังกล้าอวดดีอีก เจ้าคิดว่าที่นี่คือเมืองฉีซานหรืออย่างไร แต่ในเมื่อเจ้ารนหาที่ตาย ข้าก็จะสงเคราะห์ให้เจ้าเอง!” บุรุษหนุ่มอาภรณ์น้ำเงินเผยสายตาอำมหิตแล้วเหยียดยิ้มเยาะ