ตอนที่แล้วบทที่ 50 พี่น้อง? ที่ไว้ใจได้
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 52 เกาจิน

บทที่ 51 โรงเตี๊ยมคุณนายกู่


โรงเตี๊ยมเล็กๆ ของคุณนายกู่ไม่ค่อยมีชื่อเสียงด้านปกติในเมืองนี้ ชูเหลียงใช้เวลาสอบถามคนงานในโรงเตี๊ยมอยู่ครู่ใหญ่ถึงจะรู้เกี่ยวกับที่ตั้งคร่าวๆ ของโรงเตี๊ยมนี้ได้

เขาซื้อเสื้อคลุมสีดำพร้อมคลุมศีรษะและใบหน้าเพื่อปลอมตัวตามแบบของนิกายมาร

จากนั้นเขาก็ออกเดินทาง

โรงเตี๊ยมแห่งนี้ตั้งอยู่ในมุมที่เงียบสงบของเมืองเกาฉาน ผู้คนสันจรไปมาน้อยมากในจุดนี้ หากทําใครจะทำธุรกิจที่ถูกกฎหมาย ที่นี่คงจะห่างไกลจากความสำเร็จเป็นอย่างมาก อย่างไรก็ตาม สําหรับกิจกรรมที่มิได้ถูกกฎหมายนัก ที่แห่งนี้นั้นเกือบจะสมบูรณ์แบบเลยทีเดียว

ชูเหลียงมาถึงอาคารสามชั้นทรงโบราณอย่างรวดเร็ว เขาผลักประตูเข้าไปในโรงเตี๊ยม ชั้นล่างมีประชากรเบาบาง มีลูกค้าอยู่เพียงไม่กี่คน

ชูเหลียงไม่ได้ขึ้นไปชั้นบน แต่เดินผ่านประตูเล็กๆ ข้างประตูหลัก พอเปิดม่านดูก็พบว่ามีบันไดสำหรับเดินลงด้านล่าง

มันเป็นอาคาร 3 ชั้น แต่มีการประกอบธุรกิจเกิดขึ้นที่ใต้ดิน ใต้ดินมืดสลัวและโคมไฟแขวนอยู่บนผนัง โต๊ะหลายโต๊ะเต็มไปด้วยนักสู้และผู้บ่มเพาะที่ส่งกลิ่นอายอันธพาลออกมา ส่วนโต๊ะอื่นๆ เป็นลูกค้าคล้ายชูเหลียงที่ปกปิดตัวตนทั้งหมด บางคนสวมหมวกฟาง บางคนปิดบังใบหน้า

คนที่มาที่นี่ดูเหมือนจะมีเจตนาคล้ายกับเขา

ชูเหลียงเพิ่งนั่งลงและบริกรก็ตอบสนองอย่างรวดเร็วโดยส่งรายการกระดาษแข็งที่แสดงรายการเครื่องดื่มต่างๆ และราคาให้เขา

“ต้องการให้ข้าช่วยอะไรหรือไม่ขอรับ” บริกรถาม

ชูเหลียงตอบด้วยรหัสลับที่เขารู้มา “ขอสองเหยือก เหยือกหนึ่งสําหรับคุณนาย อีกเหยือกสำหรับข้า”

"ขอรับ" บริกรกล่าวก่อนเดินออกไป

ชูเหลียงได้แต่รอ เขาอดทนรอเกือบชั่วโมงก่อนที่อีกคนจะมา

“นายท่าน กรุณามากับข้าเพื่อรับรายการที่สั่งของท่าน” บริกรเข้าใกล้ชูเหลียงและกระซิบเบาๆ

ชูเหลียงเดินตามหลังบริกรไป เดินผ่านโถงทางเดินอีกทางหนึ่ง เข้าไปในห้องที่มีแสงไฟที่สลัวกว่า

ในห้องมีแสงไฟเพียงดวงเดียววางอยู่กลางโต๊ะที่มีอยู่เพียงตัวเดียวในห้อง ผู้ที่นั่งอยู่หลังโต๊ะเป็นผู้หญิงที่มีผมยาวประบ่า ใบหน้ายาวเรียว รูปร่างสูง ผิวขาวและดวงตาสีฟ้าเข้ม

เธอเปล่งประกายเสน่ห์ของความเป็นผู้ใหญ่และรักษาสีหน้าที่ผ่อนคลาย

เห็นได้ชัดว่าเธอก็คือคุณนายกู่นั่นเอง

ผู้หญิงผายมือออกมาเป็นสัญญาณให้ชูเหลียงนั่งลงตรงข้าม

เธอถามอย่างไม่รีบร้อนว่า "ท่านเป็นคนสั่งสุราสองเหยือกใช่หรือไม่"

ชูเหลียงพยักหน้า

"เอาล่ะ ข้าคือคุณนายกู่ แต่การที่ท่านมาถึงที่นี่ได้แสดงว่าท่านก็ต้องรู้อยู่แล้ว" หญิงคนนั้นพูดขณะเอนตัวไปข้างหลัง "ท่านสามารถถามคำถามใดๆ ได้ตามต้องการและข้าจะให้คำตอบเท่าที่ข้ารู้ อย่างไรก็ตามเมื่อข้าให้คำตอบแล้ว ท่านต้องพร้อมที่จะมอบสิ่งที่มีค่าแลกเปลี่ยน สิ่งนี้สามารถใช้ได้ทั้งรูปแบบของของมีค่าหรือความช่วยเหลือก็ได้ ท่านพร้อมที่จะรับบริการหรือไม่"

"ข้าเข้าใจแล้ว" ชูเหลียงตอบ

"หากท่านปฏิเสธที่จะชำระค่าตอบแทน... ฮ่า ๆ ไม่มีใครได้รับการยกเว้นจากการปฏิบัติตามกฎ ข้าหวังว่าท่านจะไม่โกรธเคืองกับความตรงไปตรงมาของข้า" หญิงสาวกล่าว

"ท่านสุภาพสตรี วางใจได้ ข้าจะปฏิบัติตามกฎอย่างแน่นอน" ชูเหลียงรับรองกับเธออย่างรวดเร็ว

ชูเหลียงไม่สงสัยในความสามารถของเธอเมื่อพิจารณาจากสถานะของเธอที่มีข้อมูลมากมายและทำงานอยู่ในสถานที่อันตรายเช่นนี้

"แล้วปัญหาอะไรพาท่านมาถึงที่นี่หรือ โปรดพูดมาเถิด" นางกู่กล่าว

"ข้าอยากรู้... สถานที่ซ่อนตัวของทูตปีศาจที่พึ่งก่ออาชญากรรมครั้งใหญ่ในเมืองเกาฉานแห่งนี้" ชูเหลียงถามอย่างไม่อ้อมค้อม

นางกู่หัวเราะทันทีและกล่าวว่า “คําถามของท่านเจ้าเล่ห์มาก เกรงว่าข้าจะตอบมิได้ ก่อนอื่น ข้าไม่รู้ว่าใครเป็นผู้ก่อบาปใหญ่นั้น ประการที่สอง ข้าไม่รู้ตําแหน่งของทูตปีศาจด้วย” เธอส่ายหัวเบาๆ

ชูเหลียงเตรียมใจไว้แล้ว การได้รับข้อมูลมากมายผ่านเครือข่ายไม่ได้หมายความว่าเธอจะรู้ทุกอย่าง เป็นเรื่องปกติที่จะมีคำถามที่ไม่สามารถตอบได้

"เช่นนั้นข้าขออีกหนึ่งคําถาม" ชูเหลียงกล่าว เขาครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดต่อว่า “ข้าอยากรู้ว่าผู้ใดได้รับดอกบัวทองใต้บาดาลจากทูตปีศาจไป”

"อืม..." นางกู่เอ่ยปาก เธอคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วตอบว่า "ดูเหมือนว่าท่านมีความสนใจในทูตปีศาจตนนั้นมากเลยสินะ ข้าจะบอกทุกอย่างที่ข้ารู้ก็แล้วกัน”

"ข้ารู้เพียงว่าทางหุบเขาสามสัมบูรณ์กำลังไล่ล่าพวกหมอผีร้ายอย่างจริงจังมากขึ้นเรื่อยๆ และหมู่บ้านหมอผีร้ายสิบเจ็ดแห่งในเขตใต้ก็ได้รวมตัวกันและเป็นพันธมิตรกับพวกปีศาจเพื่อความอยู่รอด

"พวกเขาได้เลือกหมู่บ้านเขาทมิฬเป็นตัวแทนและส่งทูตพิเศษมาพบกับทูตปีศาจ ถ้าทูตปีศาจจะติดต่อหรือมอบของใดๆ ของเขา มันก็อาจะต้องเกี่ยวข้องกับพวกหมอผีร้ายเหล่านี้ นอกจากนั้นข้าก็ไม่รู้อะไรแล้ว"

หมอผีงั้นหรือ

ไม่แปลกใจที่ชูเหลียงจะได้ยินคำนี้

เป้าหมายของปีศาจคือการเป็นพันธมิตรกับกองกำลังต่างๆ และในภาคใต้ทางเลือกเดียวของพวกเขาคือนิกายมารและกลุ่มชั่วร้ายต่างๆ ที่ฝึกมนตร์ดำ ยาพิษ และศาสตร์แห่งความมืด ซึ่งมันก็เป็นไปตามที่เขาคาดการณ์ไว้

ชูเหลียงเพียงต้องการยืนยันให้แน่ชัดว่าพวกเขาต้องการเลือกที่จะเป็นพันธมิตรกับกองกำลังใด

หมอผีแบ่งออกเป็น 2 ประเภท คือ หมอผีด้านสว่าง และหมอผีด้านชั่วร้าย หรือที่เรียกกันว่า หมอผีเที่ยงธรรม และหมอผีร้าย

ตัวอย่างเช่น หุบเขาสามสัมบูรณ์มีชื่อเสียงในด้านวิชาหมอผี การควบคุมแมลงวูดู และมีความเชี่ยวชาญด้านพิษ อย่างไรก็ตาม พวกเขายังคงยึดมั่นในเส้นทางที่ถูกต้องในการฝึกฝนบ่มเพาะวิชาของพวกเขา

แต่หากพูดถึงหมอผีร้ายทางใต้ที่สืบทอดประเพณีโบราณ วิธีการของพวกเขามักจะโหดร้ายและวิชาของพวกเขาถูกมองว่าชั่วร้ายจนคนทั่วไปไม่สามารถยอมรับพวกเขาได้

และด้วยความที่เป็นหมอผีเหมือนกัน เหล่าหมอผีเที่ยงธรรมจะมีหน้าที่ล่าและจัดการกับผลกระทบที่เกิดขึ้นโดยหมอผีร้ายไปโดยปริยาย สิ่งนี้ทำให้หมอผีเที่ยงธรรมขัดแย้งกับหมอผีร้ายมาเป็นเวลาหลายหมื่นปี

"ข้าอยากรู้ว่าทูตของหมอผีร้ายอยู่ที่ใด" ชูเหลียงถามต่อ

ถ้าทั้งสองพบกันจริง การหาตัวทูตหมอผีเจอได้ก็อาจจะหมายความว่าเขาจะหาตัวทูตปีศาจเจอได้เช่นกัน

"ที่ศูนย์กลางการค้าเหนือผา" นางกู่ตอบอย่างรวดเร็วในครั้งนี้ แสดงให้เห็นถึงความเข้าใจอย่างถ่องแท้ของเธอเกี่ยวความเป็นไปในเมืองเกาฉานนี้

"ขอบคุณขอรับ" ชูเลี่ยงพยักหน้า "ข้าไม่มีปัญหาอื่นแล้ว"

"เอาล่ะ" นางกู่พูดต่อด้วยรอยยิ้ม "ตอนนี้เรามาพูดถึงค่าตอบแทนกัน ท่านถามคําถามไปสองข้อ ท่านยินดีที่จะแลกเปลี่ยนมันด้วยสิ่งใด"

ชูเหลียงครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดว่า "ข้ารู้ตําแหน่งที่แน่นอนของดอกหยกหน้าคนที่กําลังจะสุกที่ภูเขาปราการใต้ ข้าสามารถบอกข้อมูลนี้กับท่านได้"

ชูเหลียงและเพื่อนร่วมนิกายของเขาเคยทำภารกิจหนึ่งนั่นก็คือการเก็บเกี่ยวดอกหยกหน้าคน พวกเขาเจอมันสองดอก แต่เก็บเกี่ยวได้แค่ดอกเดียว ส่วนดอกที่สองถูกทิ้งไว้เพราะยังไม่โตเต็มที่

“แม้ว่าดอกหยกหน้าคนจะมีคุณค่า แต่ข้อมูลนี้ไม่เพียงพอที่จะแลกเปลี่ยนกับคำตอบทั้งสองประเด็น มากที่สุดก็สามารถเทียบเท่ากับค่าของคำถามที่สองของท่านเพียงเท่านั้น” นางกู่ตอบ

"อืม" ชูเหลียงพยักหน้าและเห็นด้วยกับการตัดสินของนางกู่

เขาครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งจากนั้นจึงเสนอว่า "คุณนายกู่ ท่านแนะนำได้หรือไม่ว่าข้าควรทำอย่างไรในการจ่ายให้กับคำตอบข้อแรก"

"ย่อมได้" นางกู่ตอบ

เธอวางมือบางๆ ของเธอลงบนโต๊ะและแมลงอ้วนสีเงินเริ่มคลานออกจากแขนเสื้อของเธอ สัตว์ชนิดนี้มีลักษณะคล้ายหนอนผีเสื้อมาก แต่ตัวของมันหนาและใหญ่ ทุกส่วนของร่างกายถูกห่อหุ้มด้วยเปลือกเงา

“นี่ก็คือแมลงกินเงินต้องสาปที่ข้าเลี้ยงไว้” นางกู่อธิบาย "มันเติบโตโดยการบริโภคความมั่งคั่ง ข้าเพียงต้องการให้ท่านทำให้มันพัฒนาจากเงินเป็นทองภายในสามวัน ท่านเพียงแค่ต้องป้อนมันด้วยเงินเพียงเล็กน้อยเท่านั้น"

ชูเหลียงยิ้มแล้วตอบ “ตกลง”

เงื่อนไขเหล่านี้ดูเหมือนจะสมเหตุสมผลพอสมควร

โดยทั่วไปแล้วปัญหาที่สามารถแก้ไขได้ด้วยเงินไม่ใช่ปัญหาของผู้บ่มเพาะแต่อย่างใด

5 1 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด