บทที่ 40 ความลับแห่งโซลอีทเตอร์
หมิงซิ่วไม่ได้สนใจคนรอบข้างที่ลอบมองเขา หากแต่ดวงตาฟีนิกซ์ที่ยาวเรียวภายใต้หน้ากากทำให้หลูมู่หยานมองลึกลงไป แต่เพียงเสี้ยววินาทีมันก็หายวับอย่างรวดเร็วจนคนอื่นไม่สามารถสังเกตได้ทัน
เขาหยุดพูด ก่อนจะหายตัวไป
เหล่าเย่ที่รอให้หมิงซิ่วจากไป ค่อย ๆ เดินมาหาหลูมู่หยานด้วยรอยยิ้มที่อ่อนโยน “แม่นางไม่เป็นอะไรใช่หรือไม่?”
“ขอบคุณท่านเหล่าเย่ที่เป็นห่วงข้า แต่ข้าไม่เป็นไร” หลูมู่หยานยิ้มตอบ พร้อมกับส่ายหัวไปมา
หลูมู่หยานรู้สึกถึงแรงสั่นที่มาจากอสูรน้อยในมือของนางที่เริ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ ดวงตาของนางกลับนิ่งเรียบ ก่อนจะเอ่ยกับเหล่าเย่ทั้งที่ยังยิ้มว่า “เหล่าเย่ ข้าคงต้องไปก่อน ข้ามีอะไรต้องทำต่อ”
“ตกลง เจ้าทำเถิด” เหล่าเย่สังเกตเห็นอสูรร้ายตัวเล็กในมือของนางอยู่ในสภาพที่ไม่ดีนัก เขาจึงค่อย ๆ พรูลมหายใจออกมาด้วยความเสียดาย
หลูมู่หยานพยักหน้า จากนั้นจึงหยิบนกหวีดที่คล้องคอไว้ขึ้นเป่า ใช้เวลาเพียงไม่กี่ลมหายใจ ม้าอาชาตัวสีขาวสว่างก็ปรากฏอยู่เบื้องหน้าทุกคน
นางกล่าวลาหยุนหลัน และคนอื่น ๆ ก่อนจะขึ้นไปที่หลังม้าพร้อมกับอสูรกลืนกินวิญญาณ และออกจากหอการค้าหมิงเหมิงเพื่อมุ่งหน้ากลับไปที่บ้าน
ใบหน้าของกษัตริย์แห่งเจิ้งซีดูนิ่งตึง และซับซ้อนเกินอธิบาย เขาเหลือบมองไปรอบบริเวณก่อนจะหันหน้าหนีจากฝูงชน
เมื่อมองไปที่แผ่นหลังอันแสนกล้าหาญของหลูมู่หยานที่ออกไปแล้ว หยุนหลันก็มองกลับมาตรงหอการค้าอีกครั้ง ก่อนจะสังเกตเห็นว่าอีกหลายคนก็จ้องมองไปที่ลูกพี่ลูกน้องของเขาด้วยความงุนงง
“ไปกันเถอะ” เขาเอ่ยกับคนอื่น ๆ พร้อมกับซ่อนความรู้สึกแปลก ๆ เอาไว้ในดวงตา
หลังจากหยุนหลัน และคนอื่น ๆ กลับไป ฝูงชนที่ดูการปะทะเมื่อครู่ก็เริ่มกระจาย ก่อนจะพูดคุยถึงเกตุการณ์เมื่อครู่
ภายในเวลาไม่ถึงครึ่งวัน ข่าวการประมูลเม็ดยาซีซุยที่ในงานประมูลก็ได้แพร่กระจายไปทั่วเมืองหลวงของจักรวรรดิ ทำให้ตระกูลเล็กใหญ่ที่มีความคิดเป็นของตัวเองส่งสายลับเข้าไปที่คฤหาสน์ของท่านนายพลเพื่อสืบข้อมูล
จักรพรรดิดาบชุดดำได้รับบาดเจ็บสาหัสจากบุรุษผู้สวมใส่หน้ากากและชุดสีแดงลึกลับแห่งหอการค้าพันธมิตรแห่งรัตติกาลรัตติกาล ก่อนจะถูกโยนไปให้ฝ่ายควบคุมกฎหมายของหอการค้าจัดการ แต่ก็ถูกเจ้าหน้าที่ระดับสูงของจักรวรรดิสั่งห้ามเอาไว้อย่างเคร่งครัด
หลูมู่หยานไม่ได้สนใจว่าโลกภายนอกจะคิดอย่างไรเกี่ยวกับยาชำระไขกระดูกของนาง และทันทีที่นางกลับถึงบ้าน นางก็รีบเข้าไปในห้อง และวางอสูรร้ายตัวน้อยที่เริ่มสั่นเทาอยู่ในอ้อมแขนของนางไว้บนโต๊ะ
ในเวลานี้ กรงเล็บทั้งสี่ข้างของอสูรร้ายตัวน้อยขดเบียดเข้าหากันรุนแรงขึ้น ใบหน้าของนางเริ่มนิ่งเรียบ ก่อนที่จะสอดมือข้างหนึ่งเข้าไปที่บริเวณหัวของอสูรกลืนกินวิญญาณ ก่อนจะใช้พลังจิตสังเกตอย่างลึกซึ้ง
หลูมู่หยานใช้พลังจิตตรวจสอบร่างกายของอสูรร้ายตัวน้อย พบว่าเส้นลมปราณของมันไม่ได้แตก และอวัยวะภายในก็ไม่ได้บุบสลาย แต่อะไรที่ทำให้มันแสดงออกมาแบบนั้น?
ขณะที่กำลังใช้พลังจิตพินิจพิเคราะห์ หลูมู่หยานมองดูร่างกายภายในของอสูรครั้งแล้วครั้งเล่าอย่างระมัดระวัง
ฮะ!
เมื่อพลังจิตของนางสัมผัสเข้ากับแกนคริสตัลของอสูรโดยบังเอิญ นางพบว่าพลังงานภายในค่อนข้างรุนแรง แกนคริสตัลของมันก็ค่อย ๆ วูบจาง และแปรปรวนเป็นอย่างมาก
นางรวบรวมพลังให้แน่นขึ้น ค่อย ๆ ผลักร่องรอยของพลังวิญญาณธาตุไม้เข้าไปในร่างของอสูรกลืนกินวิญญาณ ทำให้แกนคริสตัลที่กระสับกระส่ายสงบลงทีละนิด หลังจากที่พลังงานถูกระงับหลูมู่หยานจึงค่อย ๆ ใช้พลังวิญญาณเจาะเข้าไปในนิวเคลียสคริสตัล
“มันกลายเป็นตราประทับ” หลูมู่หยานประหลาดใจ มีตราประทับอยู่ในแกนตรัสตัลของอสูรกลืนกินวิญญาณได้อย่างไร?
ไม่แปลกที่นางจะรู้สึกถึงพลังทางจิตที่ผิดปกติในร่างกายของอสูรกลืนกินวิญญาณในห้องประมูลส่วนตัวก่อนหน้านี้ อสูรตัวนี้สามารถปกป้องอวัยวะภายในได้ แต่พลังกลับหายไป ดูเหมือนว่าจะเป็นปัญหาของแกนคริสตัลนี้
เมื่อเห็นว่าลมหายใจของอสูรที่อยู่โต๊ะค่อย ๆ อ่อนลง พร้อมกับร่างกายที่สั่นเทิ้มอย่างรุนแรงราวกับกำลังจะตายอีกในไม่ช้า หลูมู่หยานจึงสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ และรวบรวมสติเพื่อตัดสินใจอย่างกล้าหาญ
หลูมู่หยานระดมยิงพลัง และดึงเครื่องรางแห่งความว่างเปล่าทั้งสิบชิ้นด้วยพลังวิญญาณ ก่อนจะทะลวงเข้าไปในร่างกายของอสูรกลืนกินวิญญาณทีละตัว ก่อนจะสร้างรูปแบบห้าองค์ประกอบที่ทลายผนึก
จากนั้นหลูมู่หยานค่อย ๆ แทรกสายริ้วของวิญญาณเข้าไปที่แกนตริสตัลที่ถูกผนึก และไม่นานนางก็ได้พบกับพลังของผนึกนี้ นางค่อย ๆ ใช้พลังวิญญาณผลักเข้าไป กัดกร่อนพลังบนผนึกที่ล้อมรอบหมอกดำ
ผ่านไปได้สักระยะใบหน้าของหลูมู่หยานก็เริมซีดลง เหงื่อเม็ดเล็กเริ่มผุดขึ้นตามใบหน้าสวย ขนตาของนางสั่นไหวเนื่องจากดวงตาที่ปิดสนิท
หลูมู่หยานไม่ได้นิ่งเฉย มือข้างหนึ่งของนางลูบไปที่อสูรกลืนกินวิญญาณ ส่วนมืออีกข้างก็คอยสร้างผลึกในอากาศ และธาตุทั้งห้า ทำให้เกิดการก่อตัวกลางอากาศรวมกันเป็นลำแสงห้าสีที่พุ่งเข้าหาร่างอสูรร้ายตัวน้อยที่ห่อหุ้มแกนคริสตัลสีม่วงไว้ภายใน
หมอกสีดำที่เกาะอยู่ที่แกนคริสตัลสีม่วงถูกกลืนกินโดยพลังงานทางจิตวิญญาณของหลูมู่หยาน และผนึกใยสีดำหนาที่พันรอบอยู่กับแกนคริสตัลก็ถูกสลายออกเช่นกัน
หลังจากการก่อตัวของธาตุทั้งห้า ทันใดนั้นอสูรร้ายตัวน้อยก็ระเบิดแสงห้าสีออกมาปกคลุมพลังใยสีดำทันที พร้อมกับการต่อสู้ที่ไม่มีใครยอมใคร
หลูมู่หยานกัดฟันเมื่อเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นตรงหน้า นางส่งพลังวิญญาณทั้งหมดไปที่อสูรร้ายตัวเล็กเพื่อปกป้องแกนคริสตัลสีม่วง จนมาถึงกุญแจสำคัญ หลูมู่หยานลืมตาขึ้นก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาว่า “แตกสลาย!”
ทันทีที่สิ้นเสียงของหลูมู่หยาน แกนคริสตัลก็เปล่งแสงสีม่วงออกมาทำลายชั้นพลังของเส้นใยสีดำที่เกาะอยู่กับแกนคริสตัลจนสิ้นซาก
เมื่อแสงหายไป คริสตัลก็เปล่งแสงสีม่วงประกายออกมา ก่อนที่พลังที่ไม่ใช่ของนางจะระเบิดออกจากคริสตัล และขับไล่ผนึกที่ตรึงเอาไว้ออกไป
หลูมู่หยานตกใจ นางรู้สึกได้ถึงพลังการบีบบังคับของอสูรร้ายกลืนกินวิญญาณที่สามารถเปล่งแสงได้ รวมไปถึงพลังวิญญาณอันทรงพลังที่ซ่อนอยู่ในคริสตัล
ดวงตาของหลูมู่หยานเริ่มมีความชัดเจน นางกรีดนิ้วก่อนที่จะนำเลือดมาหยดลงบนส่วนหัวของอสูรกลืนกินวิญญาณ หลอมรวมเข้ากับขนสีแดงปุกปุยราวกับเปลวไฟ
หลูมู่หยานกำลังสวดมนต์ฟาจู และเมื่อเสร็จสิ้นก็ปรากฏตราสีแดงสีในอากาศ นางใช้สองนิ้วชี้ไปที่ตรงนั้น ก่อนที่ฟาหยินจะหายไปพร้อมกับเลือดที่อยู่บนหน้าผากของอสูรกลืนกินวิญญาณ และนางก็ได้สร้างเครื่องรางของสัญญาเอาไว้ที่ทะเลแห่งจิตสำนึกของอสูรตัวน้อยด้วย
แสงสีม่วงจากแกนคริสตัลของอสูรกลืนกินวิญญาณค่อย ๆ จางหายไป ในขณะที่พลังวิญญาณยังไม่ฟื้นตัวดีนัก ยันต์สัญญาของหลูมู่หยานก็ได้ผ่านเข้าไปถึงทะเลแห่งจิตสำนึกของอสูรตัวน้อยแล้ว
หลูมู่หยานถอนหายใจด้วยความโล่งอก และฟื้นพลังทางจิตทั้งหมดที่ปลดปล่อยเข้าไปในร่างกายของอสูรตัวน้อย และแกนตริสตัล
หลังจากนั้นครู่หนึ่ง เปลือกตาของอสูรร้ายตัวเล็กก็ค่อย ๆ เปิดขึ้น และในดวงตาสีดำขลับคู่นั้นก็เต็มไปด้วยความนิ่งเรียบ
ทันใดนั้นก็มีพลังจิตที่มองไม่เห็นทะลุเข้าไปในจิตสำนึกของหลูมู่หยาน หัวของนางถูกทิ่มแทงด้วยเข็มจำนวนนับไม่ถ้วน ก่อนที่นางจะรีบปกป้องทะเลแห่งจิตสำนึก และระดมพลังจิตของนางเพื่อสร้างใยแมงมุมขนาดใหญ่ต้านทานการรุกรานของศัตรู
“ข้าช่วยเจ้าแล้ว ทีนี้เจ้ายังอยากล้างแค้นอยู่หรือไม่?” หลูมู่หยานจ้องไปที่อสูรร้ายกลืนกินวิญญาณด้วยอารมณ์ที่เปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว และดวงตาที่ชัดแจ้งของนางก็สบเข้ากับดวงตาไร้แววราวกับบ่อน้ำลึกที่หาจุดสิ้นสุดไม่ได้
ดวงตาของอสูรน้อยตัวนี้เริ่มแสดงความไม่แน่นอน และคงต้องใช้เวลาสักพักในการถอนพลังจิตที่รุกรานหลูมู่หยานอยู่
ทันทีที่พลังจิตหายไป เสียงเย็นชาก็ดังก้องขึ้นในจิตสำนึกของนาง “เจ้ามนุษย์ผู้อ่อนแอ เจ้ากล้าที่จะทำสัญญากับราชาผู้นี้ด้วยการบังคับ ให้ตายเถอะ!”