บทที่ 37 เดิมพันกับราชาแห่งดาบ
หลังจากที่หลูมู่หยานเสร็จสิ้นกับการพูดคุยกับเหล่าเย่ นางก็รีบไปพบหยุนหลันทันที และเมื่อนางออกจากประตูของหอการค้า นางสังเกตเห็นบุรุษวัยกลางคนร่างกายกำยำ และชายชราในชุดสีดำผอมแห้งหยุดอยู่ตรงหน้าหยุนหลัน ก่อนที่นางจะเกิดคำถามขึ้นในใจว่าสองคนนี้เป็นใคร?
“มู่หยาน ข้าจะส่งเจ้ากลับไปที่คฤหาสน์นายพล” หยุนหลันพูด ก่อนจะเดินมาหาหลูมู่หยานที่ยืนอยู่
ย้อนหลับไปเมื่อครู่ ราชาแห่งเจิ้นซีได้เอ่ยถามพวกเขาถึงผู้ที่ครอบครองฮั่วหยุนเตียว พวกเขาจึงพยายามบ่ายเบี่ยงเพื่อเก็บมันไว้เป็นความลับ ทว่ากู่ยันรันกลับพูดออกไปเสียหมด นั่นจึงเป็นเหตุผลที่ทำไมเขาจึงต้องไปส่งหลูมู่หยานที่คฤหาสน์นายพล
“ตกลง” หลูมู่หยานยิ้ม และพยักหน้า
แม้ว่าหลูมู่หยานจะตกลงออกไปแบบนั้น แต่นางสัมผัสได้ว่าการที่นางจะเดินทางกลับนั้นไม่ใช่เรื่องง่ายแน่ ๆ
“ทำไมต้องกังวลขนาดนั้นด้วยเล่า” หวังเจิ้นซีเอ่ย ก่อนจะยื่นมือออกไปข้างหน้าเพื่อหยุดหยุนหลันเอาไว้ เขาจะปล่อยให้คน ๆ นั้นออกไปได้อย่างไร
หวังเจิ้นซีมองไปยังหลูมู่หยานที่สวมใส่ชุดสีม่วง ผมยาวม้วนขึ้นเป็นมวยแบบธรรมชาติ ดวงตานิ่งเรียบ ประกอบกับใบหน้าที่สวยงามน่าเย้ายวนแม้ว่าอายุยังน้อย
หลูมู่หยานเป็นหนึ่งในสตรีไม่กี่นางในช่วงหลายปีที่สามารถดึงดูดสายตาของหวังเจิ้นซีได้ น่าเสียดายนักที่เขาไม่สามารถแตะต้องนางได้ เนื่องจากหลูมู่หยานเป็นบุตรสาวของหลูหม่าอวี้
“นี่หรือลูกสาวสุดที่รักของแม่ทัพหลู” ‘หยุนเทียนซ่ง’ เคยพบกับหลูมู่หยานมาแล้วก่อนหน้า แต่เขาไม่ได้ประทับใจอะไรในตัวนางในตอนนั้น สิ่งที่เขารู้ก็มีเพียงแค่ชื่อเสียงของหลูมู่หยานที่ถูกเรียกว่าเป็นขยะไร้ค่า ซึ่งนั่นก็เรียกเสียงหัวเราะของเขาได้เป็นอย่างดี
“ราชาแห่งเจิ้นซี” หลูมู่หยานพยักหน้าด้วยท่าทางเฉยเมย และด้วยความที่เป็นศัตรูของท่านพ่อ นางไม่จำเป็นต้องทำหน้ายิ้มแย้ม บวกกับสายที่แสนตาโอหังนั่นก็ยิ่งทำให้นางอึดอัด ชั่วแวบหนึ่งของความคิดหลูมู่หยานรู้สึกว่าอยากจะฆ่าเขา
“เจ้าได้ฮั่วหยุนเตียวหรือไม่?” หยุนเทียนซ่งยังไม่ได้เอ่ยอะไรออกไป พลันชายชราชุดดำที่อยู่ข้าง ๆ ก็มองไปยังหลูมู่หยาน ก่อนที่จะเอ่ยถาม
“ใช่” สีหน้าของหลูมู่หยานยังคงเหมือนเดิม
“ตอนนี้ข้ามอบให้ชายชราแล้ว สิ่งที่ชายชราพูดก่อนหน้านี้ก็ยังใช้ได้อยู่ ข้าเป็นหนี้บุญคุณ” ชายชราในชุดสีดำไม่ได้แสดงอะไรออกมาด้วยสายตาที่เฉียบคม
“ขออภัย แต่ก็ยังคงต้องตอบตามเดิม” หวังพึ่งของเก่า ขายของเก่า และไม่มีทางรังแกคนอ่อนแอ
“สาวน้อย ชายชราเป็นจักรพรรดิดาบที่แข็งแกร่ง! ท่านพ่อของเจ้าไม่สอนการมีเมตตาต่อผู้อื่นหรือ?” ดวงตาของชายชราผู้นั้นเต็มไปด้วยความไม่พอใจ รวมทั้งแรงกดดันก็เพิ่มขึ้นเอ่อล้น นับตั้งแต่เขาได้เลื่อนระดับขึ้นมาเป็นจักรพรรดิแห่งดาบ มีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่ไม่ไว้หน้าเขา
ริมฝีปากของหลูมู่หยานถูกเม้ม พร้อมกับค่อย ๆ หลุดยิ้มออกมาเล็กน้อย นางมองไปที่ชายชราคนนั้นอย่างไม่เกรงกลัว “ข้าเดาว่าผู้อาสุโสเข้าใจกฎการประมูล? ยิ่งราคาสูง และนี่ก็คือเหิงกู และถ้าเหตุผลในการเปลี่ยนแปลงคือผู้อาวุโสต้องการฮั่วหยุนเตียวที่ประตูของหอการค้า ผู้น้อยก็ไม่มีอะไรจะพูด”
แล้วจักรพรรดิดาบ? ตอนนี้หลูมู่หยานพอแล้ว และนางก็ไม่เข้าใจว่าทำไมใคร ๆ ก็อยากจะเหยียบย่ำนางนักหนา
แม้ว่านางจะไม่อยากประณีประนอม แต่เมื่อต้องเผชิญกับผู้ที่แข็งแกร่งตรงหน้า นางก็ไม่อยากจะต่อกรอะไรโดยตรงกับราชาดาบคนนี้
“เจ้าจะส่งฮั่วหยุนเตียวให้ชายชราได้อย่างไร?” ใบหน้าของชายชราในชุดดำเริ่มนิ่งตึง เสียงของเขาแหบแห้ง และเจือไปด้วยความโกรธเล็ก ๆ รวมไปถึงพลังการบีบบังคับของเขาก็เริ่มก่อตัวแน่นขึ้นอีกด้วย
หลูมู่หยานเหลือบมองรอบข้าง ก่อนจะเหยียดหลังของนางให้ตรงขึ้นเพื่อรับแรงกดดันจากชายชราที่จงใจปล่อยออกมา ตอนนี้ใบหน้าของนางเริ่มซีด และเหงื่อกาฬก็เริ่มชื้นขึ้นที่บริเวณปลายจมูก
ตอนนี้ ถือเป็นครั้งแรกที่หลูมู่หยานต้องเผชิญหน้ากับการบีบบังคับของจัรพรรดิแห่งดาบเพียงลำพัง และด้วยระยะห่างที่ต่างกันถึงสามระดับของฐานการบ่มเพาะซึ่งไม่ใช่เรื่องเล่น ๆ แค่แรงกดดันที่ชายชราผู้นั้นปล่อยออกมา ก็แทบจะทำให้หลูมู่หยานไม่สามารถขยับตัวได้แล้ว และนางเองก็คาดว่าชายชราผู้นี้สามารถฆ่านางได้ภายในไม่กี่นาที
มือของหยุนหลันชื้นไปด้วยเหงื่อ ตอนนี้จักรพรรดิดาบที่แข็งแกร่ง มีใบหน้าซูบตอบ ผิวของเขาเป็นสีเขียวเล็กน้อย รวมไปถึงดวงตาของเขาก็แฝงไปด้วยความดุร้าย และความเป็นปรปักษ์ซ่อนอยู่ ชายชราผู้นี้อาจจะกำลังฝึกฝนทักษะจากผีเต๋า ส่งผลให้อารมณ์ของเขาแปรปวน โหดร้าย และเอาแน่เอานอนไม่ได้
หยุนหลันไม่สามารถปล่อยให้หลูมู่หยานตกอยู่ในอันตรายได้ และเขาเองก็ไม่สามารถเดินออกไปทื่อ ๆ ได้เช่นกัน เขาจึงหันไปขยับตากับหยุนจินอย่างเงียบ ๆ
หยุนจินพยักหน้ารับเมื่อได้รับสัญญาณจากหยุนหลันที่กำลังกังวลในเรื่องเดียวกัน เขาเงยหน้าขึ้น และเมื่อเห็นว่าจักพรรดิดาบในตอนนี้ไม่ได้สนใจใครนอกจากหลูมู่หยาน เขาจึงค่อย ๆ ถอยห่างออกจากฝูงชน ก่อนจะหันหลังกลับไปที่หอการค้าหมิงเหมิงเพื่อขอความช่วยเหลือ
ตอนนี้ หลูมู่หยานที่กำลังจนมุมเห็นสีหน้าที่เริ่มดุดันของอีกฝ่าย แววตาของนางในตอนนี้ดูกระวนกระวายมากขึ้นเรื่อย ๆ นางจึงค่อย ๆ ใช้ความคิด ก่อนที่ลูกอสูรสีขาวที่มีมือใหญ่ตกลงในมือของนาง จากนั้นหลูมู่หยานก็เค้นหัวเราะออกมา “ผู้อาวุโสทำไมท่านกับข้าไม่มาพนันกันล่ะ?”
“พนันอะไร?” ชายชราชุดสีดำเหลือบมองอรูสร้ายที่ร้อนระอุ ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองไปที่หลูมู่หยานเพื่อดูว่าสตรีผู้นี้จะมีกลอุบายอะไรอีก
“ในเมื่ออสูรร้ายตัวน้อยนี้มีความสำคัญต่อทั้งท่าน และข้า ทำไมไม่ลองให้มันเลือกล่ะ เป็นอย่างไร?” หลูมู่หยานยิ้ม “ถ้าฮั่วหยุนเตียวยอมรับผู้อาวุโสเป็นนาย ข้าจะมอบให้ แต่ถ้าไม่ท่านไม่รับเงิน ก็ไม่จำเป็นต้องติดค้างอะไร ท่านผู้อาวุโส”
“แต่ถ้ามันเลือกผู้ที่เด็กกว่า แสดงว่าคงมีเวรกรรมอะไรกันมากกว่า และข้าก็ขอให้ปล่อยมันไป” หลูมู่หยานไม่ได้เลือกที่จะเมินความเคารพที่จะต้องมีให้ต่อผู้ที่แข็งแกร่ง แต่นางก็ไม่ได้ทำท่าอ่อนน้อม หรือเอาแต่ใจ
ชายชราชุดดำเบะริมฝีปากเล็กน้อย เขามองไปที่หน้าผากของหยุนเตียวที่สามารถตรวจจับไฟได้ด้วยพลังจิต และเขาก็พบว่าจือไห่ของเขายังตอบสนอง ฉะนั้นเขาจึงพยักหน้ารับคำท้าของหลูมู่หยาน “ตกลง!”
ชายชราแอบหัวเราะในความไร้เดียงสาของหลูมู่หยาน ทุกคนรู้เพียงว่าเขาเป็นราชาดาบที่แข็งแกร่ง แต่พวกเขาไม่รู้ว่าจริง ๆ แล้ว เขายังเป็นเจ้าแห่งอสูรวิญญาณ! อสูรกลืนกินวิญญาณตัวนั้นอยู่เพียงแค่ระดับสอง และแม้ว่าเขาจะเป็นเพียงแค่เจ้าอสูรวิญญาณระดับต่ำ แต่เขาสามารถไขว่คว้ามันได้
“ท่านผู้อาวุโส ได้โปรด” หลูมู่หยานเม้มริมฝีปาก พร้อมกับวางอสูรร้ายลงบนพื้น ก่อนจะเดินถอยหลังออกไปสองสามก้าว
เนื่องจากการประมูลสิ้นสุดลง ผู้คนจำนวนมากต่างพากันสนใจการเดิมพันระหว่างผู้อาวุโส และหลูมู่หยานด้วยความตื่นเต้น
เมื่อได้เห็นพฤติกรรมของหลูมู่หยานก็เดาได้ว่า นางต้องการมอบฮั่วหยุนเตียวให้แก่จัรพรรดิแห่งดาบที่แข็งแกร่ง เพื่อให้ตัวเองก้าวไปสู่การเดิมพันที่ไร้ความหมาย
มือของกู่ยันรันที่กำแขนเสื้อของตัวเองไว้คลายออกกะทันหัน ก่อนที่ดวงตาจะแฝงไปด้วยรอยยิ้มร้าย หลูมู่หยานกล้าแม้กระทั่งรุกรานจักรพรรดิแห่งดาบผู้แข็งแกร่ง งี่เง่าเสียจริง แต่เมื่อถึงคราวนางแพ้พนันนางจะต้องเสียชื่อ และเงิน กู่ยันรันทนรอต่อไปแทบไม่ไหว
ในเวลานี้ การทำธุระของเหล่าเย่ออกจากหอการค้า และหยุดลงตอนจะก้าวไปข้างหน้า เขากอดอก และยินพิงเสาหินที่ประตูทางออกด้วยความสนใจ
เมื่อเห็นว่าองค์รัชทายาทหยุดอย่างกระทัน เหล่าเย่ก็หันมองไปที่หมิงซิ่ว ก่อนจะเอ่ยถามอย่างไม่เข้าใจว่า “ฝ่าบาท?”
“เราดูกันก่อน” หมิงซิ่วมองไปที่หลูมู่หยาน เพื่อที่จะต้องการดูว่าสตรีร่างเล็กผู้นี้ จะเอาชนะการเดิมพันได้อย่างไร