บทที่ 353: สายตาหายสั้นเร็วมาก! หากผลลัพธ์ที่ได้รุนแรงเกินไปก็ลำบากเช่นกัน!
หลี่เจี๋ยคิดว่าเธอคิดไปเอง แต่เมื่อเช็กดูดี ๆ แล้วกลับพบว่าไม่ได้เห็นภาพหลอนจริง ๆ ด้วย เพราะคำว่า ‘มุ่งมั่นทำงานเพื่ออนาคต’ ที่แปะอยู่บนผนังแผนกมัลติมีเดียพร่ามัวเล็กน้อย
นั่นเป็นเพราะว่าสายตาของเธอดีขึ้นส่งผลให้กำลังของเลนส์แว่นตาที่ใช้อยู่ไม่ตรงกับสภาพสายตาอีกต่อไป ทำให้เวลามองไปไกล ๆ จะรู้สึกเหมือนมีหมอกอยู่ตรงหน้า
มันทำให้เธอนึกถึงโสมที่เถ้าแก่มอบให้โดยไม่รู้ตัวและมองด้วยความไม่อยากจะเชื่อ
เถ้าแก่บอกว่าโสมนี่สามารถรักษาโรคสายตาสั้นได้ แต่ผลที่ได้ก็ไม่ควรจะชัดเจนขนาดนี้มั้ย
สามารถจินตนาการถึงความตกใจของหลี่เจี๋ยในตอนนี้ได้เลย เธอไม่อยากจะเชื่อเลย แต่เธอก็ตั้งตารอมันอย่างไม่มีที่สิ้นสุด
ต่อมาเธอได้ทำตามคำสั่งของเถ้าแก่อีก หลังมื้อค่ำในตอนเย็นเธอก็หั่นโสมขาวกินอีกชิ้น
ความอุ่นสบายเกิดขึ้นที่ดวงตาเธออีกครั้ง
นี่ยิ่งทำให้เธอตั้งตารอมากกว่าเดิมอีก
วันต่อมา
หลี่เจี๋ยตื่นแต่เช้า
ทันทีที่เธอตื่นเธอก็แตะแว่นตาที่อยู่ข้างเตียงแล้วหยิบมาสวมตามที่ติดเป็นนิสัย
นี่เป็นการกระทำอันเป็นนิสัยของคนสายตาสั้นทุกคน
ทว่าหลังจากที่สวมแว่นแล้วหลี่เจี๋ยต้องตกตะลึง เพราะว่าภาพที่เธอเห็นมันพร่ามัวมากทำให้เธอต้องถอดแว่นออกโดยไม่รู้ตัว แล้วภาพที่เห็นก็เป็นภาพที่ชัดกว่าตอนใส่แว่น
เธอนึกอะไรบางอย่างออกทันทีและรีบหาแว่นตาที่ใช้เมื่อปีกลายที่กำลังของเลนส์ต่ำกว่าที่ใช้อยู่ตอนนี้
เมื่อกำลังของเลนส์สูงเกินค่าสายตามาเกินไปจะทำให้ภาพที่เห็นดูพร่ามัว
และเมื่อเจอแว่นตาที่ใช้เมื่อปีกลายเธอก็เอามาใส่ดู แล้วเธอก็พบว่าภาพที่เห็นนั้นชัดเจนมากเหมือนปกติ
พูดง่าย ๆ คือสายตาของเธอดีขึ้นจริง ๆ งั้นสิ?
เธอรีบมองหาโสมที่นำกลับมาด้วยและหยิบมาถือไว้อย่างประคบประหงมราวกับสมบัติล้ำค่า
โสมที่เถ้าแก่มอบให้สามารถรักษาโรคสายตาสั้นได้จริงและผลที่ได้ก็น่าอัศจรรย์มาก
แม้แต่เทคโนโลยีทางการแพทย์ที่ยอดเยี่ยนมก็ยังไม่มีทางที่จะแก้ปัญหานี้ได้แต่ว่าโสมอันนี้กลับแก้มันได้แล้ว
เธอไม่รู้มาก่อนเลยด้วยซ้ำว่าโสมเองก็มีสรรพคุณแบบนี้อยู่ด้วย หากเธอรู้ว่ามันราคาเท่าไหร่ล่ะก็เธอจะยอมไปแย่งซื้อมากินตั้งนานแล้ว
จากนี้จึงเห็นได้ชัดว่าผลในการรักษาสายตาสั้นของโสมขาวเลเวล 3 นั้นรุนแรงมาก ดวงตาถือเป็นอวัยวะหนึ่งที่ซับซ้อนและเปราะบางที่สุดในร่างกายของมนุษย์ ดังนั้นแม้จะมีโบนัสคุณสมบัติ +3 ก็ตามก็ยังไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้ในทันที
อีกไม่กี่วันต่อมา
หลี่เจี๋ยจะพกกล่องเล็ก ๆ ไว้ใกล้ตัวที่เธอใช้ใส่โสม ทุกวันหลังอาหารเธอจะหั่นโสมเป็นชิ้นเล็ก ๆ กิน
ไม่กี่วันต่อมาเธอก็ตื่นแต่เช้าอีกครั้ง และเมื่อลืมตาขึ้นใบหน้าของเธอก็ต้องยิ้มแย้มด้วยความดีใจ
ความรู้สึกที่ตื่นขึ้นมาแล้วภาพชัดแบบนี้มันช่างยอดเยี่ยมเหลือเกินจะกล่าว
ในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมาเธอได้กินโสมที่เถ้าแก่ให้มาหลังมื้ออาหารทุกมื้อ จนในที่สุดตอนนี้เธอไม่ต้องใส่แว่นแล้ว
หลี่เจี๋ยที่กำลังใจมาเต็มได้เดินไปแต่งหน้าตัวเองให้สวยที่โต๊ะเครื่องแป้ง
ก่อนหน้านี้เธอเคยแต่งไปทำงานอยู่ เพียงแต่ไม่ได้ตั้งใจแต่งอย่างประณีตอะไรนัก เพราะไม่ว่าเธอจะแต่งหน้าเก่งแค่ไหนมันก็ทำได้ไม่ดีเนื่องจากสายตาสั้นมากจนมองหน้าตัวเองในกระจกยังไม่ชัด หรือจะใส่คอนแทกเลนส์แต่งก็ไม่ไหวเนื่องจากดวงตาเธอไวต่อการสัมผัสมากเกินไป
แต่ตอนนี้เธอสามารถแต่งหน้าให้สวยระดับไฮเอนด์ได้แล้ว เมื่อแต่งหน้าเสร็จเธอก็ส่องกระจกมองตัวเองอย่างพึงพอใจ จากนั้นก็เดินสวย ๆ ออกจากบ้านไปทำงานที่บ้านไร่
เมื่อหลี่เจี๋ยมาถึงแผนกมัลติมีเดียย่อมดึงดูดความสนใจของเพื่อนร่วมงานชายที่อยู่ข้างในเป็นธรรมดา แต่ละคนล้วนอดไม่ได้ต้องกระซิบกระซาบกัน
“นั่นหลี่เจี๋ยเหรอ?”
“ทำไมเมื่อก่อนไม่เคยเห็นสวยเลยล่ะ”
“จริง!”
แว่นตาหนา ๆ นั้นมีผลกระทบต่อหน้าตาและบุคลิกภาพเป็นอย่างมาก จึงมีคำพูดว่าแว่นตาคือตัวปิดบังรูปลักษณ์ของคน
ที่สำคัญกว่านั้นคือเมื่อไม่สวมแว่นตาจะทำให้ผู้คนจะมีความมั่นใจมากขึ้น
เมื่อจับคู่กับหลี่เจี๋ยซึ่งหน้าตาดีเป็นทุนเดิมอยู่แล้วก็จะให้ความรู้สึกต่างไปจากเพื่อนร่วมงานปกติของเธออย่างเห็นได้ชัด
ส่วนคนที่ประหลาดใจสุดคือมือตัดต่อทั้งสองคน
เพราะพวกเขารู้เบื้องหลังเรื่องนี้ดีที่สุด พวกเขาเองก็กินโสมที่เถ้าแก่ให้มาเหมือนกัน และแน่นอนว่าย่อมรู้ถึงผลลัพธ์อันน่ามหัศจรรย์ของมันแล้วด้วย
แว่นตาที่พวกเขาใส่ตอนนี้ก็คือแว่นตาที่เคยใส่เมื่อประมาณ 2 ปีก่อน
แต่โรคสายตาสั้นของหลี่เจี๋ยนั้นแย่กว่าของพวกเขา แล้วทำไมเธอถึงฟื้นฟูสายตาได้รวดเร็วกว่าพวกตนกันล่ะเนี่ย
ในขณะที่ทั้งสองคนกำลังสับสนอยู่นั้นในใจลึก ๆ ก็แอบมีความหวังอยู่เช่นกัน
เพราะการทำงานทำให้ตอนนี้ดูจากหัวก็รู้ว่ารวย แต่ก่อนจะแก้ปัญหาเรื่องหัวมันรวยมากก่อนอื่นคือถอดแว่นตานี่ทิ้งก่อนน่าจะดีกว่า
หลังจากที่หลี่เจี๋ยนั่งลงเธอก็จัดโต๊ะทำงาน และเมื่อเธอเห็นหลินหลานจื่อเข้ามาก็เดินตามเข้าไปในห้องทำงานของหลินหลานจื่อทันที “ผู้จัดการคะ ตอนนี้สายตาหนูหายดีแล้วค่ะ”
ตอนที่เถ้าแก่ให้โสมมาก็ได้กำชับแล้วว่าให้รายงานผลด้วย
“อะไรนะ?”
หลินหลานจื่อได้ยินก็ประหลาดใจเล็กน้อย จากนั้นจึงรีบถามว่า “โสมที่เถ้าแก่ให้มาได้ผลด้วยเหรอ!”
ที่เธอแปลกใจมากเนื่องจากรู้ดีว่าอาการของหลี่เจี๋ยนั้นหนักหนาแค่ไหน
แต่ตอนนี้เพราะกินโสมที่เถ้าแก่มอบให้ทำให้ภาวะสายตาสั้นของหลี่เจี๋ยหายดีแล้ว? โสมของเถ้าแก่ไม่แรงเกินไปเหรอ?
แล้วเธอก็คิดว่าเถ้าแก่คงจะรวยอีกครั้งแล้วล่ะ
การที่จู่ ๆ เถ้าแก่ก็สั่งให้พวกหลี่เจี๋ยลองโสมแบบนี้เธอรู้ดีว่านี่จะต้องเป็นผลผลิตที่พึ่งได้มาใหม่ และด้วยผลลัพธ์ที่เห็นนี้ย่อมเป็นเรื่องยากที่จะไม่ฟันกำไร
แล้วหลินหลานจื่อก็เรียกมือตัดต่อทั้งสองมาถามผลลัพธ์ต่อในทันที
...
คฤหาสน์ชิงหลิน
ฉินหลินได้ย้ายกระถางดอกไม้จากพื้นที่ด้านในของคฤหาสน์ออกมาวางยังพื้นที่ของคฤหาสน์
ดินในกระถางเป็นดินวิเศษและมีการปลูกพืชชนิดพิเศษด้วยดินนั้น
แน่นอนว่าย่อมเป็นพืชตระกูลเดียวกับโสมขาวโดยภายในนั้นมีโสมขาวตาใสอยู่ด้วย
มันก็ต้องเอาแบบนี้นั่นแหละ เพราะมีหยวนชื่ออยู่ในคฤหาสน์นี้ถึง 3 ท่าน
หากเป็นเรื่องอื่น ๆ นั้นเขาสามารถผลักภาระไปให้พี่หลี่แบกได้สบาย ๆ
แต่โสมขาวตาใสนี้ไม่ได้
จากประสบการณ์ที่ผ่านมาทั้งน้ำยาเสริมสร้างร่างกายและผงยารักษามะเร็งลำไส้ เขามีแต่ต้องแถว่าได้พบกับวิธีการปลูกโสมขาวในหนังสือแพทย์แผนโบราณโบราณ
แต่ก็นึกไม่ถึงเหมือนกันว่าจะปลูกแล้วได้โสมขาวที่สามารถใช้รักษาโรคสายตาสั้นได้แบบนี้
เขายังมีข้อมูลอ้างอิงประกอบการแถอย่างเช่น ‘ก๋วงหย่า’ ที่จางอี้แห่งรัฐเว่ยเขียนในสมัยสามก๊ก ‘ไท่ผิงยู่หลั่น’ ชุดหนังสือที่พวกหลี่ฝางรวบรวมไว้ในช่วงปีไท่ผิงซิงกั๋วใรสมัยราชวงศ์ซ่ง ‘เปิ๋นเฉ่ากังมู่’ ของหลี่ฉือเจิน และหนังสือชื่อ ‘ชุนชิวยุ่นโต้วชู’ ซึ่งมีบันทึกเกี่ยวกับการปลูกโสม และยังมีหนังสืออื่น ๆ อีก
เขาพึ่งจะศึกษาจากบันทึกในหนังสือบางเล่มเท่านั้นเอง
หากมีคนคิดจะถามหาความจริงแล้วเขาโบ้ยไปให้พี่หลี่ที่ไม่มีความรู้เรื่อแพทย์แผนโบราณเลยก็โง่แล้วไม่ใช่เหรอ
ผู้ที่เข้าใจโลกจะรู้ว่าสิ่งนี้เป็นผลงานการวิจัยของคนอื่น และผลกระทบนี้จะเป็นความลับทางการค้าต่อจากนี้ไป ถึงตอนนั้นหากยังมีคนคิดถามหาความจริงที่นี่อยู่อีกล่ะก็ไม่เท่ากับคนคนนั้นปัญญาอ่อนอยู่หรอกเหรอ
และต้นโสมขาวในกระถางเหล่านี้ได้ถูกขุดออกมาจากเกมในช่วงเวลาที่เหมาะสม
ทำอย่างต่อเนื่องไม่นานนัก็มีต้นโสมขาวที่ปลูกอยู่ในกระถางเป็นจำนวนมากวางอยู่ที่นั่นแล้ว
ในไม่ช้าฉู่หยวนชื่อ, หลี่หยวนชื่อ และหลินหยวนชื่อที่กำลังจะไปเดินเล่นได้เดินผ่านมาเห็นฉินหลินเข้าพอดี
หลี่หยวนชื่อถามอย่างสงสัย “ทำไรอยู่เหรอครับเถ้าแก่ฉิน”
ฉินหลินจึงได้โอกาสแสดงสิ่งที่วางแผนไว้นานแล้วให้ดู “พอดีผมอ่านหนังสือแพทย์แผนโบราณแล้วไปเจอกับวิธีปลูกโสม แล้วตอนนี้โสมพวกนี้ก็มีสรรพคุณอะไรบางอย่างเพิ่มเติมเข้ามาน่ะครับ”
มันได้ดึงดูดความสนใจของหยวนชื่อทั้งสาม พวกเขาจึงเดินเข้ามาดูด้วย
ในประเทศนี้โสมเป็นอะไรที่เรียกได้ว่าไฮเอนด์มาตั้งแต่สมัยโบราณยาวมาจนถึงปัจจุบัน ตั้งแต่ในหนังในละครจนมาถึงความเป็นจริง โสมอายุร้อยปีหรือพวกโสมพันปีอะไรนั่นล้วนมีราคาแพงและหาในตลาดที่ไหนก็ไม่มีซะด้วย
อย่างไรก็ตามโสมยังคงเป็นที่ถกเถียงกันอยู่มาก สถาบันวิจัยทางวิทยาศาสตร์ของประเทศตะวันตกได้เผยแพร่ผลการศึกษามาหลายครั้งหลายคราวโดยระบุว่าโสมไม่มีคุณค่าและเป็นการหลอกลวงที่ประเทศตงฟางส่งเสริมเช่นเดียวกันกับหยกที่จริง ๆ แล้วแทบไม่มีคุณค่าอะไรเลย
ดังนั้นยกเว้นเพียงโสมตะวันตกบางชนิดเท่านั้น โสมจึงไม่ได้รับการยอมรับในต่างประเทศในหลาย ๆ กรณี เช่นเดียวกับที่เราคิดว่าพวกชาวตะวันตกที่ให้ค่าอะไรบางอย่างนี่มันโง่กันจริงจังไม่ใช่เหรออะไรเทือกนั้น
พวกนั้นก็คิดว่ามีเพียงแค่ชาวตงฟางโง่ ๆ เท่านั้นแหละที่ใช้
แต่ว่า... โสมมันไม่มีสรรพคุณอะไรใด ๆ เลยจริง ๆ น่ะเหรอ
ไม่จริงไง ในความเป็นจริงแล้วอาจเป็นเพราะว่ามีโสมปลอมมากเกินไป ผู้ที่ไม่คุ้นเคยกับโสมย่อมสามารถซื้อของปลอมได้อย่างง่ายดาย อีกทั้งโสมบางต้นก็ยังมีสรรพคุณทางยาต่ำมาก
ท้ายที่สุดแล้วโสมนั้นต้องอาศัยเวลาหลายปีในการสะสมแก่นสารสำคัญ
บางทีสถาบันวิจัยในต่างประเทศเหล่านั้นอาจซื้อโสมปลอมไปทดลองก็เป็นได้จึงจึงตรวจไม่พบอะไรเลย
ซึ่งถ้าหากว่าซื้อของปลอมล้วน ๆ ไปทดลองเองแบบนั้น ไอ้การที่มาเหมารวมว่าของจริงก็เป็นเรื่องต้มตุ๋นไปด้วยมันก็เกินไปหน่อยแล้วล่ะ
“โสมที่คุณปลูกได้นี้มีผลเป็นยังไงบ้าง” ฉู่หยวนชื่อถามอย่างสงสัย
หลี่หยวนชื่อกับหลินหยวนชื่อเองก็มองฉินหลินด้วย
พวกเขาเองก็อยากรู้
เถ้าแก่ฉินได้ศึกษามันด้วยตัวเองแบบนี้ย่อมแปลว่าโสมนี่จะต้องมีสรรพคุณที่พิเศษ เหมือน ๆ กับผงยาก่อนหน้านี้ที่ทำให้ผมของพวกเขาตอนนี้ดกดำเป็นป่าดงดิบ
หากเป็นในแง่ของการวิจัยในเรื่องการแพทย์แผนโบราณล่ะก็ พวกเขามีศรัทธาต่อความสามารถของเถ้าแก่ฉินเป็นอย่างมาก
ฉินหลินได้ฉวยโอกาสนี้อธิบายต่อ “โสมนี่เหมือนว่าจะไม่มีสรรพคุณอะไรเลย แต่กลับรักษาโรคสายตาสั้นได้น่ะสิครับ”
“รักษาโรคสายตาสั้นได้งั้นเรอะ!” หลี่หยวนชื่อตกใจมาก
ฉู่หยวนชื่อกับหลินหยวนชื่อเองก็พูดอะไรไม่ออกไปครู่หนึ่งเลยทีเดียว
เพราะประโยคแรกที่บอกว่าโสมนี่ไม่มีสรรพคุณใด ๆ เลยนั้นบอกเลยว่าไม่ได้แปลกใจ แต่ประโยคหลังที่บอกว่ามันรักษาโรคสายตาสั้นได้เนี่ยสิโคตรแปลก
พวกเขาไม่เคยได้ยินมาก่อนเลยว่าโสมจะมีสรรพคุณทางยาเช่นนี้อยู่ด้วย
แต่เมื่อมาลองคิดดูดี ๆ ล่ะก็ถ้าไม่ใช่เพราะมันมีสรรพคุณแปลก ๆ และเป็นสิ่งที่โสมปกติไม่มีล่ะก็ เถ้าแก่ฉินคงไม่เพาะพันธุ์มันอย่างประคบประหงมเช่นนี้หรอก
ในขณะที่ทั้งสี่คนกำลังคุยกันอยู่นั้นเองจู่ ๆ ก็เห็นว่าหลินหลานจื่อได้เดินเข้ามาพร้อมกับพนักงานสามคน
เมื่อเห็นพนักงานทั้งสามคนนั้นฉินหลินก็เข้าใจอย่างชัดเจน พนักงานสาวที่ชื่อหลี่เจี๋ยนั้นไม่ได้ใส่แว่นอีกต่อไป ในเมื่อที่เธอได้ไปคือโสมขาวเลเวล 3 ดังนั้นเรื่องผลลัพธ์จึงรุนแรงกว่าใครอย่างเห็นได้ชัด
และเมื่อพวกนั้นเดินเข้ามาใกล้มากขึ้นฉินหลินก็สังเกตเห็นว่าเลนส์แว่นตาที่มือตัดต่อทั้งสองคนใส่อยู่นั้นบางกว่าแว่นก่อนหน้านี้ไม่น้อย ก่อนหน้านี้เห็นได้ชัดเลยว่าเลนส์แว่นนั้นหนามาก
หลินหลานจื่อเข้ามาถึงก็รายงานเลย “เถ้าแก่คะ พวกหลี่เจี๋ยทั้งสามได้ใช้โสมที่เถ้าแก่ให้มาแล้ว ตอนนี้สายตาของทั้งสามดีขึ้นมากโดยเฉพาะหลี่เจี๋ยที่หายจากโรคสายตาสั้นแล้วค่ะ”
หลี่เจี๋ยรีบรายงานต่อทันทีว่า “ตอนนี้หนูไม่จำเป็นต้องใส่แว่นแล้วค่ะ โสมที่เถ้าแก่ให้มานั้นน่าทึ่งมากจริง ๆ”
ตัดต่ออีกสองคนเองก็รีบรายงานสถานการณ์ของตัวเองให้ฉินหลินทราบด้วยเช่นกัน
ทำให้ฉินหลินได้รู้ถึงผลลัพธ์ในการรักษาโรคสายตาสั้นของโสมขาวเลเวล 3 กับเลเวล 2
ทีนี้ก็ได้รู้แล้วว่าฤทธิ์ของโสมขาวตาใสนั้นรุนแรงมาก แต่มันก็แรงจนเกินไป
ดูจากสถานการณ์ของพวกหลี่เจี๋ยแล้วต่อให้โบนัสคุณสมบัติจากเกมจะเสื่อมลงแต่ก็ยังคงเป็นถึงเลเวล 1 อยู่ดี ซึ่งฤทธิ์ของมันย่อมแรงเกินไปอีกเหมือนเดิม
ท้ายที่สุดแล้วมันคือการรักษาโรคสายตาสั้น เมื่อหายแล้วย่อมไม่กลับมาเป็นอีกในระยะเวลาอันสั้นอยู่แล้ว เว้นแต่อยากจะหาเรื่องให้ได้รักษาดวงตาอีกซักรอบ
หากระยะเวลาในการรักษาสั้นเกินไปกำไรที่อยากจะได้ก็จะลดลง
ดังนั้นหากอยากได้เงินก็ควรจะยืดระยะเวลาการรักษาให้ได้นานกว่านี้
นอกจากนี้แม้ว่าจะขายของเลเวล 1 ให้แก่คนในประเทศก็ยังคงทำกำไรได้น้อยนิดอยู่ดี แต่ถ้าขายให้กับพวกชาวตะวันตกล่ะก็ย่อมขายได้แพงกว่าหลายเท่าน กระนั้นก็ยังต้องทำให้ฤทธิ์ของมันอ่อนลงเพื่อให้รักษานานขึ้นไปอีก
เช่นการแปรรูปให้เป็นยาอมโสมหรืออะไรเทือกนั้น แบบนี้แล้วฤทธิ์ของมันจะอ่อนลงอย่างมาก
เขาอาจเป็นเถ้าแก่คนเดียวที่กลัวว่าผลกระทบของผลิตภัณฑ์ของตัวเองจะรุนแรงเกินไปและต้องการคิดหาวิธีที่จะทำให้ฤทธิ์ของมันอ่อนลง
พวกฉู่หยวนชื่อต่างมองดูพวกหลี่เจี๋ยและทราบแล้วว่าทั้งสามเป็นผู้ป่วยทดสอบของเถ้าแก่ฉิน
“แม่หนู ที่ว่าโรคสายตาสั้นหายแล้วนี่เมื่อก่อนหนูสั้นเท่าไหร่เหรอ”
หลี่เจี๋ยเห็นผู้อาวุโสคนหนึ่งถามจึงไม่กล้าปิดบังและตอบตามความจริง “เมื่อก่อนสายตาหนูสั้นแปดร้อยค่ะ แต่พอได้กินโสมที่เถ้าแก่ให้มาทุกวัน ๆ ตอนนี้สายตาหนูกลับมาเป็นปกติแล้ว”
“แปดร้อย!” หลินหยวนชื่ออึ้งไปเลย
“หายแล้ว!” ฉู่หยวนชื่อถึงกับอ้าปากข้าง
หลี่หยวนชื่อก็ตกตะลึงไม่แพ้กัน กล่าวอีกนัยหนึ่งคือโสมที่เถ้าแก่ฉินปลูกทำให้แม่สาวน้อยนี่ที่เดิมมีสายตาสั้น 800 หายในเวลาเพียงไม่กี่วัน
เชื่อป๊ะถามจริง...
นี่ถ้าเอาออกไปเผยแพร่ข้างนอกล่ะก็เกรงว่าพวกที่สายตาสั้นอย่างรุนแรงจะกลายเป็นบ้าเอาได้ง่าย ๆ
เรื่องแบบนี้ก็เหมือนกับปัญหาเส้นผม ตราบใดที่สายตาสั้นสามารถรักษาให้หายขาดได้โดยไม่ต้องผ่าตัดและไม่มีความเสี่ยงทุกคนก็ย่อมยอมเสียเงินซื้อ
นี่ยังทำให้พวกเขาเข้าใจถึงพลังของการแพทย์แผนโบราณอย่างลึกซึ้งยิ่งขึ้น
ท้ายที่สุดแล้วไม่ว่าจะเป็นการฟื้นคืนชีพให้เส้นผมหรือการรักษาโรคสายตาสั้นก็ล้วนเป็นสิ่งที่แพทย์แผนตะวันตกไม่มีทางที่จะแก้ปัญหาได้ด้วยวิธีง่าย ๆ ดีต่อสุขภาพ และไม่เป็นอันตรายจริง ๆ
หลังจากรู้ผลของโสมขาวตาใสแล้วฉินหลินก็บอกให้หลินหลานจื่อพาคนออกไป เมื่อเขากลับมาที่ห้องทำงานปุ๊บก็โทรหาเติ้งกวง
เรื่องนี้ในเบื้องต้นสามารถวางแผนบริษัทในเครือแบบเฉพาะทางก่อนได้เลย
นอกจากนี้ด้วยผลิตภัณฑ์สองอย่างคือผงอาบน้ำร้อนและโสมขาวตาใส บริษัทสาขาที่กำลังจะเกิดขึ้นนี้ก็จะมีศักยภาพอันไร้ขีดจำกัดด้วยเช่นกัน