ตอนที่แล้วตอนที่ 79 จอกสุราเฉียนคุน
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 81 แค้นข้ามภพ

ตอนที่ 80 ไม่ปล่อยให้ประวัติศาสตร์ซ้ำรอยเดิม


ตอนที่ 80 ไม่ปล่อยให้ประวัติศาสตร์ซ้ำรอยเดิม

  

ถานหมิงหน้าแดงก่ำ สติเมามายขั้นสุดแล้วเป็นลมหมดสติไปตรงนั้น ดวงตาของเขาเหลือกขึ้น ท้องบวมเป่ง ตัวก็บวมและยังมีสุราไหลออกมาจากปากของเขาไม่หยุด

  

“มานี่สิ คุณชายถานโลภดื่มสุราเกินไปจนหมดสติ ส่งเขากลับไปเถอะ” ซูอันพูดกับคนรับใช้แบบลวกๆ แล้วสั่งให้ลากถานหมิงที่นอนเกะกะออกไป จากนั้นมองไปที่ซูเมิ่งเหยาด้วยรอยยิ้มอ่อนโยน “เจ้าปลอดภัยหรือไม่”

  

“ปลอด ปลอดภัยเจ้าค่ะ” ซูเมิ่งเหยาเหมือนจะท่วมท้นไปด้วยความประหลาดใจครั้งใหญ่จนได้แต่มองซูอันแบบเพ้อฝัน

  

มีสิ่งใดที่ทำให้มึนเมาไปกว่าการถูกชายในดวงใจยืนหยัดเพื่อตนในช่วงวิกฤต

  

ในสายตาของซูเมิ่งเหยาตอนนี้คือซูอันกำลังเดินบนเมฆมงคลสีสันสดใส ดวงตากลมโตของนางถูกปกคลุมไปด้วยแสงระยิบระยับนับไม่ถ้วนและไม่สามารถมองเห็นร่างอื่นได้อีก

  

หลิงเฉินที่ช่วยปกป้องก่อนหน้านี้คือใคร? มีคนแบบนั้นด้วยหรือ?

  

“ปลอดภัยก็ดีแล้ว ปกติข้าไม่ชอบเห็นพวกอันธพาลที่รังแกผู้ชายข่มเหงผู้หญิง” ซูอันกล่าวแบบสบายๆ

  

ซูเมิ่งเหยาเชื่อว่าวีรบุรุษเช่นท่านโหวซูย่อมเป็นผู้มีคุณธรรมสูงส่ง

  

“เสแสร้งแกล้งทำ” หลิงเฉินยกมือปิดหน้าที่ถูกตบและพึมพำเบาๆ เขาไม่พอใจที่ถูกซูอันแย่งความสนใจไป

  

หลังจากช่วยซูเมิ่งเหยาแล้ว ซูอันไม่ได้เสียเวลามากนักและจากไปทันที ราวกับว่าเขาตั้งใจมาช่วยด้วยความบริสุทธิ์ใจ

  

พวกคนตระกูลซูที่เหลือเข้ามาล้อมซูเมิ่งเหยาไว้ทันที ใบหน้าของทุกคนเต็มไปด้วยความกระตือรือร้นที่ไม่เคยมีมาก่อน

คำพูดมีแต่ประมาณว่า ‘ควรมีปฏิสัมพันธ์กับท่านโหวซูให้มากขึ้น’ ‘คนหนุ่มสาวควรกระตือรือร้นให้มาก’

  

ฟูเหรินผู้เฒ่าจับมือของซูเมิ่งเหยาแล้วพูดด้วยสีหน้าใจดี “เมิ่งเหยา อนาคตของตระกูลซูขึ้นอยู่กับเจ้าแล้วนะ”

  

“ขี้ประจบ” หลิงเฉินดูแคลนพฤติกรรมของคนเหล่านี้

  

จากนั้นเขาหันไปมองซูเสวี่ยจู๋ซึ่งยืนอยู่ที่เดิมไม่ก้าวเข้าไปประจบ เขาแอบถอนหายใจและนึกชื่นชมว่านางสมเป็นคู่หมั้นของเขาจริงๆ นางแตกต่างจากพวกที่มีสายตาตื้นเขินเหล่านั้นมาก

  

งานเลี้ยงจวนเซ่ากั๋วกงดำเนินไปจนถึงช่วงเย็น ซึ่งในช่วงเวลานี้เซ่ากั๋วกงออกมารับคำอวยพรจากแขกด้วยตัวเอง

  

แขกทุกคนส่งของขวัญแสดงความยินดี

  

และไม่รู้ว่าหลิงเฉินคิดอะไรอยู่ แต่เขาอยากเป็นจุดสนใจสักครั้ง เขาจึงหยิบจี้หยกสภาพโทรมๆ ห่อด้วยโคลนออกมาแล้วบอกว่ามันเป็นหยกพลังจิตโบราณ ทำให้ทุกคนเยาะเย้ยทันทีที่ได้เห็น

  

ทันใดนั้นมีผู้สูงศักดิ์คนหนึ่งโผล่ออกจากฝูงชนแล้วบอกว่ามันเป็นหยกพลังจิตโบราณจริงๆ ซึ่งทำให้หลิงเฉินได้หน้า จากนั้นหลิงเฉินพูดถ่อมตัวว่าแค่เป็นของเก่าเก็บเท่านั้น

จากนั้นเขาหันไปมองทางตระกูลซูเพราะอยากเห็นสีหน้าประหลาดใจของซูเสวี่ยจู๋

  

แต่เขากลับเห็นว่าซูเสวี่ยจู๋ไม่ได้มองเขาเลย ซ้ำยังพูดคุยกับท่านโหวซูคนนั้นอีกครั้งและระยะห่างระหว่างทั้งสองใกล้กันมากโดยห่างกันเพียงฝ่ามือเดียวเท่านั้น นี่เป็นระยะห่างที่เขาไม่กล้าฝันด้วยซ้ำ

  

ทันใดนั้นดวงตาของหลิงเฉินระเบิด ลมหายใจของเขาหนักหน่วงและศีรษะรู้สึกหนักอึ้ง

  

หลังจากส่งของขวัญและแสดงความยินดีกันแล้วทุกคนจึงแยกย้าย

  

ไม่มีใครพูดถึงถานหมิงด้วยซ้ำ

  

เมื่อกลับมาที่จวนโหวแล้วรอยยิ้มบนใบหน้าของซูอันหายไปจนสิ้น

  

“บุปผามรณะ ส่งคนไปค้นหาหลักฐานอาชญากรรมของตระกูลถาน จำไว้ว่าต้องเป็นความผิดร้ายแรง เข้าใจหรือไม่?”

  

“เจ้าค่ะ!”

  

ขึ้นชื่อว่าขุนนางแล้วจะมีสักกี่คนที่มือสะอาด ไม่จำเป็นต้องมีแค่ตระกูลถานเท่านั้น

  

หากสืบหาไม่เจอก็แค่สร้างหลักฐานขึ้นมาเอง จะยากอะไร?

  

ช่วยไม่ได้ ใครใช้ให้มายุ่งกับต้นกุยช่ายของเขา

  

“ยังมีลูกเขยสวะของตระกูลซูกับคุณหนูรองของตระกูลซูด้วย ข้าอยากรู้เรื่องของพวกเขาทั้งหมดภายในสามวัน”

“เจ้าค่ะ”

  ……

  

จวนหย่งเวยปั๋ว

  

คนตระกูลซูกลับถึงจวนแล้วเช่นกัน

  

ซูเมิ่งเหยาดึงซูเสวี่ยจู๋เข้าไปในลานบ้านของนางทันที ดวงตากลมโตที่มีแต่ความตื่นเต้นนั้นไม่อาจปกปิดได้

  

“พี่สาวมากับข้าหน่อยสิ ข้ามีเรื่องจะพูดด้วย”

  

หลิงเฉินจ้องมองไปที่ซูเสวี่ยจู๋ด้วยความว่างเปล่าโดยไม่รู้ว่าซูเสวี่ยจู๋จะเต็มใจแต่งงานกับเขาเมื่อใด

เพียะ!

  

ความคิดถูกทำลายอีกแล้ว

  

เพราะเขาถูกตบท้ายทอยอย่างแรง

  

“มัวแต่ยืนโง่ทำไม ยังไม่รีบไปดูแลนาวิญญาณอีก!” แม่ซูชี้หน้าหลิงเฉินแล้วตะโกนด่า

  

“ท่านแม่ ข้าจะไปเดี๋ยวนี้” หลิงเฉินรีบหยิบอุปกรณ์วิญญาณออกมาและเดินไปทางนาวิญญาณ

  ……   

“พี่สาว...วันนี้ข้าเห็นท่านกับท่านโหวซู...” ในห้องนอน ซูเมิ่งเหยาลังเลอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นกัดฟันถามว่า “ท่านก็สนใจท่านโหวซูด้วยหรือ”

  

ซูเสวี่ยจู๋ไม่คาดคิดว่าญาติผู้น้องจะพูดตรงเช่นนี้ นางตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นหัวเราะแล้วพูดด้วยความโกรธ “เจ้าคิดบ้าอะไรอยู่! พี่สาวแค่ลองหยั่งเชิงแทนเจ้าเท่านั้น เพราะนี่คือความสุขชั่วชีวิตของน้องสาวข้านะ” นางแสร้งแสดงสีหน้าเศร้าโศกเล็กน้อยแล้วทอดถอนใจ “ข้าแค่หวังว่าเจ้าจะไม่ลงเอยเหมือนกับข้า”

  

เมื่อเห็นเช่นนี้แล้วความสงสัยของซูเมิ่งเหยาค่อยๆ หายไปและร่องรอยของความรู้สึกผิดเต็มหัวใจของนาง

ใช่แล้ว พี่สาวโชคร้ายมากและนางยังพูดแบบนั้นใส่อีก

  

“พี่สาว ข้าผิดเอง ข้าไม่ควรสงสัยท่าน”

“เฮ้อ ขอเพียงเจ้ามีความสุข พี่สาวคนนี้ก็วางใจแล้ว”

  

“พี่สาว!”

  

“น้องสาว!”

  

สองพี่น้องโผเข้ากอดกัน

  

เมื่อมองใบหน้าดอกสาลี่ต้องหยาดฝน [1] ของน้องสาวแล้ว มุมปากสีดอกกุหลาบของซูเสวี่ยจู๋ขดลง

  

น้องสาวเอ๋ยน้องสาว เจ้าไม่สามารถควบคุมซูอันได้หรอก เช่นนั้นปล่อยให้พี่สาวร้ายๆ คนนี้ช่วยจับเขาไว้ดีกว่า

  

หลังปลอบใจน้องสาวแล้ว ซูเสวี่ยจู๋จึงกลับไปที่เรือนของตน

  ……

คืนนี้มีพายุฝนโหมกระหน่ำ

  

สายฟ้าฟาดทะลุท้องฟ้าและมีแสงประหลาดปรากฏขึ้นบนท้องฟ้าด้วย เพียงแต่แสงประหลาดนั้นดูไม่โดดเด่นเพราะมีสายฟ้าฟาดแย่งความสนใจ

  

ภาพของการถูกกักขัง ห้องลับ การฝึกฝน การหลบหนีและการทรยศ...

  

“เฮือก!”

  

ซูเมิ่งเหยาสะดุ้งตื่นจากฝันร้าย จากนั้นมองรอบกายด้วยความสับสน

นี่ นี่คือที่ใด?

  

นางไม่ได้ถูกซูอันจับตัวไปและพากลับไปที่ห้องลับหรือ?

  

“เดี๋ยวก่อน พลังวิญญาณของข้า”

  

นางรู้สึกถึงพลังวิญญาณที่ไหลเวียนในร่างกายแผ่วเบา จากนั้นลุกจากเตียงแล้วเดินไปที่หน้ากระจก

  

ภาพที่สะท้อนในกระจกคือใบหน้าไร้เดียงสาและนั่นคือใบหน้าแบบที่นางเป็นในอดีต

  

ซูเมิ่งเหยามองสภาพแวดล้อมโดยรอบอีกครั้ง “ข้าย้อนเวลากลับมาหรือ?”

  

“ข้ากลับมาเป็นเมิ่งเหยาน้อยอีกครั้ง!”

  

นางกำหมัดด้วยความตื่นเต้น มีรอยยิ้มคลุมเครือบนใบหน้า

  

“คราวนี้...คราวนี้ข้าจะไม่ปล่อยให้ประวัติศาสตร์ซ้ำรอยเดิม รอก่อนเถอะซูอัน!”

ในชาติที่แล้ว นางได้รับการช่วยเหลือจากซูอันในงานเลี้ยงและนางตกหลุมรักเขาหมดหัวใจ

  

แต่เนื่องจากเกิดเรื่องไม่คาดฝัน นางไปรู้เห็นเรื่องคัมภีร์ปลูกฝังมารของซูอันเข้า เขาจึงจับนางไปขังไว้ในห้องลับ ซึ่งนางได้รับความอับอายจากเขาทั้งวันทั้งคืน

  

ถ้าแค่นั้นคงดี

  

ทว่าต่อมาซูอันได้สั่งให้นังหนูชื่อเยี่ยหลีเอ๋อร์ฝึกฝนนางและสอนกฎเกณฑ์ให้นาง

  

หลังจากนั้นยังมีอีกหลายครั้งที่นางทำได้เพียงเฝ้าดูซูอันกับเยี่ยหลีเอ๋อร์สนุกสนานกัน แต่เมื่อใดก็ตามที่นางรู้สึกมีอารมณ์ นางกลับไม่สามารถเคลื่อนไหวได้

  

เยี่ยหลีเอ๋อร์บอกว่าเพราะนางถูกร่ายเวทให้ขยับไม่ได้!

  

เมื่อนึกถึงนังเด็กเจ้าเล่ห์และรอยยิ้มวิปริตนั้น ซูเมิ่งเหยาจึงกัดฟันด้วยความเกลียดชัง

  

ในที่สุดนางสามารถใช้โอกาสตอนที่ซูอันไม่อยู่แล้วหลบหนีออกจากห้องลับได้ จากนั้นนางเล่าให้ครอบครัวฟังว่าเกิดอะไรขึ้นกับตน

  

แต่ผลลัพธ์คือทุกคนในครอบครัวหันหลังใส่นางและจับนางมอบให้ซูอันด้วยซ้ำ แม้แต่พ่อแม่ของนางก็ไม่คัดค้าน ซึ่งทำให้นางใจสลาย

  

โชคดีที่ซูเสวี่ยจู๋ญาติผู้พี่ของนางแอบช่วยเหลือให้นางหลบหนีไปได้

  

ญาติผู้พี่แนะนำให้นางหนีออกนอกเมืองหลวงเพื่อหลีกเลี่ยงความสนใจ ยังบอกว่าอำนาจของซูอันมีล้นฟ้า นางไม่สามารถเป็นศัตรูด้วยได้และไม่มีใครเชื่อว่าเขาเป็นผู้ปลูกฝังมาร ดังนั้นนางควรหนีไปซ่อนให้ไกลดีกว่า

  

นางจึงเริ่มต้นชีวิตใหม่โดยไม่เปิดเผยตัวตน แต่ไม่คาดคิดว่าสายเลือดของนางจะมีความลึกลับซ่อนอยู่

เชิงอรรถ

[1] ดอกสาลี่ต้องหยาดฝน (梨花带雨) ใช้เปรียบเปรยถึงใบหน้าของสตรีที่ร้องไห้แต่ยังงดงาม