ตอนที่ 79 จอกสุราเฉียนคุน
ตอนที่ 79 จอกสุราเฉียนคุน
“ช่างเถอะท่านแม่” ซูเสวี่ยจู๋ขมวดคิ้วและหยุดแม่ซูไว้
“เฮอะ” แม่ซูหยุดมือ
แต่หลิงเฉินได้ยินซูเสวี่ยจู๋พูดแทนตนจึงรู้สึกว่าการโดนตบหน้าครั้งนี้ไม่ใช่เรื่องน่าอายอีกต่อไป
นี่คือการยืนยันว่าเสวี่ยจู๋มีเขาอยู่ในใจ
ความพยายามของเขาทุกวันนี้ไม่สูญเปล่า!
แต่ความจริงแล้วซูเสวี่ยจู๋ไม่เห็นใจหลิงเฉินสักนิด นางแค่รู้สึกว่าการทำเช่นนี้ในที่สาธารณะเป็นการเสียหน้ามาก
ส่วนซูเมิ่งเหยาไม่ได้ใส่ใจกับเรื่องตลกที่คนเหล่านี้ทำ
นางยังคงจินตนาการถึงการได้พบซูอันครั้งต่อไป บรรยากาศของมวลบุปผาใต้แสงจันทร์ ความรู้สึกของหญิงสาวมักเหมือนบทกวี บางครั้งความรักของพวกนางเรียบง่ายมาก
แต่บางครั้งสาวน้อยก็สามารถดึงดูดสุนัขจิ้งจอกได้ง่ายเช่นกัน
“คุณหนูท่านนี้กำลังคิดอะไรอยู่หรือ” ชายหนุ่มในชุดหรูหราฉูดฉาดคนหนึ่งเดินเข้ามาทักทายและจ้องมองซูเมิ่งเหยาด้วยแววตาลุกเป็นไฟ “ข้าชื่อถานหมิง พ่อของข้าคือถานชาง ขุนนางสังกัดไท่พูซื่อ (หน่วยดูแลม้าและรถม้า)”
แม้ว่าชายหนุ่มพูดคำสุภาพและแต่งตัวเหมาะสม
แต่แววตาชั่วร้ายนั้นไม่สามารถปกปิดได้
“ไม่ได้คิดอะไรเลย” ซูเมิ่งเหยาโบกมือเพราะไม่อยากคุยกับคนผู้นี้
“ถ้าเช่นนั้นคุณหนูซูอยากดื่มกับข้าหรือไม่” ถานหมิงยังไม่ยอมรามือ
“ขอโทษที ตอนนี้ข้าไม่อยากดื่ม” ซูเมิ่งเหยายังคงปฏิเสธ
“หมายความว่าไม่ไว้หน้าข้าเลยสินะ” มีสัญญาณบ่งบอกถึงภัยคุกคามในน้ำเสียงของถานหมิง
ในฐานะบุตรชายคนรองของขุนนางสังกัดไท่พูซื่อ เขาคือคุณชายเจ้าสำราญตัวจริง เพราะเขาสู้พี่ชายไม่ได้สักเรื่อง พรสวรรค์ย่ำแย่และไม่ว่าจะพยายามแค่ไหนก็ตามพี่ชายไม่ทัน สุดท้ายเขาจึงยอมแพ้และเริ่มต้นชีวิตคุณชายเจ้าสำราญตัวจริง
เมื่อเทียบกับหญิงสาวที่ฉลาดเหล่านั้น เขาชอบผู้หญิงประเภทอ่อนต่อโลกมากกว่า เพราะเขาชอบความรู้สึกที่ได้บีบบังคับ ล่อลวง ล้อเล่นแล้วทอดทิ้งโดยไร้ความปรานี ยามได้มองสีหน้าเจ็บปวดของพวกนาง...
มันสร้างความสุขให้เขามากกว่าตอนได้เชยชมพวกนางนับพันเท่า
ส่วนจวนหย่งเวยปั๋ว เฮอะ แค่จวนปั๋วที่ตกอับถึงขีดสุดจะกล้าเย่อหยิ่งใส่เขาได้อย่างไร
“ข้า...”
“คุณชายถาน เมิ่งเหยาของข้าขี้อายและไม่ชอบดื่มสุรา” ในเวลานี้ซูเสวี่ยจู๋ลุกขึ้นแล้วดึงซูเมิ่งเหยามาไว้ข้างหลังนางพร้อมช่วยออกหน้าแทน
นางบอกได้เลยว่าเมิ่งเหยาไม่ชอบหนุ่มเจ้าสำราญคนนี้
ยิ่งไปกว่านั้นคือน้องสาวคนนี้เป็นส่วนหนึ่งในการช่วยให้นางพิชิตซูอัน
แต่ฟูเหรินผู้เฒ่าไม่คิดเช่นนั้น นางยิ้มให้ถานหมิงแล้วพูดกับซูเมิ่งเหยาว่า “เมิ่งเหยาไปดื่มกับคุณชายถานเถอะ หนุ่มสาวควรพูดคุยและทำความรู้จักกันไว้ให้มาก”
ถ้าซูเมิ่งเหยากับซูอันรักกัน แน่นอนว่านางจะไม่พูดเช่นนี้ แต่นี่ยังไม่สำเร็จนางย่อมหาตัวเลือกอื่นได้
แม้ว่าหลานสาวของนางจะงดงาม แต่ยังด้อยกว่าคุณหนูตระกูลขุนนางพวกนั้น
คนเช่นท่านโหวซูอาจลืมผู้หญิงคนนี้ได้ในพริบตา
แม้ว่าตระกูลถานจะไม่ใช่ตระกูลขุนนางเก่าแก่ แต่ขุนนางสังกัดไท่พูซื่อถือได้ว่าเป็นเจ้าหน้าที่ระดับสูงในราชสำนักและมีสถานะไม่ธรรมดา แม้ไม่สามารถเทียบได้กับจวนหย่งเวยปั๋วในปัจจุบัน แต่ก็เกินพอแล้วสำหรับเมิ่งเหยา
ท่านพ่อท่านแม่ของซูเมิ่งเหยารวมถึงคนอื่นๆ ก็ไม่คัดค้าน
ในตระกูลซูทั้งหมดมีเพียงซูเสวี่ยจู๋เพียงคนเดียวที่มีจุดประสงค์แตกต่างออกไป
ถานหมิงมองเหตุการณ์ทั้งหมดนี้ด้วยความสนใจ “ทำไมหรือ ข้าไม่คู่ควรที่จะดื่มกับคุณหนูเมิ่งเหยาหรือ?”
ซูเมิ่งเหยาส่ายหน้า ทว่าใบหน้าของนางเต็มไปด้วยการต่อต้าน
“นางไม่อยากดื่มกับเจ้า ยังไม่เข้าใจอีกหรือ?” ทันใดนั้นหลิงเฉินก็พูดขึ้นมา
แน่นอนว่าทำให้ทั้งตระกูลซูตกตะลึง
ลูกเขยจะออกหน้าแทนได้อย่างไร แม้ว่าต้องการปฏิเสธก็ห้ามทำในลักษณะก้าวร้าวเช่นนี้!
“เจ้าคือ...ลูกเขยไร้ค่าของตระกูลซูสินะ?” ถานหมิงมองหลิงเฉินอยู่พักหนึ่ง จากนั้นหัวเราะออกมา “หากข้ายืนกรานให้นางดื่ม เจ้าจะทำอะไรข้าได้?”
“เฮอะ ข้าจะ...”
เพียะ!
แรงตบที่แก้มของหลิงเฉินทำให้การเดินพลังเวทของเขาหยุดชะงักลง
“ไอ้สวะ กลับมานี่!” แม่ซูดึงใบหูของหลิงเฉินให้กลับมานั่ง
ถานหมิงเห็นเช่นนี้จึงยิ้มเหยียดหยามและหันไปเอ่ยกับซูเมิ่งเหยาอีกครั้ง “คุณหนูเมิ่งเหยามาดื่มกับข้าหน่อยสิ ข้าสนใจคุณหนูเมิ่งเหยามากจริงๆ”
แต่ทันใดนั้นไหล่ของเขาถูกกระแทกโดยแรงจนเสียหลักและจอกสุราในมือหล่นลงพื้น
“ใคร! ใครวะ!” เขาหันหลังไปมองจึงพบว่ามีชายหนุ่มคนหนึ่งมองเขาด้วยความสนุกและเมื่อถานหมิงเห็นว่าชายหนุ่มคือใคร ความโกรธบนใบหน้าของเขาสลายหายไปทันทีและกลายเป็นรอยยิ้มประจบประแจงเข้ามาแทน “ท่านโหวซูมาอยู่ที่นี่ได้อย่างไรขอรับ”
ซูเมิ่งเหยาเห็นผู้มาเยือนจึงมีความหวังปรากฏบนใบหน้า
“เจ้ารู้จักข้าด้วยหรือ?” ซูอันถามถานหมิง
“รู้จักขอรับ ข้าน้อยชื่อถานหมิงและท่านพ่อเป็นขุนนางสังกัดไท่พูซื่อขอรับ” ถานหมิงอธิบายและยิ้มประจบ
“โอ้ ตระกูลถานนี่เอง” ซูอันกล่าวขอโทษ “เมื่อครู่นี้ต้องขอโทษจริงๆ ข้าเผลอทำจอกสุราของเจ้าหล่น”
“ไม่ ไม่ ไม่ จะตำหนิท่านโหวซูได้อย่างไร เพราะเห็นได้ชัดว่าข้าน้อยทำหลุดมือเอง”
ถานหมิงจะกล้าตำหนิซูอันได้อย่างไร แม้แต่บิดาของเขายังไม่กล้าบาดหมางกับท่านโหวคนนี้ แล้วเขาเป็นใครกัน
เขาเป็นคนสำมะเลเทเมาแต่ไม่ใช่คนโง่ เขายังรู้ว่าใครที่สามารถยุ่งได้หรือยุ่งไม่ได้
“ได้อย่างไรล่ะ” ซูอันโบกมือ “เซิ่งหนาน รินสุราให้คุณชายถานหน่อย”
ถูเซิ่งหนานที่อยู่ข้างหลังจึงหยิบจอกสุราที่เตรียมไว้นานแล้วออกมา ในจอกมีปริมาณสุราเพียงชั้นตื้นๆ เท่านั้น
แต่เมื่อถานหมิงเห็นจอกสุรานี้ สีหน้าของเขาเปลี่ยนเป็นเขียวคล้ำทันที
เขาจำจอกสุราประเภทนี้ได้ มันเรียกว่าจอกสุราเฉียนคุน ถือเป็นจอกสุราที่พวกขี้เมาโปรดปราน เพราะจอกสุราเฉียนคุนสามารถบรรจุสุราได้เท่ากับมหาสมุทรทั้งผืน
ซูอันหยิบจอกสุรานั้นมาวางไว้ในมือของถานหมิง
“มาเถอะ ดื่มเลย ข้าจะร่วมดื่มอวยพรกับคุณชายถาน” ซูอันดื่มสุราในจอกของตัวเองพลางมองถานหมิง
“ท่านโหวซู นี่ นี่มัน...” มือของถานหมิงสั่นเทา
“หืม?” ซูอันหรี่ตาลงพลางเอ่ย “คุณชายถานไม่อยากดื่มกับข้าสินะ”
ถูเซิ่งหนานให้ความร่วมมือโดยเปิดเผยรัศมีเล็กน้อย ทว่าในระดับหยางบริสุทธิ์สามารถสร้างแรงกดดันต่อร่างกายของถานหมิง ทำให้กระดูกของเขาส่งเสียงดังเอี๊ยด แต่คนอื่นๆ รอบตัวไม่สังเกตเห็นเลย
“ดื่มสิขอรับ ข้าดื่ม!” ถานหมิงกัดฟัน หลับตาขณะถือจอกสุรา จากนั้นเงยหน้าขึ้นแล้วเทสุราใส่ปาก
เขาเข้าใจว่าซูอันพยายามช่วยจวนหย่งเวยปั๋ว คราวนี้เขาชนกำแพงอิฐเข้าแล้ว
หากเขาไม่ดื่มสุราจอกนี้ เกรงว่าเรื่องของวันนี้จะแก้ไขไม่ง่ายนัก
จอกสุราเฉียนคุนที่ซูอันหยิบออกมานี้ แม้ปริมาณสุราในแก้วเหมือนมีไม่มาก แต่ความจริงแล้วมันบรรจุสุราเท่ากับแม่น้ำหลายสายรวมกัน
สำหรับคนขี้เมาที่มีระดับพลังวิญญาณขั้นสูงอาจไม่มีผลนัก
แต่สำหรับถานหมิงผู้มีความสามารถต่ำและยังอยู่ในระดับผันวิญญาณแม้อายุยี่สิบปีนั้นมีผลมาก
เขารู้สึกอิ่มจนท้องป่องและพุงจะแตก แต่ปริมาณสุราที่ไหลเข้าปากของเขาไม่ได้ลดลงเลย
ถูเซิ่งหนานกอดอกและยืนขวางหน้าไว้ ด้วยร่างสูงตระหง่านทำให้เงาที่หลงเหลือจากการปิดกั้นแสงทาบทับร่างของถานหมิง ราวกับว่าหากเขากล้าหยุด เขาจะถูกโจมตีด้วยสายฟ้าฟาดทันที
ในที่สุดจึงมีเสียงดัง ตุบ ขึ้นมา