ตอนที่ 78 ตัวเอกชายนักฆ่าและตัวเอกหญิงที่คาดไม่ถึง
ตอนที่ 78 ตัวเอกชายนักฆ่าและตัวเอกหญิงที่คาดไม่ถึง
เมื่อน้องสาวเป็นอนุจวนโหว ตอนนั้นนางสามารถไปที่จวนโหวได้แบบเปิดเผยโดยอ้างว่าไปเยี่ยมน้องสาว จากนั้นเผลอดื่มมากเกินไปและมันค่อนข้างสมเหตุสมผลที่จะค้างคืนในจวนโหวแล้วบังเอิญสวมเสื้อผ้าของน้องสาวและนอนบนเตียงของน้องสาวด้วย
นางยอมรับว่าอิจฉาญาติผู้น้องคนนี้ เหตุใดนางต้องถูกผูกมัดด้วยสัญญาหมั้นหมายบ้าๆ แต่น้องสาวสามารถรักใครชอบใครได้โดยอิสระ
แต่นางไม่ยอมรับชะตากรรมนี้!
“ท่าน ท่านโหวซู ข้าชื่อซูเมิ่งเหยาเจ้าค่ะ” ภายใต้การผลักดันของซูเสวี่ยจู๋ สาวน้อยจึงเดินไปหาซูอันพลางยกจอกสุราขึ้นและพูดตะกุกตะกัก
“สวัสดี” ซูอันยิ้มพลางพยักหน้าตอบ
เขายังเข้าถึงได้ง่ายแม้จะไม่มีความสนใจเข้ามาเกี่ยวข้องก็ตาม
ยิ่งไปกว่านั้น นางยังเป็นสาวน้อยที่สวยสะดุดตาอีกด้วย
“สวัสดีท่านโหวซู ข้าชื่อซูเสวี่ยจู๋ เราเคยพบกันที่หอเฉียนคุนแล้วครั้งหนึ่ง” เมื่อเทียบกับซูเมิ่งเหยาแล้วซูเสวี่ยจู๋ดูติดดินและใจกว้างมากกว่า นางยกจอกสุราขึ้นแล้วเอ่ยด้วยความสดใส
“โอ้ เป็นเจ้านี่เอง!” ซูอันยังพอจำซูเสวี่ยจู๋ได้บ้าง เขาจึงตอบด้วยรอยยิ้ม “คุณหนูซู ไม่เจอกันนานเลยนะ”
เมื่อซูอันได้สนทนากับนางมากขึ้น จึงได้รู้ว่าเขากับสตรีนางนี้เข้ากันได้ดีทีเดียวและความคิดเห็นในหลายๆ เรื่องมีความสอดคล้องกัน
เมื่อเห็นทั้งสองสนทนากันอย่างมีความสุข ซูเมิ่งเหยาซึ่งยืนอยู่ข้างๆ พร้อมจอกสุราก็มึนงง
เหมือนจะไม่ถูกต้อง
พี่สาวมาส่งนางดื่มอวยพรไม่ใช่หรือ เหตุใดเป็นฝ่ายเริ่มสนทนาจนถึงตอนนี้
หรือว่าพี่สาวก็คิดเหมือนกัน...แต่พี่สาวหมั้นหมายแล้ว!
“เสวี่ยจู๋ เจ้ามาอยู่ที่นี่ทำไม ท่านย่าเรียกหาเจ้าอยู่นะ” ทันใดนั้นมีเสียงที่ไม่เป็นมิตรดังขัดจังหวะการสนทนาของทั้งสอง
“เจ้ามาทำไม อย่ามายุ่งกับข้านะ”
เมื่อเห็นชัดเจนว่าใครมา ซูเสวี่ยจู๋จึงถอยกลับไปหาซูอันพร้อมมองเจ้าของเสียงด้วยความรังเกียจ
คนผู้นี้ไม่เข้าใจภาษาคนหรือไร นางบอกแล้วว่าไม่ยอมรับการหมั้นหมาย แต่เขายังพยายามจะผูกมัดแบบหน้าด้านๆ
“เสวี่ยจู๋ เจ้าพูดแบบนั้นไม่ได้ ข้าเป็นคู่หมั้นของเจ้านะ” หลิงเฉินมองซูอันด้วยสายตาไม่เป็นมิตร
ผู้หญิงที่เย็นชาและเข้าถึงยากแบบเสวี่ยจู๋จะเริ่มเข้าหาผู้ชายก่อนได้อย่างไร นั่นหมายความว่าชายคนนี้ต้องล่อลวงเสวี่ยจู๋แน่ๆ
เดิมทีฟูเหรินผู้เฒ่าเรียกหาซูเมิ่งเหยา แต่หลิงเฉินจงใจพูดชื่อเสวี่ยจู๋ เพราะเขาไม่ต้องการเห็นทั้งสองคนพูดคุยกันมากเกินไป
“เจ้าหุบปากนะ!”
ซูเสวี่ยจู๋เหลือบมองซูอันที่อยู่ข้างๆ และเห็นว่าเขาไม่มีปฏิกิริยาใดๆ เลย นางจึงไม่สามารถบอกได้ว่ารู้สึกผิดหวังหรือโล่งใจกันแน่
“ขออภัยท่านโหวซู เช่นนั้นพวกเราขอตัวก่อน” นางดึงซูเมิ่งเหยาที่ไม่เต็มใจให้เดินไปพร้อมกัน
“ไม่เป็นไร เจ้ามีธุระก็ไปทำก่อนเถอะ”
ประกายแสงคมกริบวาบในดวงตาของซูอัน ชายคนนี้ค่อนข้างมืดมนและค่อนข้างเป็นศัตรูกับเขาด้วย
ทั้งยังปิดบังพลังวิญญาณแท้จริงเอาไว้
น่าสนุก!
เมื่อเห็นทั้งสามคนเดินจากไปแล้ว ซูอันจึงสุ่มดึงคนที่ยืนดูอยู่มาสอบถาม จึงได้พบว่าตาเฒ่าจวนหย่งเวยปั๋วผู้เลอะเลือนได้สร้างสัญญาหมั้นหมายให้หลานสาวกับหลานเขยไร้ประโยชน์คนนี้
องค์ประกอบพื้นฐานมีครบถ้วน
การหมั้นหมาย ลูกเขยสวะ คู่หมั้นเย็นชาที่ไม่ยอมให้แตะต้องและตัวร้ายที่เข้ามาแสดงความสนิทสนมกับคู่หมั้นของสวะ
“จะว่าไปแล้ว เมื่อใดระบบจะให้ความสามารถค้นพบตัวเอกกับข้าล่ะ” ซูอันคิดในใจ
หลังจากระบบตัวร้ายเปิดใช้งานมานานแล้ว การค้นพบตัวเอกนั้นเป็นเพียงการคาดเดาของเขาล้วนๆ
ตัวเอกที่เขาพบตอนนี้ล้วนค่อนข้างจัดการง่าย แต่ถ้าเป็นตัวเอกที่น่ากลัวจริงๆ เขาอาจหาไม่เจอและไม่ทันได้ระวังตัว
[สามารถใช้หนึ่งพันคะแนนตัวร้ายเพื่ออัปเกรดสกิลได้]
“หืม? อาถ่ง เจ้ากำลังเรียกเก็บเงินสำหรับฟังก์ชันพื้นฐานหรือ?”
[ระบบ...]
“ช่างเถอะ จ่ายก็จ่ายสิ ข้าไม่ใช่คนตระหนี่อยู่แล้ว อาถ่ง มันไม่ง่ายสำหรับเจ้าด้วย คะแนนตัวร้ายหนึ่งพันก็เหมือนกับการซื้อขนมให้เจ้านั่นแหละ” ซูอันขัดจังหวะระบบ
[…]
[ใช้หนึ่งพันคะแนนตัวร้าย สกิล+1]
ระบบมีความซื่อสัตย์มาก สกิลที่อัปเกรดนั้นคือทักษะที่สามารถตรวจจับตัวเอกได้ ซูอันมองไปในทิศทางของหลิงเฉินและเห็นสัญลักษณ์โชคลาภสีทองปรากฏขึ้นเหนือศีรษะของหลิงเฉิน
คือตัวเอกโดยไม่ต้องสงสัย
เขากำลังจะถอนสายตากลับมา แต่ทันใดนั้นสีหน้าของเขาแข็งค้าง
ถัดจากซูเสวี่ยจู๋นั้น เหนือศีรษะของซูเมิ่งเหยาที่วิ่งเข้ามาทักทายด้วยความเขินอายเมื่อครู่ก็มีสัญลักษณ์โชคลาภสีทองปรากฏอยู่ มิหนำซ้ำยังทรงพลังมากกว่าของหลิงเฉิน นางมีวิสัยทัศน์ที่คลุมเครือเพิ่มขึ้นมา แต่ยังไม่ได้ถูกกระตุ้นในขณะนี้
นี่คือ...ตัวเอกอีกคนหรือ?
เรื่องบ้าอะไรเนี่ย
เป็นวันรวมตัวของพวกตัวเอกหรือไร
ซูอันยกมือลูบคางพลางครุ่นคิด เพราะเขายังสงสัยในตัวซูเมิ่งเหยา
ถ้าบอกว่านางเป็นตัวเอก แต่นางดูไม่เหมือนเลย!
ตัวเอกจะมีลักษณะแบบนี้ได้หรือ
……
“เมิ่งเหยา เมื่อครู่เจ้าหายไปไหน” เมื่อเห็นซูเมิ่งเหยาเดินกลับมา ฟูเหรินผู้เฒ่าจึงก้าวไปข้างหน้าและจับมือนางไว้ทันที “มีคุณชายที่โดดเด่นจากตระกูลชั้นสูงมาร่วมตัวกันในงานเลี้ยงครั้งนี้มากมาย เจ้าต้องพยายามให้มากแล้วเลือกสามีที่ดีๆ มานะ”
ฟูเหรินผู้เฒ่าพูดพลางมองไปทางซูเสวี่ยจู๋ “อย่าเป็นเหมือนพี่สาวของเจ้าล่ะ”
“เมิ่งเหยา เจ้าสนใจใครบ้างหรือไม่?” บิดาของซูเมิ่งเหยาเดินเข้ามาถาม เขาเป็นอารองของซูเสวี่ยจู๋นั่นเอง
“มีสิ แต่ถูกพวกท่านเรียกกลับมาก่อนไงล่ะ” ซูเสวี่ยจู๋แค่นหัวเราะเยาะแล้วพูดแทรก
“โอ้ เขาเป็นอัจฉริยะคนใดหรือ?” ฟูเหรินผู้เฒ่าไม่พอใจกับน้ำเสียงของซูเสวี่ยจู๋ นางจ้องมองแต่ปากยังถามซูเมิ่งเหยา
“คือ คือท่านโหวซูเจ้าค่ะ” ซูเมิ่งเหยาดูประหม่าและกังวลที่จะเปิดเผยความคิดเล็กๆ ของตน
“ท่านโหวซู!” บิดาของซูเมิ่งเหยาอุทานออกมา “เป็นท่านโหวซูจริงหรือ? ไอหยา แล้วเจ้าเดินกลับมาทำไม!”
เขายกมือตบหน้าอกและกระทืบเท้า หากว่าบุตรสาวได้รับความโปรดปรานจากท่านโหวซู ถึงแม้จะเป็นแค่อนุ ก็ยังเป็นการปีนขึ้นท้องฟ้าในก้าวเดียว!
เมื่อถึงเวลานั้น สถานการณ์ของจวนหย่งเวยปั๋วจะได้รับการแก้ไขและเขาสามารถเจริญรุ่งเรืองผ่านทางบุตรสาวได้
“หลิงเฉิน ข้าสั่งเจ้าแล้วไม่ใช่หรือ” สีหน้าของฟูเหรินผู้เฒ่าดูไม่ดี
นางกล่าวชัดเจนว่าหากเมิ่งเหยากำลังคุยกับอัจฉริยะคนใดคนหนึ่งก็ไม่จำเป็นต้องเรียกกลับมา
“ท่านอารอง ท่านย่า แต่ท่านโหวซูคนนั้นไม่ใช่คนดี” หลิงเฉินอธิบาย “สายตาที่เขามองเสวี่ยจู๋นั้นไม่เหมาะสม ข้ากลัวว่าเมิ่งเหยาจะถูกหลอก ข้าจึงเรียกพวกนางกลับมา”
ความจริงแล้วเขาไม่ได้สนใจสายตาที่ซูอันใช้มองเสวี่ยจู๋ว่าเป็นอย่างไร แต่เมื่อเขาเห็นซูเสวี่ยจู๋สนทนากับผู้ชายคนอื่น เขาแค่รู้สึกหึงหวงเท่านั้น
ในฐานะเจ้าสำนักหลงหวังย่อมไม่ยอมให้ชายอื่นมาใกล้ชิดกับผู้หญิงของตนเด็ดขาด
“เจ้า...เจ้า...” ฟูเหรินผู้เฒ่าโกรธมากจนมือสั่น ในที่สุดนางก็ชี้ไปที่แม่ซู “พวกเจ้าดูลูกเขยของตัวเองสิ”
แม่ซูจะทนการถูกตำหนินี้ได้อย่างไร นางจึงเงื้อมือตบหน้าหลิงเฉินทันที “สวะ! ดึงเสวี่ยจู๋ลงมายังไม่พอ เจ้าจะทำให้คนอื่นตกต่ำไปด้วยอีก”
แม่ซูตบสุดแรงเกิด ไม่มีการยั้งมือเลย
หลิงเฉินหันหน้าไปทางอื่นและยกมือปิดหน้า แม้ว่าจุดที่เขาถูกตบจะไม่เจ็บ แต่ยังรู้สึกร้อนผ่าว
อดทน! อดทนเข้าไว้!
อาจารย์กำชับว่าเขาต้องอ่อนแอเป็นเวลาสามปีและห้ามเปิดเผยความแข็งแกร่งของตนเด็ดขาด
เขาต้องอดทน!