ตอนที่ 12 ผลักให้ล้ม
ตอนที่ 12 ผลักให้ล้ม
เพราะว่าซ่งลุ่ยเพิ่งจะได้ดวงตามองทะลุนี้ได้ไม่นาน เขาจึงไม่สามารถควบคุมการมองทะลุปรุโปร่งนี่ได้ง่ายเท่าไหร่นัก เกือบจะทุกครั้งและทุกช่วงเวลาที่พลังพิเศษนี้เปิดการใช้งาน เพียงแค่ซ่งลุ่ยมองผ่าน ๆ ไม่ว่าสิ่งของอะไรก็ตามก็ไม่สามารถขัดขวางสายตาที่เขามองไปได้ ! คาดว่าจะปรับตัวได้ในอีกไม่กี่วันนี้ ที่จริงแล้วดวงตาคู่นี้ก็ยังสร้างความกังวลให้กับซ่งลุ่ยอยู่บ้าง เพียงแค่ใจคิด เดิมทีตัวเขาเองก็ไม่ได้มีความรู้สึกที่อยากจะไปมองคนอื่นหรือตั้งใจมองไปทางไหนก็ตาม ยิ่งคิดเขาก็ยิ่งกลัวตัวเองจริง ๆ !
เพียงแค่เห็นหลินหลินที่อาบน้ำเสร็จแล้ว ! และเธอก็เพิ่งออกมาจากห้องน้ำ เธอได้พันผ้าเช็ดตัวไว้เหนือหน้าอก มือหนึ่งจับผ้าเช็ดตัวบนหน้าอก อีกมือหนึ่งถือผ้าขนหนูและกำลังเช็ดผมที่เปียกนั่น ! อาจเป็นไปได้ว่าเธอเช็ดผมแรงไปหน่อยจนทำให้ผ้าเช็ดตัวที่กำลังพันไว้ที่หน้าอกร่วงหล่นลงมา !
หลินหลินรู้สึกว่าไม่มีอะไรต้องกังวลเพราะอยู่ในห้องที่เป็นส่วนตัวของตน เธอจึงไม่ได้ใส่ใจกับผ้าที่หลุดลงมาเลย จะหลุดก็หลุดไป เธอยังคงเช็ดผมของเธอต่อไป แต่ว่าสำหรับซ่งลุ่ยที่อยู่ข้างนอกนั้น มันเหมือนกับการรับชมหนังเอวีที่มีเซนเซอร์เรื่องหนึ่งเลย ทันใดนั้นเองเซนเซอร์ก็หายไป ! เหตุการณ์นี้กระแทกใจเขาอย่างรุนแรงอย่างไม่ต้องสงสัย !
หัวใจของซ่งลุ่ยเต้นอย่างดุเดือดเหมือนมีไดโนเสาร์ตัวเล็ก ๆ วิ่งชนเข้ามาที่หน้าอก ! น้องชายของเขาก็ค่อย ๆ แข็งตัวตั้งตรงตอบสนอง ! ซ่งลุ่ยส่งเสียงครางออกมาอย่างเบา ๆ แล้วดันน้องชายเข้าไปหาหลินหลิน ถึงเธอไม่รู้สึกอะไร แต่เขาก็รู้สึกอึดอัดจนวางตัวไม่ถูก อึดอัดจะตายแล้ว ! ซ่งลุ่ยส่ายหัวไปมาแล้วหลับตาลง สูดลมหายใจเข้าออกยาว ๆ และส่ายหัวอีกครั้ง รอเวลาผ่านไปได้สักพัก อาการของเขาก็จึงค่อย ๆ ผ่อนคลายลง
ซ่งลุ่ยลืมตาขึ้นมา แต่เขาไม่กล้าที่จะมองเข้าไปในห้องอีก หลังจากจัดระเบียบเสื้อผ้าของตัวเองแล้ว เขาก็เคาะเบา ๆ ไปที่ประตูสองสามครั้ง
หลินหลินที่กำลังเช็ดผมอยู่ในห้องก็หยุดเช็ดผม ทันใดนั้นเธอก็จำได้ว่าซ่งลุ่ยโทรศัพท์มาหาเธอว่าจะมาหาเพราะมีเรื่องจะถาม คิดไม่ถึงเลยว่าเขาจะมาเร็วขนาดนี้ มันจะเป็นการเสียมารยาทถ้าหากว่าเธอปล่อยให้เขารอนานเกินไป เธอจึงวางผ้าขนหนูที่ใช้เช็ดผมลงแล้วรีบสวมชุดนอนโดยที่ยังไม่ได้สวมชุดชั้นใน เมื่อเรียบร้อยดีแล้ว เธอก็จึงรีบไปเปิดประตู
เมื่อเดินไปถึงที่ประตู หลินหลินสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ แล้วเปิดประตู ซ่งลุ่ยเหลียวมองไปรอบ ๆ บริเวณ เมื่อพบว่าไม่มีใครอยู่ใกล้ ๆ เขาจึงเดินเข้าไปในห้อง เมื่อหลินหลินเห็นซ่งลุ่ยเดินเข้ามาแล้วก็รีบปิดประตูทันที
พอหลินหลินปิดประตูแล้ว เธอก็หันกลับมามองซ่งลุ่ย ซ่งลุ่ยก็มองเธอ น้องชายน้อยของซ่งลุ่ยก็ลุกผงาดขึ้นมาอีกครั้ง ! เพราะว่าหลินหลินนั้นไม่ได้ใส่ชุดชั้นใน ยิ่งไปกว่านั้นชุดนอนที่อยู่บนตัวของหลินหลินนั้นก็บางจนมองเห็นทะลุไปถึงเนื้อหนังมังสาข้างในด้วย อีกสาเหตุก็คือที่เปิดประตูเมื่อครู่นี้ร่างกายของเธอได้ถูกลมหนาวพัดมาปะทะอย่างรุนแรง ทำให้ยอดปทุมถันของเธอนูนออกมาอย่างชัดเจน !
ในเวลานี้เองซ่งลุ่ยก็จ้องมองไปที่หลินหลินอย่างไม่ละสายตา หายใจหอบเสียงดังเหมือนวัวเหนื่อย ดวงตาทั้งสองข้างแดงด้วยแรงปรารถนา ในเวลานี้เองหลินหลินจึงพบว่าซ่งลุ่ยดูผิดปกติไปเล็กน้อย เมื่อเห็นว่าเขาจ้องมองมายังเธออย่างไม่ละสายตา ในใจอดไม่ได้ที่จะมีความสงสัยขึ้นมา เธอจึงก้มหน้าลงและมองสำรวจไปที่ตัวของเธอเอง
ใบหน้าของหลินหลินกลายเป็นสีแดงเมื่อเธอมองเห็นรูปร่างและสภาพของตัวเธอ เธอวิ่งเข้าไปที่ในห้องน้ำและปิดประตูอย่างรวดเร็ว ! อย่างไรก็ตามหลินลินไม่คิดว่าการแสดงอาการของเธอนั้นเป็นน้ำมันเชื้อเพลิงที่ราดลงไปบนกองไฟที่กำลังลุกโชน ! อาจเป็นไปได้ว่าหลินหลินนั้นอาจจะวิ่งเร็วไปสักเล็กน้อยจนส่งผลให้กระโปรงของชุดนอนของเธอนั้นก็เปิดขึ้น ! เพราะเธอไม่ได้สวมชุดชั้นในด้วยซ้ำ ! อีกทั้งดวงตาของซ่งลุ่ยที่สามารถมองเห็นฉากด้านในผ่านประตูนั้นไปอีก จึงยิ่งไม่ต้องพูดถึงตอนนี้เลย !
โชคยังดีที่หลินหลินรีบวิ่งหนีเข้าห้องน้ำได้ทันเวลา ไม่เช่นนั้นซ่งลุ่ยคาดว่าอาจจะควบคุมตัวเองไม่อยู่และสำเร็จโทษเธอ !
ในห้องน้ำ หลินหลินที่หน้าแดงอยู่ในขณะนี้ก็รีบใส่ชุดชั้นในแล้วล้างหน้าให้รู้สึกสดชื่นขึ้นมาหน่อย ถึงจะไม่มีความเขินอายแล้ว แต่เธอก็ยังไม่กล้าออกไปอยู่ดี ไม่รู้ว่าจะมองหน้าซ่งลุ่ยได้ยังไง เช่นเดียวกันกับซ่งลุ่ยที่อยู่ข้างนอก โอ้ ให้ตายสิ อึดอัดชะมัด !
ผ่านไปไม่นาน ในที่สุดหลินหลินก็ออกจากห้องน้ำมา เธอก้มหน้างุดและไม่กล้ามองหน้าซ่งลุ่ย ส่วนทางด้านซ่งลุ่ยที่มองหลินหลินก็แทบจะอดใจไม่ได้ เพราะตอนนี้เขาเห็นหลินหลินก็พาลทำให้นึกถึงสถานการณ์ที่เพิ่งจะผ่านไปสด ๆ ร้อน ๆ
แต่ว่าพวกเขาทั้งสองคนก็ไม่มีใครยอมปริปากพูดอะไรออกมาก่อน อย่างไรก็ตามนี่ก็คือชายและหญิง อยู่ในห้องเดียวกันสองต่อสองในเวลากลางคืนเช่นนี้ แถมยังเพิ่งจะเกิดเหตุการณ์ที่ชวนกระอักกระอ่วนนั่นอีก จะทำอย่างไรเสียก็ยังไม่รู้สึกให้ผ่อนคลายอยู่ดี แล้วจะหาเรื่องเอ่ยปากพูดได้อย่างไรกัน ก็เหมือนเนื้อเพลงก่อนหน้านี้ที่ว่า ‘กลัวที่สุดว่าอากาศที่อยู่ ๆ ก็สงบลง’ ดังนั้นบรรยากาศในตอนนี้จึงค่อนข้างอ่อนไหวนิดหน่อย !
เหตุการณ์ที่น่าอึดอัดผ่านไปสักครู่หนึ่ง ซ่งลุ่ยก็รู้สึกว่าตัวเขานั้นเป็นผู้ชาย ไม่ควรจะเป็นเช่นหญิงสาวที่เขินอายไปได้ ! ดังนั้นซ่งลุ่ยจึงค่อย ๆ เรียบเรียงคำพูดแล้วหันหน้าไปทางหลินหลินแล้วพูดกับเธอว่า
“นั่น เอ่อ หลินหลิน เรื่องเมื่อตอนบ่าย คุณพอใจกับมันหรือเปล่า ?”
เมื่อหลินหลินได้ยินคำถามของซ่งลุ่ย เธอก็ยังคงไม่เงยหน้าขึ้นมาและตอบกลับมาเบา ๆ คล้ายเสียงกระซิบ
“อืม”
ซ่งลุ่ยที่มองดูปฏิกิริยาของหลินหลิน เขาก็อดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมา แต่ในหัวสมองก็หมุนเร็วจี๋เพื่อหาเรื่องมาพูดคุยกับหลินหลิน เพราะถ้าเขาปล่อยให้สถานการณ์ในคืนนี้ผ่านไปโดยไม่ทำอะไร เขาก็ไม่รู้ว่าต่อไปเขาจะมีหน้ามาถามเธอได้อย่างไรได้อีก ในเวลานี้ ซ่งลุ่ยก็ยืนขึ้นมา เดินไปข้าง ๆ หลินหลิน
เมื่อหลินหลินเห็นซ่งลุ่ยยืนขึ้นแล้วเดินไปหาเธอ หัวใจของเธอสั่นเทาและเงยหน้าขึ้นอย่างรวดเร็ว จิตใต้สำนึกสั่งให้เธอเอามือโอบกอดหน้าอกเธอไว้และถอยร่นไปด้านหลัง เธอทั้งถอยหลังและพูดไปด้วยพร้อมกัน
“ซ่งลุ่ย คุณจะทำอะไร !”
เมื่อซ่งลุ่ยเห็นปฏิกิริยาตอบสนองเช่นนี้ของหลินหลิน เขาก็จึงใช้มือทั้งสองข้างของเขาจับไปที่ไหล่ของหลินหลินและดึงให้หลินหลินไปนั่งที่เก้าอี้ เขาก็ไปหาเก้าอี้อีกตัวมานั่งข้าง ๆ เธอเช่นกันแล้วพูดกับเธอว่า
“หลินหลิน วางใจได้ ฉันและเธอก็รู้จักกันมานาน เธอสบายใจได้ !” พูดจบ เขาก็มองไปที่หลินหลินด้วยใบหน้าที่จริงใจ
เมื่อได้ยินซ่งลุ่ยบอกแบบนั้น หลินหลินก็ค่อยสบายใจและเงยหน้าขึ้นมามองซ่งลุ่ย ในใจของเธอก็ซาบซึ้งในบุญคุณของชายหนุ่มเป็นอย่างมาก แล้วพูดกับซ่งลุ่ยว่า
“เรื่องเมื่อตอนบ่าย ฉันต้องขอบคุณนายมาก ๆ นะ !”
ซ่งลุ่ยไม่ตอบเพราะในหัวของเขากำลังมึนงง เมื่อหลินหลินเห็นซ่งลุ่ยกำลังมึงงง ก็สะกิดเขาเล็กน้อย ในขณะที่กำลังสะกิดเขา เธอก็ถามไปด้วย
“ซ่งลุ่ย ? ซ่งลุ่ย ? นายเป็นอะไรหรือเปล่า ?”
ซ่งลุ่ยดึงสติกลับและตอบหลินหลิน
“ห้ะ ? อ้อ เรื่องเมื่อตอนบ่าย ไม่มีอะไร เรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ น่า ถ้าจะให้พูด เมื่อก่อนเธอก็เคยช่วยเหลือฉันมาก่อนนี่ ไม่เป็นไรหรอก”
กล่าวถึงก่อนหน้านี้สาเหตุที่ทำให้ซ่งลุ่ยมึนงง ก็เพราะว่าหลังจากที่ซ่งลุ่ยถามหลินหลินแล้ว ในสายตาเบื้องหน้าของเขาก็ปรากฏกล่องข้อความขึ้นมา !
"ผู้อาศัยกระตุ้นให้เกิดภารกิจของระบบ ! เริ่มภารกิจแรก ! "
“ชื่อภารกิจ ผลักให้ล้ม !”
“จะมอบรางวัลก็ต่อเมื่อทำภารกิจนี้สำเร็จ รางวัลจะเป็นการเลือกอย่างใดอย่างหนึ่งระหว่างทักษะและสิ่งของ บทลงโทษหากล้มเหลว การมองเห็นจะถูกถอดออกโดยอัตโนมัติและลบล้างความทรงจำ !”
“ปล. ภารกิจลักษณะนี้ไม่ได้พบเจอบ่อยหนัก ภารกิจปรากฏตามโชคของลูกค้า ! ลูกค้ากรุณาตั้งใจทำภารกิจ ! ลูกค้ากรุณาตั้งใจทำภารกิจ !”
เมื่อเห็นรายละเอียดแบบนี้ ซ่งลุ่ยก็ลังเลใจ เดิมทีเขาไม่ได้คิดจะจับกดหลินหลิน ถึงแม้ว่าก่อนหน้านั้นจะเคยจูบกันมาก่อน แต่นั่นมันก็เป็นความผิดพลาดและความบังเอิญมากกว่า เขาคิดไม่ถึงว่าจะสามารถทำภารกิจได้ ตอนนี้เขารู้สึกขัดแย้งในใจเหลือเกิน หากทำมันสำเร็จอีกครั้ง ลองดูหน่อยว่ารางวัลคืออะไร แต่ก็กลัวทำไม่สำเร็จ วันที่ความฝันเป็นจริง ! กุญแจสำคัญในตอนนี้คือการจับกด มันมักจะมีความหมายที่น่ากลัวแฝงไว้อยู่เสมอ