ตอนที่ 10 สี่คนต่อหนึ่งกลุ่ม
ตอนที่ 10 สี่คนต่อหนึ่งกลุ่ม
ตู่หมิงยังคงตะโกนด่าไม่หยุดหย่อน ซ่งเจิงคิดว่าเขาความจำสั้นจึงขมวดคิ้วแน่นพร้อมเดินเข้าหา
คิดไม่ถึงเพียงแค่ขยับตัวก้าวไปด้านหน้า ตู่หมิงถอยกรูดไปสามก้าวอย่างรวดเร็ว สายตาเผยแววอาฆาตแต่จิตใจกลับสั่นไหว… เขาได้แต่พึมพำในใจ ‘เกิดอะไรขึ้นกับไอ้เด็กเวรนี่ ปกติไม่ใช่แบบนี้นี่… มันไปเอาเรี่ยวแรงมาจากไหน เหอะ ฝากไว้ก่อนเถอะไอ้เวร ฉันเอาคืนแน่!’
“หยุดอยู่ตรงนั้นแหละไอ้เด็กแซ่ซ่ง! ฉันจะบอกอะไรให้นะ ว่าหัวหน้าเฉินตั้งกฎสำหรับที่นี่ไว้แล้ว ถ้าแกคิดจะทำร้ายฉัน แกโดนดีแน่!”
ตู่หมิงเรียกร้องความชอบธรรม
ทั้งหมดเป็นสิ่งที่หลี่ว่านหลูกล่าวออกเมื่อครู่นี้ แต่ตอนนี้เขากลับพูดมันอย่างหน้าตาเฉย เห็นได้ชัดว่าตู่หมิงเริ่มหวาดกลัวแต่ยังไม่คิดยอมรับความพ่ายแพ้
ก่อนหน้านี้หลี่ว่านหลูเป็นห่วงซ่งเจิงมาก แต่เหตุการณ์ตอนนี้เปลี่ยนไปแล้ว เธออดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา ใบหน้าเดิมที่งดงามอยู่แล้วยิ่งบวกกับรอยยิ้มมีเสน่ห์ก็ยิ่งน่าหลงใหลมากขึ้นไปอีก ซ่งเจิงได้เห็นอย่างนั้นถึงกับสติหลุดไปทันที
ก่อนที่จะทะลุมิติมา เขาได้พบเจอกับผู้หญิงอย่างเช่นหลี่ว่านหลูไม่มากนัก… ส่วนใหญ่ผู้หญิงมักจะชื่นชอบการฉีดโบท็อกซ์เข้าใบหน้า มันจะมีสักกี่คนที่งดงามโดยธรรมชาติ?
ซ่งเจิงไม่สนใจพร้อมตอบกลับอย่างเย็นชา “ตู่หมิง… คุณไม่อายบ้างหรือไง เป็นคุณที่วิ่งเข้ามาในห้องของผมและยังลงมือก่อน แต่กลับบอกว่าไม่ให้ผมสู้เนี่ยนะ? ถ้าอย่างนั้นเราไปหาหัวหน้าเฉินให้ตัดสินเรื่องนี้ไหม จะได้รู้ว่าทั้งหมดมันความผิดใครกันแน่!”
ตู่หมิงได้ยินอย่างนั้นจึงมองไปที่ทั้งสองคนอย่างเย้ยหยัน
จากการต่อสู้เมื่อครู่นี้ เขารู้แล้วว่าตัวเองไม่สามารถจัดการกับชายหนุ่มตรงหน้าได้ แต่ก็ยังไม่อาจยอมรับความจริงจึงพูดออกไปอย่างไม่ยอมแพ้ “เอาสิ! ถ้าแกมีความสามารถให้หัวหน้าเฉินออกมาตัดสินได้ก็เอาเลย ฉันก็อยากจะรู้เหมือนกันว่าเขาจะอยู่ข้างทีมสำรวจหรือจะออกหน้าแทนพวกขยะอย่างแกสองคน!”
เมื่อพูดถึงสถานะทีมสำรวจ น้ำเสียงของตู่หมิงก็ยิ่งดังขึ้นอย่างข่มขวัญ
ในเมื่อผู้รอดชีวิตหลายร้อยคนในโรงแรมนี้ มีคุณสมบัติสามารถเข้าร่วมทีมสำรวจได้ มีเพียงแค่ยี่สิบกว่าคนที่แข็งแกร่งที่สุด ดังนั้นในฐานะสมาชิกทีมสำรวจ ตู่หมิงจึงรู้สึกว่าตนเองอยู่เหนือผู้อื่น
แต่ความรู้สึกนี้กลับถูกซ่งเจิงทำลายลงอย่างรวดเร็ว
“เอาตำแหน่งสมาชิกทีมสำรวจมากดให้คนอื่นต่ำลงงั้นเหรอ? ขอโทษด้วยนะครับ ผมเองก็อยู่ในทีมสำรวจเหมือนกัน” ซ่งเจิงตอบเสียงเรียบ
ดวงตาของตู่หมิงเบิกกว้างพร้อมตอบกลับเสียงสั่น “เป็นไปได้ยังไง! แกใช้อะไรถึงผ่านเกณฑ์? เหอะ แกก็แค่โกหกให้ฉันตกใจสินะ”
แต่ในใจของเขากลับรู้สึกหวาดกลัวขึ้นมา ดูเหมือนครั้งนี้เขาจะเจอตอเหล็กเข้าแล้ว เจ้าเด็กคนนี้มีเส้นสายอะไรกันนะ?
ซ่งเจิงหมดความอดทน เขากัดกรามแน่นพร้อมพูดออก “จะโกหกหรือไม่ก็ลองไปถามหัวหน้าเฉินด้วยตัวเองแล้วกัน… อีกอย่างทำไมผมจะเข้าทีมสำรวจไม่ได้? เลิกพูดจาไร้สาระได้แล้ว ออกไปซะ! ห้องผมไม่ต้อนรับคนอย่างคุณ!”
ตู่หมิงอยากออกจากห้องนี้ใจจะขาดจึงรีบตอบกลับ “ได้! ฉันจะไปถามเขาเอง ถ้าแกโกหก… ฉันกลับมายำแกแน่!”
พูดจบตู่หมิงก็แทบจะวิ่งออกจากห้องไปทันที
เมื่อครู่ที่ได้สัมผัสกับสายตาเย็นชาของซ่งเจิง ตู่หมิงรู้สึกว่าสันหลังของตัวเองแทบจะกลายเป็นน้ำแข็ง เหมือนกับว่ามีสัตว์ร้ายกำลังจับจ้องเขาอยู่อย่างไรอย่างนั้น
เขาเคยออกไปล่าซอมบี้อยู่สองสามครั้ง แต่ก็ไม่เคยรู้สึกถึงอันตรายเช่นนี้มาก่อน เขารู้สึกว่าซ่งเจิงอาจจะสามารถกระชากวิญญาณเขาออกจากร่างได้เพียงดีดนิ้ว!
แล้วถ้าซ่งเจิงคิดจะลงมือจริงๆ เขามีสักร้อยชีวิตก็คงไม่พอ!
หลังจากตู่หมิงออกไปแล้ว ซ่งเจิงหันไปหาหลี่ว่านหลูพร้อมถามเสียงอ่อน “เธอไม่เป็นไรใช่ไหม?”
หลี่ว่านหลูกะพริบตาพร้อมกับจ้องมองเขาด้วยความประหลาดใจ ก่อนจะรีบตอบกลับ “ไม่เลย ฉันไม่เป็นไร…”
หลังจากคิดอยู่ครู่หนึ่งเธอก็อธิบายเรื่องราวให้เขาฟัง “ก่อนหน้านี้ตู่หมิงมาเคาะประตู ฉันคิดว่าเขาคงมีธุระอะไรเลยเปิด… ไม่คิดเลยว่าจะเกิดเรื่องอย่างนี้ โชคดีจังที่นายกลับมาทันเวลาและสามารถไล่เขาออกไปได้ ซ่งเจิงนายเรียนมาจากที่ไหนเหรอ? เก่งมากเลย!”
ความจริงแล้วถึงหลี่ว่านหลูไม่อธิบายอะไรเขาก็พอจะเข้าใจเรื่องราวได้ คนอย่างตู่หมิงเป็นพวกบ้ากามคิดใช้แต่กำลัง ในโลกก่อนหน้าเขาเคยเจอคนแบบนี้มาไม่น้อย
ส่วนคำถามของหลี่ว่านหลู เขาไม่คิดจะตอบมันอยู่แล้ว
ซ่งเจิงไม่พูดอะไรพร้อมกับก้าวขาเข้าห้อง
หลี่ว่านหลูมุ่ยปาก ก่อนจะถามต่อ “อ้อ เมื่อกี้นายบอกว่าได้เข้าทีมสำรวจเหรอ?”
“อืม หัวหน้าเฉินตอบรับด้วยตัวเองเลยล่ะ พรุ่งนี้ฉันต้องออกไปทำงานแล้ว” ซ่งเจิงพยักหน้ารับ
หลี่ว่านหลูตกใจ ก่อนจะกล่าวออกด้วยน้ำเสียงติดขัด “งั้น… พรุ่งนี้นายก็ไม่อยู่น่ะสิ… แล้วฉันล่ะ…”
ซ่งเจิงมึนงงไปชั่วขณะพร้อมกับคิดว่าอีกฝ่ายต้องการให้เขารับผิดชอบงั้นเหรอ? แต่เมื่อคืนนี้ทั้งสองก็ได้นอนร่วมเตียงเดียวกันแล้ว ถึงซ่งเจิงจะรู้ดีว่าอีกฝ่ายยังบริสุทธิ์และเขาก็ไม่ได้รุกล้ำเขตแดน แต่ยังไงซะ เมื่อได้ยินหญิงสาวถามอย่างนี้เขาก็รู้สึกผิดไม่น้อย
เขาคิดอยู่สักครู่ก่อนจะกล่าวออกด้วยน้ำเสียงเคอะเขิน “เอ่อ… งั้นเธออยู่ในห้องนี้ก็ได้นะ เดี๋ยวฉันเอากุญแจไว้ให้”
ในห้องนี้ไม่มีของมีค่าอะไรเลยนอกจากกระทะเหล็กใบนั้น ซ่งเจิงจึงไม่ได้สนใจอะไรและไม่กังวลเลยสักนิด
ตอนเที่ยงทั้งซ่งเจิงและหลี่ว่านหลูเดินลงไปรับอาหารด้านล่าง
ระหว่างทางกลับเขาเจอกับพี่ใหญ่กุ้ย อีกฝ่ายแนะนำเรื่องทีมสำรวจให้เขาฟังคร่าวๆ
คนที่จะออกไปล่าซอมบี้มีอยู่ประมาณยี่สิบคน นอกนั้นเป็นคนที่ต้องอยู่ดูแลทุกคนในโรงแรม
นอกจากหัวหน้าเฉินแล้ว ทีมสำรวจยังมีรองหัวหน้าอีกสามคน ทุกคนจะมีกลุ่มเล็กๆเป็นของตัวเอง หนึ่งกลุ่มมีสี่คน
ในช่วงเวลาที่ออกล่าซอมบี้ พวกเขาจะยืนอยู่ในถนนที่ค่อนข้างแคบ หากรวมกลุ่มอยู่ด้วยกันทั้งหมดอาจเกิดความวุ่นวายได้ แยกกันไปกลุ่มละสี่เป็นเรื่องที่ดีกว่าและสามารถดูแลกันได้อย่างทั่วถึง อีกทั้ง ถ้าดวงไม่ดีไปเจอซอมบี้ทั้งฝูงล้อมรอบ ก็จะมีเพียงสี่คนที่ตายตกไม่ใช่ยี่สิบคน
ไม่ใช่แค่โรงแรมฟู่คังที่ทำอย่างนี้ กลุ่มอื่นๆก็ปฏิบัติในแนวทางนี้เช่นเดียวกัน
ในทุกต้นเดือน ทีมสำรวจทุกกลุ่มจะไปรับอาหารที่ถูกแจกจากในตัวเมือง แล้วหลังจากนั้นจึงออกเดินทางไปล่าซอมบี้พร้อมกันเช่นเคย