ตอนที่แล้วตอนที่ 11: ลางบอกเหตุวันสิ้นโลก
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 13: โดนซูลต้มจนเปื่อย

ตอนที่ 12: เนโครแมนเซอร์ผู้ยิ่งใหญ่


ตอนที่ 12: เนโครแมนเซอร์ผู้ยิ่งใหญ่

ใช่แล้ว สถานที่ที่เนโครแมนเซอร์เปลี่ยนอาชีพคือสุสานหรือที่รู้จักกันในชื่อสถานที่ฝังศพ

พระเจ้าช่วยเถอะ ผู้ออกแบบเกมกับเนโครแมนเซอร์ต้องมีความแค้นต่อกันเป็นแน่!!

หวังยวนยิ่งไม่พอใจ

วอริเออร์เป็นค่าย ไฟเตอร์เป็นลานประลอง นักธนูเป็นสนามซ้อมยิง นักฆ่าเป็นกิลด์นักฆ่า ส่วนนักบวชกับพาลาดินเป็นโบสถ์

ส่วนนักเวทผู้อยู่สายอาชีพเดียวกันกลับได้เปลี่ยนอาชีพที่หอคอยเวทมนตร์สุดหรูหรา ซึ่งอยู่ใจกลางเมืองที่มีฮวงจุ้ยดีที่สุดเฉกเช่นที่อยู่อาศัยของขุนนาง

สถานที่เดียวที่เนโครแมนเซอร์สามารถเปลี่ยนอาชีพได้อยู่ในสุสานที่มืด สกปรกและมีกลิ่นเหม็น

หวังยวนรู้สึกถึงการเลือกปฏิบัติอย่างแรงกล้า

แม้แต่ทหารโครงกระดูกทั้งสองก็อดไม่ได้ที่จะเริ่มบ่นไม่ขาดปาก

"ไม่แปลกใจเลยที่เนโครแมนเซอร์เป็นอาชีพหายากที่สุดในยุคของพวกเรา ดูจากเงื่อนไขเหล่านี้ ไม่แปลกใจเลยที่ไม่มีใครเลือกอาชีพนี้..."

“นั่นน่ะสิ เพราะไม่มีใครเลือกเนโครแมนเซอร์ ทำให้เชื้อสายเนโครแมนเซอร์มีจำนวนน้อยจนไม่มีใครสามารถปลุกเนโครแมนเซอร์ได้ในตอนนั้น”

“หากมีเนโครแมนเซอร์คนอื่นอีก วีรชนผู้ตายในการต่อสู้คงสามารถฟื้นคืนชีพได้ ด้วยความแข็งแกร่งของกองทัพอันเดด เนโครแมนเซอร์เพียงคนเดียวก็สามารถปกป้องเมืองได้แล้ว”

เนโครแมนเซอร์สามารถปกป้องเมืองได้งั้นเหรอ?

หวังยวนอดไม่ได้ที่จะรู้สึกตื่นเต้น

ดูเหมือนว่าข้อมูลเกมจะไม่หลอกลวงแต่อย่างใด เนโครแมนเซอร์เป็นอาชีพแข็งแกร่งมากในช่วงท้าย

ไม่แปลกใจที่จะโดนมองด้วยสายตารังเกียจในช่วงแรก

หลังจากได้ยินสิ่งที่ทั้งสองสนทนา หวังยวนยิ่งรู้สึกถึงสมดุลที่มากขึ้น แล้วเผ่าพันธุ์ของผู้ออกแบบเกมในความคิดของหวังยวนจึงเปลี่ยนจากสุนัขไปเป็นวานร

ทวยเทพจะมอบหมายความรับผิดชอบอันยิ่งใหญ่ให้กับผู้มีความสามารถ

สำหรับอาชีพที่ทรงพลังอย่างเนโครแมนเซอร์ ย่อมไม่สามารถไปได้ด้วยในช่วงแรกอย่างแน่นอน

ทว่าหวังยวนสามารถทราบจากบทสนทนาว่าหลังจากเกมหลอมรวมกับความเป็นจริงแล้ว มนุษย์ผู้อยากเลือกอาชีพย่อมไม่สามารถเลือกได้เหมือนอย่างตอนนี้ มีแต่ต้องพึ่งการปลุกสายเลือดที่ได้รับมา

สายเลือดนี้น่าจะข้องเกี่ยวกับอาชีพที่ผู้เล่นเลือกในตอนนี้

ยิ่งผู้เล่นเลือกอาชีพนี้มากเท่าไร สายเลือดก็จะยิ่งมีมากขึ้นหลังจากเกมหลอมรวมกับความเป็นจริง แล้วอัตราการปลุกก็จะยิ่งสูงขึ้น

ยิ่งผู้เล่นเลือกอาชีพนี้น้อยเท่าไร สายเลือดก็จะเบาบางจนอัตราการปลุกพลอยต่ำไปด้วย

นั่นเป็นเพราะการตั้งค่าของเนโครแมนเซอร์ดูน่าผิดหวังเกินจนทำให้ปัจจุบันมีผู้เล่นเนโครแมนเซอร์ค่อนข้างน้อย ดังนั้นเมื่อเวลาผ่านไปหลายร้อยปี เนโครแมนเซอร์ก็จะกลายเป็นอาชีพในตำนาน

“ทั้งหมดล้วนเป็นเพราะกิลด์โง่พวกนั้น!”

หวังยวนเม้มริมฝีปากด้วยความไม่พอใจ

แม้การตั้งค่าเรื่องการอัญเชิญโครงกระดูกที่ต้องใช้ซากศพจะน่าขยะแขยงไปบ้าง แต่บริษัทเกมยังมีการกำหนดจุดฝังศพเอาไว้

สาเหตุที่เนโครแมนเซอร์ทั่วไปอย่างหวังยวนไม่สามารถอัญเชิญโครงกระดูกได้เป็นเพราะกิลด์ขนาดใหญ่เหล่านั้นยึดครองจุดฝังศพเอาไว้ ทำให้เนโครแมนเซอร์ที่ไม่ใช่พวกอีกฝ่ายไม่สามารถเข้าใกล้ได้

ผลที่ได้คือเนโครแมนเซอร์ส่วนใหญ่เลือกที่จะลบบัญชีตนเองแล้วเริ่มเล่นสายใหม่โดยที่ไม่รู้เลยว่าโครงกระดูกมีหน้าตาอย่างไร

แต่หวังยวนมีนิสัยดื้อรั้น เพราะงั้นถึงได้ดื้อดึงจนอัญเชิญต้าไป๋กับเสี่ยวไป๋ในห้องใต้ดินของโบสถ์ได้สำเร็จ

“นักผจญภัย คุณมาที่นี่เพื่อเปลี่ยนอาชีพเหรอ?”

เมื่อมาถึงสุสาน น้ำเสียงน่าขนลุกจึงดังขึ้นในหูของหวังยวน

เมื่อมองขึ้นไปจึงพบกับชายวัยกลางคนผิวซีดสวมเสื้อคลุมสีเทายืนอยู่ตรงหน้า

ใบหน้าของชายวัยกลางคนซูบตอบและไร้ซึ่งโลหิต ดูไม่ต่างกับซอมบี้ที่โผล่ออกมาจากสุสาน

ชื่อของอีกฝ่ายปรากฏอยู่เหนือศีรษะ…  - คนเฝ้าสุสาน เวย์น (ที่ปรึกษามืออาชีพด้านเนโครแมนเซอร์)

"ใช่! ฉันสนใจ!"

หวังยวนพยักหน้า

ถึงอย่างไรก็ไม่ได้มาเพื่อท่องเที่ยวอยู่แล้ว ถ้าไม่มีธุระแล้วจะมาที่นี่ทำไม

“กรุณาเลือกอาชีพของคุณ” เวย์นเอ่ยคำ "เนโครแมนเซอร์แบ่งออกเป็นสองอาชีพ ประกอบด้วยเนครอนซ์กับผู้อัญเชิญแห่งความตาย อาชีพแรกจะมุ่งเน้นไปที่เวทคำสาป ส่วนอาชีพหลังจะมุ่งเน้นไปที่การอัญเชิญเพื่อเสริมแกร่งให้กับกองทัพอันเดด..."

“ผู้อัญเชิญแห่งความตาย!” หวังยวนเอ่ยคำอย่างไม่ลังเล

แม้เวทคำสาปของเนครอนซ์จะไม่อ่อนแอ แต่หนังสือประวัติศาสตร์วีรชนในมือของตนเองคงอยู่เพื่อกองทัพอันเดด ยิ่งกว่านั้นยังมีตัวเอกทั้งสองอย่างต้าไป๋กับเสี่ยวไป๋ ในฐานะน้องชาย จึงเป็นธรรมดาที่จะเลือกสายอัญเชิญ

“ขอให้ลาสมาผู้ยิ่งใหญ่ปกป้องคุณตลอดไป!”

เวย์นยกไม้เท้าในมือขึ้น แล้วแสงสีดำจึงปกคลุมหวังยวนเอาไว้

"ฟ่าว!"

ทว่าในตอนนี้ แสงสีดำพลันทะลวงเข้าสู่ร่างของหวังยวนอย่างควบคุมไม่ได้ก่อนจะหายไปอย่างไร้ร่องรอย

"หืม?"

ใบหน้าเย็นชาของเวย์นเผยความประหลาดใจทันที "คุณถึงกับมีพลังแห่งความตายแก่กล้าถึงเพียงนี้"

“พลังแห่งความตายเหรอ?”

หวังยวนมีสีหน้าสับสน

“ถูกต้อง คุณคือวีรชนผู้ถูกเลือกโดยวีรชนซาก้า เป็นบุตรแห่งโชคชะตาผู้ครอบครองหนังสือประวัติศาสตร์วีรชน... ฉันต้องขอโทษด้วยที่ไม่สามารถเปลี่ยนอาชีพคุณได้เพราะถูกจำกัดความสามารถเอาไว้” เวย์นพยักหน้าก่อนจะกลับมาแสดงสีหน้าสงบอีกครั้ง

“เปลี่ยนอาชีพไม่ได้เหรอ? ถ้างั้นต้องทำยังไงล่ะ?” หวังยวนขมวดคิ้ว

“ไม่ใช่ว่าไม่สามารถเปลี่ยนอาชีพได้ แต่เป็นเพราะไม่มีความสามารถเปลี่ยนอาชีพให้คุณต่างหาก” เวย์นเอ่ยคำ

"แล้วใครสามารถเปลี่ยนได้?" หวังยวนถามอีกครั้ง

"ฮิฮิ!" เวย์นหัวเราะขณะเมินหวังยวน

"หืม..."

หวังยวนตกอยู่ในความเงียบ

ถ้าไม่รู้ว่าเปลี่ยนอาชีพที่ไหน มันไม่เท่ากับเสียเวลาเปล่าหรอกเหรอ?

“พี่หนิวของพวกเราเกิดมีปัญหาทางความคิดเหรอ ทั้งที่ตัวเองรู้ว่าไม่ควรช่วยผู้อื่นโดยไม่หวังผลตอบแทน แต่ทำไมเขาถึงกลับทำตัวเสียเกียรติเวลาเป็นฝ่ายขอความช่วยเหลือจากเสียเองล่ะ?”

น้ำเสียงสงสัยของเสี่ยวไป๋ดังก้องในหู

“พี่หนิวเป็นคนไร้ยางอายเหมือนกับพวกเราที่ผ่อนปรนกับตัวเองแต่เข้มงวดกับผู้อื่น!” ต้าไป๋เอ่ยคำจากด้านข้าง

“บ้าบอสิ้นดี...”

หวังยวนครุ่นคิดสักพัก จากนั้นจึงหยิบเหรียญทองแดงออกมาจากกระเป๋าแล้วเอ่ยคำ "พี่ชายโปรดให้การช่วยเหลือด้วย"

“ไอ้หยา ไม่เลว ถือว่าหัวความคิดดี”

“เขาแค่ไร้ยางอาย ไม่ได้โง่เสียหน่อย แต่การขอให้ใครทำบางอย่างด้วยเหรียญทองแดงมันจะเป็นไปได้เหรอ?”

โครงกระดูกทั้งสองเริ่มกระซิบกระซาบอีกครั้งเมื่อเห็นหวังยวนหยิบเหรียญทองแดงออกมา

“เหอะ! คุณดูถูกฉันอยู่งั้นเหรอ?” เวย์นพ่นลมออกจมูกอย่างเย็นชา

“หยิบผิดต่างหาก ต้องเหรียญเงินอยู่แล้ว เหรียญเงิน!” หวังยวนรีบหยิบเหรียญเงินออกมา

“ฉัน เวย์น ไม่ได้ติดสินบนง่ายขนาดนั้นหรอกนะ” เวย์นยิ้มหยัน

"นี่..."

หวังยวนลังเลสักพักก่อนจะเอ่ยถาม “คุณบอกมาเลยว่าต้องการแบบไหน?”

“หนึ่งเหรียญทอง!”

“คุณบอกว่าไม่ได้ติดสินบนง่ายขนาดนั้นไม่ใช่เหรอ?” หวังยวนเดือดดาล

“หนึ่งเหรียญทองไม่ใช่จำนวนที่น้อยเลย จะถือว่าง่ายได้ยังไง!” เวย์นเผยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์

“ได้! ได้! คุณสุดยอดมาก!” หวังยวนพูดอะไรไม่ออก

ตอนนี้เวย์นถือว่ามีนิสัยใกล้เคียงกับบริษัทเกมค่อนข้างมาก ซึ่งส่วนสำคัญอยู่ที่การกอบโกยเงิน

“คุณไปที่สุสานวิญญาณของโบสถ์ได้เลย คนที่นั่นสามารถช่วยคุณได้” เวย์นเอ่ยคำหลังจากได้รับเหรียญทอง

ด้วยคำแนะนำของเวย์น ไม่ช้าหวังยวนจึงมาถึงสุสานหลังโบสถ์ โดยภายในสุสานมี NPC ที่ผอมซีดกว่าเวย์นจนดูเหมือนซอมบี้มากกว่ายืนอยู่

ในบรรดากลุ่ม NPC ที่ส่องแสง เนโครแมนเซอร์ในเสื้อคลุมสีเทาคนนี้ดูโดดเด่นเป็นพิเศษ

“ฉันคือมหาปุโรหิตแห่งลาสมาและเนโครแมนเซอร์ มีนามว่าซูล”

เมื่อเห็นหวังยวนกำลังเดินมาหาตนเอง ซูลจึงมองหวังยวนตั้งแต่หัวจรดเท้าแล้วเอ่ยคำ "ลูกของฉัน ได้ยินมาว่าคุณมีหนังสือประวัติศาสตร์วีรชนและเป็นบุตรแห่งโชคชะตาที่ได้รับการยอมรับจากวีรชนซาก้าสินะ ฉันคิดว่าฉันสามารถช่วยคุณเปลี่ยนอาชีพได้!"

“ซูล? เขาคือซูลเหรอ?”

“เนโครแมนเซอร์ผู้ยิ่งใหญ่ซูลผู้สกัดกั้นกองทัพมอนสเตอร์บนผาอสนีเป็นเวลาสิบหกปีไม่ใช่เหรอ?”

"คาดไม่ถึงว่าจะได้เห็นวีรชนในตำนานที่นี่!!"

เมื่อได้ยินการแนะนำตัวของซูล โครงกระดูกทั้งสองจึงเริ่มกระสับกระส่ายขณะร้องอุทานอย่างอธิบายไม่ถูก

“?”

ในตอนนี้ ซูลพลันตกตะลึงขณะสายตาจับจ้องโครงกระดูกทั้งสอง แล้วในที่สุดจึงเอ่ยคำกับหวังยวนอย่างจริงจัง "ลูกเอ๋ย กฎข้อแรกของเนโครแมนเซอร์คือห้ามอัญเชิญสิ่งมีชีวิตอันเดดที่มีวิญญาณ"

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด