บทที่ 54 แยกกันลงมือ
เมื่อเห็นหลัวเฉิงและคนอื่นๆ ใบหน้าของผู้เข้าแข่งขันจากทั้งสองตระกูลก็เย็นชาเล็กน้อย
โดยเฉพาะหลินอวิ๋นและชีถิง
หลินอวิ๋นจ้องหลัวเฉิง จากนั้นเหยียดยิ้มและยกมือขวาขึ้นแตะที่คอพร้อมเฉือนไปทางขวา นั่นแสดงออกถึงภัยคุกคามต่อหลัวเฉิงอย่างชัดเจน
หลัวเฉิงยิ้มตอบอย่างเยือกเย็น โดยไม่แสดงสีหน้าหวั่นเกรงแม้แต่น้อย
ผู้เข้าแข่งขันจากสามตระกูลหลักขึ้นบนแท่นที่เป็นจุดเริ่มต้นของแต่ละตระกูลตามลำดับ
ซึ่งแท่นจุดเริ่มต้นแต่ละแห่ง มีเส้นทางเชื่อมโยงไปยังหุบเขาที่แตกต่างกัน และปลายทางที่ปรากฏในหุบเขาจันทร์เสี้ยวของแต่ละตระกูลก็แตกต่างเฉกเช่นเดียวกัน
ซึ่งการออกแบบเช่นนี้ เพื่อหลีกเลี่ยงผู้เข้าแข่งขันไม่ให้ต่อสู้กันในระหว่างแข่งขัน
“เมื่อผู้เข้าแข่งขันพร้อมแล้ว เริ่มได้”
อวิ๋นเต้าเจี้ยงประกาศเริ่มการแข่งขันทันใด
“ไปกันเถอะ!”
หลัวเฉิงเหลือบมองป่าเขียวชอุ่มเบื้องล่าง เขาเป็นผู้นำวิ่งเข้าสู่ถนนของหุบเขาจันทร์เสี้ยว ตามมาด้วยหลัวจื่อซิงและหลัวชิงหว่าน
“เอ๊ะ!”
เสียงสับสนของหลัวชิงหว่านดังขึ้น “เกิดอะไรขึ้นกับพวกเขา”
หลัวเฉิงและหลัวจื่อซิง ก็มองย้อนกลับไปตามความสงสัยของนางทันที
ตระกูลหลินและตระกูลฉี ก็ออกจากแท่นจุดเริ่มต้นแล้วเช่นกัน
แต่ทว่า ทั้งสองกลุ่มนั้นกลับเดินได้อย่างเชื่องช้านัก และสายตาของพวกเขายังจับจ้องกลุ่มของหลัวเฉิงเป็นครั้งคราว
“เจ้าพวกนี้มันทำบ้าอะไรกันอยู่!”
หลัวจื่อซิงขมวดคิ้วพร้อมแสดงสีหน้าสงสัยยิ่ง
ผลการแข่งขันล่าสัตว์แพ้ชนะนั้นขึ้นอยู่กับจำนวนสัตว์อสูรที่ล่าได้ ทั้งยังจำกัดเวลาเพียงชั่วยามเท่านั้น! หากตระกูลใดก็ตามที่กลับมาช้ากว่าชั่วยามจะถือว่าพ่ายแพ้ไปโดยปริยาย
ด้วยกฎเกณฑ์เช่นนี้ หากตระกูลใดสามารถเข้าไปยังหุบเขาได้ก่อน ย่อมเป็นฝ่ายได้เปรียบอย่างไม่ต้องสงสัย!
ในการแข่งขันล่าสัตว์ครั้งก่อนนั้น ผู้เข้าแข่งขันจากทุกตระกูลล้วนลีบเร่งเข้าสู่หุบเขาโดยเร็วที่สุด
แต่สถานการณ์ของสองตระกูลในปัจจุบันนี้ กับแปลกประหลาดไปอย่างสิ้นเชิง!
หลัวชิงหว่านกล่าวด้วยสีหน้าประหลาดใจเล็กน้อย “คงมิใช่ว่า พวกเขาอยากให้ตระกูลของเราชนะในครั้งนี้หรอกกระมัง”
ดวงตาของหลัวเฉิงประกายแสงเยือกเย็น จากนั้นเขากล่าวด้วยน้ำเสียงราบเรียบ “ไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับเรื่องของพวกเขา เรารีบเข้าไปในหุบเขากันก่อนเถอะ!”
เมื่อตัดสินใจได้เช่นนั้น ไม่นานทั้งสามก็วิ่งอย่างรวดเร็วจนมาถึงชายป่าทันที
บนหอคอยสูง ฉีฟู่ซ่งและหลินชางหลางนั่งด้วยกัน พร้อมกับเรียกให้คนรับใช้นำอาหารและสุราออกมาวางเบื้องหน้าแล้วดื่มดำอย่างสำราญ ดูเหมือนพวกเขาจะมั่นอกมั่นใจว่าชัยชนะอยู่ในมือของพวกเขาแล้ว
เมื่อเห็นฉากนี้ หลัวหมิงซานก็ขมวดคิ้วแล้วพึมพำ “เจ้าสองคนนี้ ข้าอยากรู้นักว่าพวกมันกำลังวางแผนอันใดกันอยู่”
หลัวเหิงกล่าวว่า “ข้ารู้สึกสังหรณ์ใจไม่ดี เกรงว่าการแข่งขันล่าสัตว์ครั้งนี้อาจไม่ราบรื่นนัก”
หลัวหงที่อยู่ด้านข้างกล่าวว่า “ตอนนี้ พวกเราทำได้เพียงเชื่อในตัวของเฉิงเอ๋อร์และคนอื่นๆ เท่านั้น”
อีกด้านหนึ่ง
จินหมินหันศีรษะไปทางอวิ๋นเหมิงลี่แล้วกล่าวว่า “เหมิงลี่ เจ้ารู้หรือไม่ว่า หลัวเฉิงผู้นี้อวดดีมากเสียจนกล้าที่จะเดิมพันกับหลินอวิ๋น ซึ่งความแข็งแกร่งของหลินอวิ๋นทะลวงไปจนถึงขั้นหลอมกายาระดับเก้าแล้ว และเขาห่างจากขั้นเปลี่ยนแปลงมนุษย์ของมนุษย์เพียงครึ่งก้าวเท่านั้น”
“ข้าอยากจะเห็นนักว่า อนาคตของหลัวเฉิงจะเป็นเช่นไรหลังจากที่เขาพ่ายแพ้”
อวิ๋นเหมิงลี่นั่งฟังเงียบๆ อากัปกิริยาของนางยังคงสงบดั่งแม่น้ำ นางกล่าวน้ำเสียงราบเรียบว่า “ไม่เสมอไป”
จินหมินพลันขมวดคิ้ว อวิ๋นเหมิงลี่ควรจะกล่าวว่าหลัวเฉิงนั้นเป็นคนไร้ค่าที่อวดดี นั่นจะทำให้เขามีความสุขไม่น้อยทีเดียว
อย่างไรก็ตาม เมื่อเขาคิดถึงสิ่งหนึ่งได้ สีหน้าก็อ่อนลงทันที
ตลอดหลายวันมานี้ เขาได้ประจักษ์กับความแข็งแกร่งของหลินอวิ๋นดี
หลินอวิ๋นไม่เพียงแต่ฝึกฝนจนสามารถทะลวงเข้าสู่ขั้นหลอมกายาระดับเก้าช่วงปลายได้ เขายังได้ฝึกฝนวรยุทธระดับสามดาวจนบรรลุขั้นฉลาดล้ำเลิศ และวรยุทธระดับสี่ดาวจนบรรลุขั้นสำเร็จเล็กน้อย
ซึ่งนั่นเพียงพอที่จะเอาชนะผู้ฝึกยุทธ์ในขั้นหลอมกายาได้ทั้งสิ้น อีกทั้งเขายังไม่ใช่คนที่ปลุกวิญญาณยุทธ์ขยะขึ้นมา ไหนเลยจะพ่ายแพ้ต่อคนไร้ค่าได้เล่า
สิ่งที่เขาต้องการเห็นคือ อวิ๋นเหมิงลี่จะกล่าวเช่นไร เมื่อหลัวเฉิงพ่ายแพ้และยอมรับว่าเขาเป็นคนไร้ค่าต่อหน้าธารกำนัล!
ณ หุบเขาจันทร์เสี้ยว
“หยุดตรงนี้ก่อน”
หลังเข้าสู่เขตป่า หลัวเฉิงก็สั่งกลุ่มของเขาให้หยุดตรงนั้นอย่างกะทันหัน
“มีสิ่งใดผิดปกติงั้นรึ?”
หลัวชิงหว่านรู้สึกสับสนกับการกระทำของหลัวเฉิง ตอนนี้ควรรีบมุ่งเข้าสู่ป่าลึกเพื่อล่าสัตว์อสูรมิใช่หรือ
“จากตรงนี้ไป เราจะแยกออกเป็นสองกลุ่ม พวกเจ้ารีบเข้าป่าไปล่าสัตว์อสูร” หลัวเฉิงกล่าวน้ำเสียงหนักแน่น
“แยกงั้นหรือ?”
หลัวชิงหว่านและหลัวจื่อซิงต่างมองหน้ากันด้วยความประหลาดใจ
“หลัวเฉิง แล้วเจ้าจะไปไหน?” หลัวชิงหว่านเอ่ยถามด้วยแววตาฉงนสงสัย
แสงเย็นทอประกายในดวงตาของหลัวเฉิง “งานชุมนุมล่าสัตว์ครั้งนี้ ไม่ได้จัดขึ้นมาเพื่อแข่งขันล่าสัตว์อสูรเท่านั้น”