บทที่ 49 โศกนาฏกรรมในเมืองเกาฉาน
ท้องฟ้ายามเช้าเหนือเมืองเกาฉานยังคงมืดครึ้ม ชูเหลียงและยุนเชาเสี้ยนออกเดินทางตั้งแต่เช้าตรู่ และก่อนที่ดวงอาทิตย์จะขึ้น พวกเขาก็มาถึงด้านนอกคฤหาสน์อันกว้างใหญ่ในเขตชานเมือง
กําแพงสูงของที่อยู่อาศัยถูกปกคลุมด้วยเถาวัลย์ซึ่งดูเหมือนลวดหนามมาก มองจากภายนอกจะเห็นเพียงมุมชายคา [1]
ทั้งบริเวณเงียบสงบ ประตูรั้วที่พักอาศัยปิดสนิท
ทางยุนเชาเสี้ยนก็รีบเร่งอย่างใจร้อน "เสียงสะท้อนของคลื่นเสียงสวรรค์ดังมาจากภายในนั้น เราควรรีบเข้าไปฆ่าเขาเสียในขณะที่เขาไม่ทันตั้งตัว”
"ช้าก่อน" ชูเหลียงกล่าว
ชูเหลียงจับง้าวของยุนเชาเสี้ยนเพื่อให้ยุนเชาเสี้ยนหยุดเดิน
"หือ" ยุนเชาเสี้ยนงุนงงครู่หนึ่ง "ท่านชู ท่านจับง้าวข้าไว้ทำไมเล่า"
"..." ชูเหลียงเงียบ เขาหายใจเข้าออก และอธิบาย "มันเงียบเกินไป มีบางอย่างที่ข้ารู้สึกว่าไม่ถูกต้อง"
"ตอนเช้าเช่นนี้ ความเงียบก็ย่อมเป็นเรื่องปกติมิใช่หรือ" ยุนเชาเสียนถามอย่างไม่เข้าใจ
ชูเหลียงส่ายหัว "ข้าใช้สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของข้ากวาดเข้าไปทั่วลานหน้าบ้านทั้งหมด มันว่างเปล่าอย่างสมบูรณ์ มันไม่มีสิ่งใดเลย มันแปลกมากจริงๆ "
ชูเหลียงพบว่าที่นี่ไม่เพียงแต่ว่างเปล่า แต่มันไม่มีแม้แมลงหรือนกอยู่โดยรอบแม้แต่ตัวเดียว
"แล้วเราควรทําอย่างไรดีเล่า" ยุนเชาเสียนถาม
เขาสับสนแต่อย่างน้อยเขาก็เข้าใจความหมายของชูเหลียง
"ข้าว่าพวกเราควรดูก่อนสักพัก"
ชูเลี่ยงพายุนเชาเสี้ยนไปซ่อนตัวที่ถนนข้างที่พัก พวกเขานั่งยองๆ เพื่อสังเกตบริเวณโดยรอบ
หลังจากนั้นไม่นาน เสียงฝีเท้าเร่งรีบก็ดังไปทั่วถนนที่เงียบสงบราวกับใบมีดลมที่ผ่าอากาศด้วยเสียงแหลม
ชูเหลียงกับยุนเชาเสี้ยนหันไปมอง พวกเขาเห็นกลุ่มเจ้าหน้าที่ในชุดคลุมสีดําและถือวิ่งมาจากปลายถนนอย่างรวดเร็ว
เหล่าเจ้าหน้าที่ของเมืองเกาฉานเหล่านี้ดูเหมือนจะเป็นนักสู้ระดับสอง และผู้นำของพวกเขาคือนักสู้ระดับสามซึ่งถือได้ว่าเป็นผู้เชี่ยวชาญในเมือง
เจ้าหน้าที่กลุ่มนี้รีบวิ่งเข้าไป สองคนในนั้นเตะประตูทางเข้าบ้านทันที ส่วนคนอื่น ๆ อีกหลายคนบินข้ามกําแพงบ้านและเข้าไปในบ้านจากช่องทางต่างๆ
วินาทีที่มีคนก้าวเข้าไปในสนามหน้าบ้าน พวกเขารู้สึกถึงพลังงานปีศาจที่ปั่นป่วนอยู่ข้างนอก
หวืดดด
จู่ๆ ต้นไม้บริเวณลานหน้าบ้านก็แผ่กิ่งก้านสาขากลายเป็นเถาวัลย์ยาว พวกมันล้อมรัดรอบเจ้าหน้าที่ที่เพิ่งเข้ามาและแกว่งไปมาอย่างบ้าคลั่งกลางอากาศ
เจ้าหน้าที่ที่อยู่ในระดับต่ำได้รับความทุกข์ทรมานในช่วงเวลาหนึ่ง โชคดีที่ในเวลาต่อมาไม่นานก็มีเจ้าหน้าที่คนอื่นเข้าให้ความช่วยเหลือและตัดโค่นล้มเถาวัลย์อย่างรวดเร็ว
"ไม่น่าแปลกใจที่สถานที่แห่งนี้ค่อนข้างแปลก" ชูเหลียงซึ่งกําลังตรวจสอบจากภายนอกด้วยสัมผัสกล่าวเบาๆ
พืชเหล่านี้ถูกบางคนใช้ทักษะของปีศาจใส่เพื่อทำให้พวกมันคลั่ง พืชเหล่านี้ถูกสั่งการเพื่อให้จัดการผู้บุกรุกและโจมตีพวกเขา
หลังจากนั้นเจ้าหน้าที่ได้รีบวิ่งเข้าไปในหลังบ้าน ทันใดนั้นพวกเขาก็จมอยู่ในพลังชี่แห่งเลือด
บนพื้นเต็มไปด้วยศพประมาณสิบกว่าศพ พวกเขาอยู่ในสภาพที่น่ากลัวและน่าสยดสยอง
"..ถ้าเราบุกเข้าไปก่อนหน้านี้และถูกชะลอโดยเถาวัลย์หน้าบ้าน ขณะที่เราหลุดเข้าไปได้เจ้าหน้าที่ที่วิ่งเข้ามาจะพบเราในจุดเกิดเหตุสังหารหมู่.." ชูเหลียงวิเคราะห์และในที่สุดก็เข้าใจวัตถุประสงค์เถาวัลย์เหล่านั้น "ปีศาจก็จะสามารถหลบหนีไปได้ และยังได้โยนความผิดให้เราด้วย"
แน่นอนว่าเจ้าหน้าที่เหล่านี้อาจไม่สามารถหยุดชูเหลียงและยุนเชาเสี้ยนจากการหลบหนีได้ แต่การถูกพบในที่เกิดเหตุอาจทําให้พวกเขาสองคนเดือดร้อน
หากถูกจับได้ และไม่สามารถโน้มน้าวเจ้าหน้าที่ได้ว่าเป็นผู้บริสุทธิ์สุดท้ายพวกเขาจะถูกควบคุมตัวไประยะหนึ่ง จนกว่าการสอบสวนจะเสร็จสิ้นและความจริงจะถูกเปิดเผย ในทางกลับกัน หากพวกเขาตัดสินใจหนีออกไปหลังจากถูกพบแล้ว ก็เป็นเพียงเรื่องของเวลาก่อนที่นิกายของพวกเขาจะถูกติดตาม จากนั้นราชสํานักจะกดดันนิกายของพวกเขา ท้ายที่สุดแล้ว เป็นไปไม่ได้ที่นิกายชั้นนำของพวกเขาจะยอมให้ศิษย์ของตนดูหมิ่นกฎหมาย
อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ปีศาจก็ได้หลบหนีไปอย่างง่ายดายแล้ว
"ช่างเจ้าเล่ห์นัก" ยุนเชาเสี้ยนเข้าใจเรื่องทั้งหมดแล้วและพูดอย่างอึดอัดใจ "พี่ชู ถ้าไม่ใช่เพราะท่านคิดเร็ว ข้าคงตกหลุมพรางของเขาแล้ว"
ชูเหลียงฟังแล้วตอบได้แต่ยิ้ม “นี่คือเหตุผลที่การเผชิญหน้ากับสถานการณ์เช่นนี้ การอยู่ในความสงบเป็นสิ่งที่ดีเสมอ”
"แต่..." ยุนเชาเสี้ยนก็รู้สึกงงงวยอีกครั้ง "หากมีการจัดฉากเช่นนี้ก็ดูเหมือนว่าเขาจะรู้เรื่องของเราแล้วงั้นหรือ.."
"อาจจะใช่" ชูเหลียงเห็นด้วย "ทูตปีศาจคนนั้นต้องรู้เรื่องของภูเขาอินรินแล้ว ท่านไล่ตามเขาไปจนถึงภูเขาอินรินได้ ดังนั้นจึงไม่น่าแปลกใจที่เขาจะคาดเดาได้ว่าท่านทิ้งสิ่งติดตามไว้กับเขา
"อืม" ในที่สุดยุนเชาเสี้ยนก็เข้าใจสิ่งที่เกิดขึ้นแล้ว "ดังนั้นคลื่นเสียงสวรรค์ของข้าจึงหายไปสินะ ตอนนี้เราคงจับเขามิได้แล้ว"
"ไม่เป็นไร เรากลับไปตั้งหลักกันก่อนเถอะ" ชูเลี่ยงพูดพลางหันไป
...
ไม่นานหลังจากที่ทั้งสองกลับไปที่โรงเตี้ยม ทางการได้ออกประกาศ
เหตุสังหารหมู่อันอุกอาจขึ้นเมื่อคืนที่ผ่านมา ฆ่ายกครัว 17 ศพ ส่วนผู้ก่อเหตุอยู่ระหว่างหลบหนี
ผู้เสียหายเป็นครอบครัวพ่อค้ายาในเมือง สมุนไพรที่หายากและของมีค่าบางอย่างหายไปจากคลังของพวกเขา สิ่งที่มีค่าที่สุดคือดอกบัวทองใต้บาดาล
จากการสอบสวนเบื้องต้นทราบว่า แรงจูงใจในการก่อเหตุมาจากการชิงทรัพย์ ปฏิกิริยาแรกของเจ้าหน้าที่หลังพบเหตุการณ์นี้คือการปิดล้อมเมือง พร้อมทั้งตั้งรางวัลนำจับในการให้ข้อมูลเพื่อหาตัวผู้กระทำผิดและติดตามดอกบัวทองใต้บาดาลกลับคืนมา
เมืองเกาฉานอยู่ติดกับปราการภูเขาใต้ เหล่าเกษตรกรจำนวนมากเสี่ยงชีวิตเพื่อเก็บสมุนไพรและค้นหาสมบัติทางธรรมชาติ สมุนไพรที่มีคุณค่าใดๆ ที่พวกเขาพบนั้นได้ถูกนำมาขายให้กับพ่อค้าในเมืองเกาฉาน ส่งผลให้มีผู้ค้ายาสมุนไพรเช่นเดียวกับผู้ประสบเหตุโศกนาฏกรรมครั้งนี้จำนวนมาก อาชญากรรมที่เกิดขึ้นอย่างฉับพลันนี้ทำให้ทุกคนในเมืองต่างกลัวว่าตัวเองจะเป็นรายต่อไป
"ดองบัวทองใต้บาดาล.." ชูเหลียงพึมพําหลังจากดูประกาศ
ดูเหมือนเขาจะนึกถึงอสูรมิติข้ามวิญญาณ โดยเขากล่าวว่าเมื่อเขาไปถึงขั้นที่สามของระดับธาตุทั้งห้าแล้ว เขาจะต้องการสมบัติทางธรรมชาติที่มีคุณลักษณะของหยินและน้ำเพื่อการบ่มเพาะ มีทางเลือกอยู่พอสมควรสำหรับของจำเป็นชิ้นนั้น
ดอกบัวทองใต้บาดาลเองก็เป็นหนึ่งในนั้น
มันสามารถช่วยให้ผู้ฝึกฝนในระดับที่ห้าบรรลุความก้าวหน้า แสดงให้เห็นว่ามันเป็นสมบัติที่มีค่ามากจริงๆ นอกจากนี้ ต้นกําเนิดของสมบัติชิ้นนี้ยังอยู่ในภาคใต้ มันเติบโตทางตอนใต้สุดของเทือกปราการใต้ในเขตบาดาล
“ฉันไม่รู้สึกถึงร่องรอยของเขาแล้ว” ยุนเชาเสี้ยนกล่าว
เขาพยายามติดตามทูตปีศาจผ่านคลื่นเสียงสวรรค์หลายครั้ง แต่ก็ไม่ได้รับการตอบสนองตามที่คาดไว้
เสียงสะท้อนก่อนหน้านี้ในที่เกิดเหตุเป็นกับดักที่ทูตปีศาจวางเอาไว้เพื่อล่อให้ยุนเชาเสี้ยนไปติดกับ
"ไม่เป็นไร ครั้งนี้เขากลายเป็นเหยื่อของความคิดตัวเองแล้ว" ชูเหลียงวิเคราะห์ "สิ่งที่น่าจะเกิดขึ้นมากที่สุดคือหลังจากการสังหารหมู่เขาได้รายงานเหตุการณ์ต่อเจ้าหน้าที่ด้วยตัวเองโดยมีเจตนาที่จะดึงดูดความสนใจของเจ้าหน้าที่ไปที่ท่าน ด้วยวิธีนี้เขาจะสามารถสลัดการติดตามของท่านได้ด้วยความวุ่นวายและชิงจังหวะนั้นในการหลบหนีไป”
“อย่างไรก็ตาม เราไม่ได้ตกหลุมพรางของเขา ทำให้เจ้าหน้าที่ยังจับผู้ต้องสงสัยไม่ได้ ดังนั้นพวกเขาจึงตัดสินใจปิดเมือง”
“เมื่อเหตุการณ์เป็นเช่นนี้ เขาเองก็น่าจะมีโอกาสที่จะยังติดอยู่ในเมืองนี้เช่นกัน”
"หากเขาต้องการจะหนีออกจากเมืองในตอนนี้และไม่มีทางลับที่นําไปสู่นอกเมือง เขาจะต้องตกเป็นเป้าของเจ้าหน้าที่อย่างแน่นอน อย่างไรก็ตามเขาเป็นปีศาจดังนั้นเขาอาจไม่ทําอะไรเสี่ยงๆ ในอาณาเขตของราชวงศ์หยูเป็นแน่ เรายังมีโอกาสที่จะจับเขาได้อยู่ หากเขาไม่มีทางลับสำหรับหลบนี้ออกจากเมืองล่ะก็นะ"
ดวงตาของยุนเชาเสี้ยนเบิกกว้าง เขาฟังการวิเคราะห์อย่างใจเย็นของ ชูเหลียงและเริ่มคิดว่าเขาล้าหลังในความเข้าใจเพียงก้าวเดียว แต่ในไม่ช้าเขาก็พบว่าทั้งหมดนี้ไม่มีความหมายสําหรับเขา
แต่เมื่อชูเหลียงวิเคราะห์เสร็จ ยุนเชาเสี้ยนก็พยักหน้าทันทีและพูดว่า "ท่านชู ท่านพูดถูก.. นี่คล้ายกับที่ข้าคิดเลย"
จากนั้นเขาก็เกาหัวสักพัก
ถึงกระนั้นเขาก็อดไม่ได้ที่จะถามว่า "แล้วเราจะไปจับเขาได้ที่ใด.."
"ข้าคิดว่าพวกเราจะหาทางหาเขาให้เจอจนได้" ชูเหลียงตอบอย่างเย็นชา
...
หลังจากยุนเชาเสี้ยนจากไป ชูเหลียงไม่ได้ใช้สมองอย่างหนักเพื่อให้ได้คําตอบ เขาหยิบเหรียญผู้ปราบวิญญาณออกมา
ทั้งชูเหลียงและยุนเชาเสี้ยนเป็นพลังแห่งความยุติธรรม นั่นหมายความว่ามุมมองของพวกเขามีจำกัด ดังนั้นเพื่อจัดการกับเรื่องเหล่านี้อาจต้องขอความช่วยเหลือจากพี่น้องของเขาในโลกมืดเท่านั้น
ชูเหลียงส่งสติของตัวเองเข้าไปในเหรียญผู้ปราบวิญญาณและส่งข้อความ
[58] : "ทุกท่าน ข้าพบข้อมูลสำคัญบางอย่าง ตอนนี้มีบัวทองใต้บาดาลอยู่ในเมืองเกาฉาน แต่ข้าไม่สามารถระบุได้ว่ามันอยู่ที่ใด ข้าขอความช่วยเหลือจากพวกท่านได้หรือไม่"
1. ขอบหลังคาที่ยื่นออกมาจากด้านข้างของอาคาร