บทที่ 31 ความต้องการ และด่านซีซุย
เมื่อได้ยินคำขอจากจักรพรรดิดาบในห้องตรงข้าม สีหน้าของคนที่อยู่ในห้องของหยุนหลันก็เปลี่ยนไปทันที
“เหรัญญิกหลู่ ข้ามีเหรียญทองหมึกบนตัวไม่พอ ข้าจะประมูลของเพื่อหักออกได้หรือไม่?” หลูมู่หยานเอ่ยถาม ดวงตาของนางเริ่มแสดงถึงความกังวลเล็กน้อย เป็นไปไม่ได้ที่จะยอมปล่อยให้อสูรกลืนกินวิญญาณตนนี้หลุดลอยไป
เจ้าของร้านหลู่ตกตะลึงกับสิ่งที่หลูมู่หยานเอ่ยถาม จากนั้นเขาก็รู้ว่านางมีแผนอะไร ซึ่งเขาก็จำเป็นจะต้องเอ่ยเตือน “แน่นอนว่าเป็นไปได้ แต่ชายชราเพียงอยากเตือนสตรีที่อยู่ข้างล่าง หากอสูรตัวนั้นไม่ได้สำคัญกับเจ้า ปล่อยให้มันเป็นของจักรพรรดิดาบเถิด อารมณ์ของเขาค่อนข้างแปลก ไม่ง่ายที่จะกระตุ้นเขา”
“ขอบคุณเจ้าของร้านหลู่ที่เตือนข้า แต่อสูรตัวนี้ก็สำคัญกับข้าไม่แพ้กัน แม้แต่ราชาดาบที่แข็งแกร่งก็ไม่มีสิทธิ์มาบังคับข้าให้ยอมเขาในหอการค้าพันธมิตรแห่งรัตติกาลใช่หรือไม่?” หลูมู่หยานแสดงความขี้เล่นเล็กน้อย อารมณ์แปลก ๆ และไม่ง่ายที่จะยั่วยุงั้นหรือ? มันจะกลายเป็นเรื่องใหญ่ได้อย่างไรหากกลัวผู้ที่แข็งแกร่งและต้องเผชิญหน้ากับเขา
“เนื่องจากแม่นางหลูเลือกวิธีนี้ ชายชราจะไม่พูดมากไปกว่านี้ สำหรับในหอการค้าหมิงเหมิง ชายชราสัญญาว่าแม้แต่นิกายดาบที่แข็งแกร่งก็ไม่สามารถที่จะมาบังคับแขกพิเศษผู้อื่นได้ รายการประมูลใดที่แม่นางต้องการจะประมูลเพื่อหักค่าประมูลออกหรือ?” เจ้าของร้านหลู่รู้สึกขอบคุณหญิงสาวตรงหน้าเขา ในเวลานี้ไม่ว่านางจะโง่เขลาหรือฉลาด แต่ความกล้าหาญนี้ของนางสมควรที่จะได้รับยกย่อง
หลูมู่หยานแสดงท่าทีมั่นใจ ก่อนจะเอ่ยพูดกับห้องตรงข้ามว่า “ข้าขออภัย แต่อสูรตัวนี้ก็สำคัญกับข้ามาก โปรดให้อภัยสำหรับคนรุ่นใหม่อย่างข้า”
ทัศนคติที่หลูมู่หยานแสดงออกไปนั้นเต็มไปด้วยความเคารพ แต่ก็บ่งบอกถึงความแข็งแกร่ง นี่คือพลังที่ออกจากชีวิต ความโดดเดี่ยวได้ฝังอยู่ในกระดูกของนางมากนานแล้ว และนางก็จะไม่เปลี่ยนมันเพียงเพื่อยอมจำนนต่อใคร
“หึ ข้าไม่รู้จะส่งเสริมมันยังไง” คนที่อยู่ฟากตะคอกออกมาด้วยความเย็นชา เห็นได้ชัดว่าเขาไม่พอใจเป็นอย่างมาก “หกสิบสามล้าน”
“หกสิบสี่ล้าน” หลูมู่หยานเอ่ยในขณะที่มือยังคงลูบไปที่ถ้วยชาอย่างใจเย็น นางเดาว่าเงินที่ผู้ประมูลห้องตรงข้ามถืออยู่ น่าจะจบที่ไม่เกินนี้
หลังจากที่หลูมู่หยานเสนอ นางก็เงียบลงอีกครั้ง
หนี่จุนไม่คาดคิดว่าจะมีใครกล้าต่อกรกับจักรพรรดิดาบผู้แข็งแกร่ง เขาค่อย ๆ ดึงความสนใจ และเริ่มประกาศผลประมูล “แขกพิเศษในห้องส่วนตัวที่เก้า เสนอราคาที่หกสิบสี่ล้านเหรียญทอง มีท่านใดเสนอราคาสูงกว่านี้หรือไม่?”
เมื่อเห็นว่าไม่มีใครเสนอราคาต่ออีก หนี่จุนจึงพูดต่อไปว่า “ข้าจะนับหนึ่งถึงสิบ หากไม่มีการเสนอราคาที่สูงกว่านี้ ลูกอสูรมิงค์ตัวนี้จะเป็นของแขกพิเศษห้องส่วนตัวที่เก้า”
“สิบ เก้า แปด เจ็ด หก ห้า สี่ สาม...”
เมื่อหนี่จุนกำลังนับถึงสาม จู่ ๆ ด้านในสุดของห้องตรงข้ามพูดออกมาว่า “เจ็ดสิบล้าน”
ตอนนี้หลังจากที่ทุกคนคิดว่าผู้ประมูลในห้องส่วนตัวที่เก้าจะได้ฮั่วหยุนเตียวไป แต่ทว่ากผิดคาดมีผู้เสนอราคามามากกว่านั้น ตอนนี้ผู้ประมูลหลายคนรู้สึกว่าราคาประมูลรายการนี้ช่างชวนเจ็บเนื้อเจ็บตัวเสียจริง แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังคงเฝ่ารอการตอบรับของผู้ประมูลในห้องส่วนตัวที่เก้าว่าจะเสนอราคาต่อหรือไม่
“ห้องส่วนตัวเป็นของราชาเจิ้นซี?” หยุนหลันเอ่ยถามหยุนจิน หยุนจินเองก็ไม่คิดว่าจู่ ๆ ราชาแห่งเจิ้นซีจะเข้ามาที่หอการค้าหมิงเหมิง เขาขมวดคิ้วและพูดว่า “ก็ มันเป็นห้องส่วนตัวของจักรพรรดิ”
ราชาเจิ้นซีเป็นพี่ชายต่างมารดาของจักรพรรดิ เป็นราชาแห่งดาบที่แข็งแกร่ง กุมอำนาจทหารหนึ่งในสามของหยานโจวไว้ในมือ เขามีความหยิ่งยโสเป็นทุนเดิม และการที่เขาออกมาเสนอราคาสู้กับหลูมู่หยานขนาดนี้เห็นทีว่าราคาอาจเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่า
หลูมู่หยานรู้ว่าใครคือราชาเจิ้นซี ความสัมพันธ์ระหว่างเขาและผู้เป็นบิดาค่อนข้างแข็งกระด้าง ซึ่งเมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมาเขาต่อสู้กับสงครามในภาพตะวันตกเฉียงเหนือ และจักรพรรดิก็ขอให้ราชาแห่งเจิ้นซีส่งกองกำลังเพื่อไปปราบปรามอสูรที่ขับเคลื่อนโดยพวกกลายพันธุ์
เพียงเวลาหนึ่งปี ราชาแห่งเจิ้นซีก็ได้ถอยทัพกลับ อสูรร้ายได้ไหลเข้าสู่เมืองชายแดนหลายแห่ง ตอนนั้นจักรพรรดิจึงได้ส่งหลูหม่าอวี้เพื่อไปต่อสู้กับความเสื่อมโทรม และที่สุดก็สามารถกำจัดพวกกลายพันธุ์ที่รุกรานอาณาจักรหยานโจวได้
สิ่งนี้ทำให้ราชาแห่งเจิ้นซีรู้สึกขุ่นเคืองใจ ทำให้ตั้งตนเป็นศัตรูกับตระกูลหลู และเขาเองก็ไม่ได้เป็นที่ต้อนรับของหยุนหลันผู้ซึ่งเกิดมาจากราชินี ครั้งนี้เขาจำเป็นต้องรู้หมายเลขห้องส่วนตัวของหยุนหลันก่อนที่จะเริ่มยั่วยุด้วยการจงใจแย่งฮั่วหยุนเตียวไป
“แปดสิบล้าน” หลูมู่หยานยังคงนึกถึงราชาแห่งเจิ้นซีอยู่ในใจ และองค์ชายก็ขอให้นางใช้เงินมากขึ้นเพื่อนำเอาอสูรฮั่วหยุนเตียวมาให้ได้ เพื่อที่จะได้ทำให้ราชาแห่งเจิ้นซีต้องกระอักออกมาในอนาคต
“เก้าสิบล้าน” หวังเจิ้นซีไม่ยอมแพ้
หลูมู่หยานเหล่ตามอง ก่อนที่ร่องรอยของความอันตรายกำลังจะเริ่มขึ้น
“หนึ่งร้อยล้าน”
“หึ อย่ามาละอายทีหลังละกันหากเสนอไปแล้วเอาออกไปไม่ได้” หวังเจิ้นซีพูดออกมาด้วยน้ำเสียงเย็นชา
“ไม่ใช่ปัญหาสำหรับท่านที่จะต้องกังวลเรื่องนี้” หลูมู่หยานตอบกลับ
ตอนนี้ราคาของสัตว์อสูรตัวนี้เพิ่มขึ้นกว่าสามสิบล้าน ทำให้หอการค้าหมิงเหมิงมีความสุขมาก หนี่จุนยิ้มก่อนจะถามต่ออีกครั้ง หลังจากที่ไม่มีใครเสนอราคาเพิ่มแล้ว เขาจึงประกาศว่าฮั่วหยุนเตียวมีเจ้าของแล้ว
ทุกคนในห้องส่วนตัวหันมามองที่หลูมู่หยานเพื่อคอยดูว่านางจะสามารถขายอะไรได้บ้างเพื่อรวบรวมเหรียญทองให้ได้หนึ่งร้อยล้านเหรียญ
หยุนหลันเริ่มแสดงความกังวลผ่านทางสายตา เขาคิดว่าหากไม่ได้ผล เขาจะลองใช้ความน่าเชื่อถือที่มีต่อหอการค้าหมิงเหมิงในฐานะจักรวรรดิ หลังจากการประมูลเขาเองก็จะเริ่มเก็บเงินอีกครั้ง แต่ตอนนี้เขาเองไม่รู้ว่าลูกพี่ลูกน้องของเขาจะขายอะไร
กู่ยันรันอดไม่ได้ที่จะเยาะเย้ยออกมาผ่านสายตา ขยะไร้ค่าอย่างหลูมู่หยานยังเป็นตัวสร้างปัญหา การเสนอราคาประมูลของนางไม่เพียงแต่ไปยั่วยุราชาแห่งดาบให้ขุ่นเคืองเท่านั้น แต่ยังไปกระตุกหนวดเสือของราชาหวังเจิ้นซีอีกด้วย
นางกำลังคิดว่าขยะชิ้นเล็กชิ้นน้อยนี้จะสามารถแลกฮั่วหยุนเตียวได้อย่างไร หากหลูมู่หยานไม่สามารถนำเงินเพื่อมาจ่ายได้ เห็นทีว่าหอการค้าหมิงเหมิงคงไม่ปล่อยนางไปง่าย ๆ
“ข้ามีสิบห้าล้าน” หยุนจินเปิดเผยรอยยิ้มบนใบหน้า ก่อนจะมองยังหลูมู่หยาน เห็นได้ชัดว่าตอนนี้เหรียญทั้งหมดในร่างกายของเขาสนับสนุนนาง
ไม่ว่าสตรีผู้นี่จะขอด้วยเหตุผลอะไร แต่หากนางไม่สามารถหาเงินมาได้ หอการค้าหมิงเหมิงจะลงโทษนาง ในแง่หนึ่งหลูมู่หยานเป็นลูกพี่ลูกน้องกันกับหยุนหลัน และในอีกแง่หนึ่งเขาก็ค่อนข้างสนใจในตัวนาง ฉะนั้นเขาจึงทนไม่ได้
“ข้ายอมรับมัน” หลูมู่หยานมองไปที่หยุนจินด้วยความประหลาดใจ ริมฝีปากของนางยกยิ้มขึ้น การช่วยเหลือแบบนี้สามารถเห็นได้ในความทุกข์ยาก
เหรียญทองในมือของหยุนหลันถูกใช้ไปหมดแล้ว เขาเหลือบมองไปที่หยุนหลัว และเสี่ยวเซียงทว่าทั้งสองกลับหลบสายตา พวกเขาจะไม่ชดใช้กับความจงใจของหลูมู่หยาน พวกเขาถือว่าได้เตือนนางไปแล้วก่อนเสนอราคา
หยุนซินที่เห็นว่าหลูมู่หยานหันมายังนาง นางจึงทำได้เพียงส่งยิ้มเบา ๆ กลับไปให้ เพื่อให้หลูมู่หยานเข้าใจว่าตอนนี้นางไม่ได้มีเหรียญมากมายอยู่ที่ตัว
ตอนนี้นางยังคงรู้สึกได้ถึงความซับซ้อนมากขึ้นที่เกิดกับหลูมู่หยาน ก่อนที่นางจะดูไร้ประโยชน์ นางไม่ได้สนใจอะไร แต่วันนี้เห็นแล้วว่าหลูมู่หยานต่างออกไป ทำให้นางรู้ว่าตอนนี้กำลังอยู่ช่วงวิกฤต นางรู้สึกอยู่เสมอว่าในอนาคตหลูมู่หยานจะมาแย่งความโดดเด่นไปจากนางที่สถาบันจักรพรรดิ ยิ่งคิดก็ยิ่งทำให้นางรู้สึกไม่พอใจเล็กน้อย
ฉีอี้ซวนยังคงมีเหรียญทองมากกว่าสิบล้านเหรียญที่ตัว แต่เขาเองก็ไม่ได้พูดอะไรออกไป ไม่มีการอิดออด และรู้สึกว่าหลูมู่หยานนั้นหยิ่งยโส และเอาแต่อารมณ์ของนางเป็นที่ตั้ง และมันจะทำให้อับอาย
หลูมู่หยานให้ความสนใจกับปฏิกิริยาเย้ยหยันของทุกคนที่อยู่ที่นี่ พร้อมกับเงยหน้าขึ้นเมื่อเห็นเจ้าของร้านหลู่มองมาที่ตัวเองด้วยรอยยิ้ม นางไม่ได้พูดอะไร ก่อนจะหยิบขวดแก้วสีข้าวออกมาจากแหวนแห่งจักรวาล “เหรัญญิกหลู่ ยาเม็ดนี้ราคาเท่าใดหรือ?”
เจ้าของร้านหลู่หยิบขวดแก้วสีขาวขึ้นมาด้วยความอยากรู้อยากเห็น พร้อมกับเปิดฝาขวดออก เขาสัมผัสได้ถึงกลิ่นหอมจาง ๆ จากเม็ดยา ทำให้รู้สึกสดชื่น และสบายตัวเมื่อได้กลิ่น
เขาหยิบขวดแก้วสีขาวที่บรรจุเม็ดยาเป็นพิเศษออกมาจากแหวนจักรวาล ก่อนจะเทเม็ดยาลงไป พร้อมกับสังเกตอย่างระมัดระวัง และเอ่ยถามว่า “ข้าได้กลิ่นหอมเหมือนเม็ดยาระดับสอง แต่ข้าทำได้ อย่าบอกข้านะว่าเม็ดไหน ให้แม่นางหลูบอกข้า”
“ยาเม็ดนี้เรียกว่าซีซุยตัน ผลของมันก็เหมือนกับชื่อ มันสามารถล้างไขกระดูก เปลี่ยนร่างกาย และขยายเส้นลมปราณ แม้ว่ามันจะเป็นยาระดับสอง แต่ให้ผลถึงระดับสาม” หลูมู่หยานอธิบายด้วยท่าทีเรียบนิ่ง
“อะไรนะ?” เจ้าของร้านหลู่ทำท่าทางตกใจ เขาไม่เคยได้ยินยาชนิดนี้มาก่อน เขาค่อย ๆ ใส่ยาลงในขวดกระเบื้อง ก่อนจะถามว่า “ชายชราไม่สามารถบอกยาเม็ดนี้ได้ แต่ผู้ประเมินระดับสูงของหอการค้าจะตัดสินได้ก็ต่อเมื่อเห็นมัน เจ้าคิดว่าอย่างไร แม่นาง”
“ได้” หลูมู่หยานยังคงนั่งเล่นกับถ้วยชาอย่างเฉยเมย
“กรุณารอข้าสักครู่” เจ้าของร้านหลู่พยักหน้าด้วยรอยยิ้ม ก่อนที่เขาจะรีบออกจากห้องประมูลส่วนตัวไปพร้อมขวดกระเบื้อง แสดงให้เห็นถึงความกังวลของเขา
คนอื่น ๆ ในห้องส่วนตัวต่างก็มองไปที่หลูมู่หยานด้วยสายตาที่ยากจะเชื่อถือในซีซุยตัน พวกเขาไม่เคยได้ยินอะไรเกี่ยวกับยาเม็ดนี้มาก่อน แต่ถ้าผลของมันเป็นไปตามที่นางว่า มูลค่าของยาเม็ดนี้ดูแล้วคงมีมูลค่ามหาศาล และประสิทธิภาพของมันก็คงสู้เทียบฟ้าได้