ตอนที่ 9 วิกฤตอันตรายอย่างใหญ่หลวง
ตอนที่ 9 วิกฤตอันตรายอย่างใหญ่หลวง
หลังจากที่เฉินอันได้ข่มขู่หลินหลินเมื่อตอนก่อนเที่ยงแล้ว พอมองไปเห็นท่าทางอาการของหลินหลิน เฉินอันก็รู้สึกมั่นใจมากและก็เดินจากไป
หลินหลินที่มองเฉินอันที่เดินจากไป เธอเงยหน้ามองฝ้าเพดานด้วยสายตาที่หมดสิ้นความหวังและไม่รู้ว่าจะทำอย่างไร ทันใดนั้นรอยยิ้มก็ปรากฏขึ้นมาในหัวของเธอ ใช่แล้ว ซ่งลุ่ย เมื่อวานเขาเพิ่งได้รับตำแหน่งผู้ช่วยของประธานจาง ถ้าจะให้พูดก็คือตำแหน่งงานของเขาใหญ่โตกว่าเฉินอัน ถ้างั้นโทรหาเขาดีกว่า !
อย่างไรก็ตามนี่เป็นฟางเส้นสุดท้ายที่จะช่วยชีวิตของเธอเอาไว้ได้ เธอจึงคาดหวังว่าเขาคงจะไม่ทำให้ตัวเองผิดหวัง !
เมื่อตั้งใจแบบนี้แล้ว เธอก็หยิบโทรศัพท์ออกมาและหาเบอร์โทรของซ่งลุ่ย โทรไปรอบแรก เขาก็ไม่รับโทรศัพท์ หลินหลินมองนาฬิกา ตอนนี้ก็เป็นเวลาพักเที่ยง หรือว่าเขาอาจจะหลับอยู่ แต่เธอไม่มีทางเลือก เธอจึงโทรไปอีกรอบเป็นครั้งที่สอง ซ่งลุ่ยก็ยังคงไม่รับสาย
ทันใดนั้นหลินหลินก็รู้สึกว่ามีลางสังหรณ์ที่ไม่ดี หรือว่าเขาไม่อยากรับสายของฉันหรือเปล่า ? เมินเฉยเธองั้นเหรอ ? เมื่อคิดถึงตรงนี้ หลินหลินก็อยากจะร้องไห้ออกมา เวลาผ่านไปไม่นาน แต่หลินหลินยังคงโทรต่อไป จนสุดท้ายยังดีที่เขายอมรับโทรศัพท์
เมื่อซ่งลุ่ยได้ฟังแล้ว ใบหน้าเขาก็เปลี่ยนเป็นสีเขียวคล้ำลงเพราะความโกรธ ความโกรธภายในหัวใจกำลังลุกไหม้จนเหมือนอกจะระเบิดออกมา ! แม้แต่คนของฉัน นายยังกล้าทำได้ ช่างกล้าหาญยิ่งนัก ! เมื่อคิดอย่างละเอียดรอบคอบแล้วก็วางแผนรับมือ พร้อมทั้งยิ้มเยาะเย้ยออกมาที่มุมปาก เฉินอันนะเฉินอัน คราวนี้ฉันจะทำให้นายเสียใจ !
หลังจากที่ปลอบหลินหลินได้สักพัก ซ่งลุ่ยก็วางสาย เมื่อหันหน้ากลับมาด้วยความบังเอิญ ก็มองเห็นฮงเหมยที่กำลังกึ่งเปลือยกายอยู่บนโต๊ะทำงาน เธอใช้สายตาที่ยากจะอธิบายมองมาที่เขา ซ่งลุ่ยเองก็สบสายตาของฮงเหมยพอดี เนื้อเพลงหนึ่งท่อนที่จะสามารถอธิบายสภาพตอนนี้ได้คือ ‘กลัวที่สุดก็คือบรรยากาศที่อยู่ ๆ ก็สงบลง’
บรรยากาศที่ชวนอึดอัดจนวางตัวไม่ถูกผ่านไปสักครู่ ซ่งลุ่ยก็พูดทำลายความสงบออกมา
“ฮงเหมย ฉันขอโทษนะ ที่ทำให้เธอต้องมาเสียอารมณ์แบบนี้ ครั้งนี้พวกเราพอแค่นี้เถอะ ครั้งหน้า….ครั้งหน้าเราค่อยหาเวลามาจัดการภารกิจกันใหม่” เมื่อซ่งลุ่ยพูดจบก็มองไปทางฮงเหมยด้วยสีหน้าที่สำนึกผิดและขอโทษ
ก็ใช่สินะ พอได้ยินหลินหลินมาร้องไห้กับตัวเอง ก็หมุนตัวไปพูดกับหญิงสาวอีกคนที่กำลังจะ ‘ขี่ม้าบุกทะลวง’ ต่อให้จิตใจของเขายิ่งใหญ่แค่ไหน ถึงอย่างไรซ่งลุ่ยก็ทำต่อไปไม่ได้เด็ดขาด
ฮงเหมยที่ได้ยินซ่งลุ่ยพูดออกมาแบบนั้นก็ไม่พูดอะไรต่อ เก็บเสื้อผ้าที่อยู่บนพื้นขึ้นมาอย่างเงียบ ๆ หมุนตัวและกำลังจะออกไป แต่ซ่งลุ่ยก็เห็นแววตาของฮงเหมยที่เต็มไปด้วยความเกลียดชัง ในใจก็บ่นเบา ๆ จบเห่แล้ว จบเห่แล้ว ถูกผู้หญิงเคียดแค้นเข้าให้แล้ว ครั้งนี้มันช่างไร้ประโยชน์จริง ๆ !
ในความเป็นจริงแล้ว ในใจของฮงเหมยนั้นไม่ได้โกรธซ่งลุ่ย และความเคียดแค้นในแววตาของเธอก็พุ่งไปที่หลินหลิน ฮงเหมยรู้ดีเกี่ยวกับเรื่องผู้ชาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ชายที่มีความสามารถปกติก็มีแค่ไม่กี่คน ที่เหลือก็ไม่ได้มีความสามารถอะไรมากนัก เมื่อคิดมาถึงตรงจุดนี้ ในใจก็เคียดแค้นหลินหลินมากขึ้นไปอีก ก็ดี งั้นเธอก็รอรับมือกับการจัดการของฉันได้เลย !
หลังจากที่ซ่งลุ่ยส่งฮงเหมยออกจากประตูไปแล้วก็หย่อนก้นนั่งลงที่เก้าอี้ แหงนหน้ามองฟ้า ในเวลานี้ในหูก็แว่วได้ยินเสียงเครื่องจักรทื่อ ๆ ของระบบ
“ขอแสดงความยินดีกับความสำเร็จของการชาร์ตแบตในครั้งนี้ มอบรางวัลประสบการณ์”
“ระดับในปัจจุบัน : ระดับ 2”
“ทักษะที่มีให้เลือก 1 พื้นที่จัดเก็บของตัวเอง / 2 เนตรทิพย์”
เมื่อได้ยินเสียงนี้ ความรู้สึกภายในจิตใจของซงลุ่ยก็ร่าเริงขึ้นมาในทันที ไม่สนว่าจะถูกหญิงสาวเกลียดหรือไม่ ถ้าอยากจะตีเหล็กให้แข็งแกร่งก็ต้องใช้แรงของตัวเองให้สุดแรงก่อน ต่อให้มีแผนการปลิ้นปล้อนหรือเล่ห์เพทุบายอย่างไรก็ไร้ความสำคัญ ท้ายที่สุดแล้วระบบที่ลึกลับนี้ถึงจะเป็นรากฐานอันสำคัญของการตั้งหลักในชีวิตของเขาเอง !
แต่การที่ได้เห็นทักษะที่เขาสามารถเลือกได้นั้นมันทั้งเลือกได้ยากและรู้สึกผิดหวัง เพราะทั้งสองความสามารถนี้เขาล้วนแต่อยากได้ทั้งคู่ แต่จะทำยังไงได้ล่ะ พื้นที่ของตัวเองก็คงเหมือนกับวงแหวนของพื้นที่มิติ แต่ตาทิพย์นี่ก็ยังคงไม่รู้ว่าอะไรหรือใช้งานอย่างไร แต่ว่าแค่ได้ยินชื่อก็รู้สึกว่ามันต้องสุดยอดมาก ๆ แน่นอน คิดไปคิดมา ก็อดไม่ได้ที่จะเปิดปากถาม
"ระบบ ฉันต้องการทั้งคู่จะได้มั้ย ! "
ทันทีที่พูดจบประโยคนั้น เขาก็ส่ายหัวกับการที่ถามระบบ มันยังรู้สึกดีกว่าถ้าถามใส่กำแพง เพราะไม่ว่าอย่างไรก็ยังมีเสียงสะท้อนกลับมาบ้าง แต่การถามกับระบบนี่เหมือนคำถามเงียบจมหายลงไปในทะเล แต่ว่าครั้งนี้ระบบกลับตอบกลับมา !
“ขออภัย คุณสามารถเลือกได้เพียงแค่หนึ่งเดียว”
ซ่งลุ่ยถึงกับไปต่อไม่เป็นเลยทีเดียว คำพูดนี้ไม่พูดยังจะดีกว่าพูดมันออกมาเสียอีก ฉันคงต้องเลือกอย่างระมัดระวังแล้ว !
คิดวนซ้ำไปซ้ำมาแล้ว ก็ยังคงตัดสินใจเลือกไม่ได้ จนกระทั่งมีเสียงของระบบดังออกมา
“นับถอยหลังการเลือก 10, 9, 8, 7, 6 ...”
เมื่อได้ยินเสียงนี้ ซ่งลุ่ยก็เลิกใช้ความคิดในการพิจารณาข้อดีและข้อเสีย ก็เลยถือโอกาสเลือกสิ่งที่อยู่ใกล้ตัวก่อน หลังจากนั้นก็ได้ยินเสียงของระบบดังขึ้นมา
“คุณได้เลือกพื้นที่จัดเก็บของตัวคุณเอง ตอนนี้คุณสามารถเก็บสิ่งของต่าง ๆ ไว้ในพื้นที่นี้ได้ ขนาดและปริมาณของพื้นที่จัดเก็บขึ้นอยู่กับระดับของคุณ ระบบหวังว่าคุณจะสามารถอัพเกรดได้มากขึ้นไปอีก” เมื่อสิ้นเสียง ระบบก็ไม่ได้พูดอะไรออกมาอีกเลย
ซ่งลุ่ยดูทักษะความสามารถที่เขาเลือกและไม่ได้พูดอะไรออกมา ถึงอย่างไรก็ตามตัวเลือกทั้งสอง ไม่ว่าจะเลือกอันไหน เขาก็ชอบทั้งหมด เพราะมันทำให้ตัวเขาเองได้พัฒนาศักยภาพของตนเองต่อไป แต่ยังไม่ทันที่จะครุ่นคิดอะไรเกี่ยวกับความสามารถนี้ก็พบว่าเป็นเวลาเข้างานช่วงบ่ายพอดี ก็พลันคิดถึงเรื่องของหลินหลินและรีบผลักประตูออกไปอย่างรวดเร็ว
เพิ่งเดินออกจากประตู ยังไม่ทันที่จะถึงแผนกต้อนรับ เมื่อมองจากที่ห่างไกลก็เห็นฝูงชนกำลังล้อมวงดูกันอย่างคึกคัก ในใจของซ่งลุ่ยบีบรัดแน่นด้วยความตื่นเต้น คิดไม่ถึงว่าเขาจะมาช้าไปแค่ก้าวเดียว เขารีบก้าวเท้าเข้าไปที่ฝูงชนที่อยู่ด้านนอกนั้นทันที หลังจากนั้นก็เบียดเสียดเพื่อเข้าไปด้านใน
เมื่อแทรกตัวเข้าไปด้านในได้แล้วก็ได้ยินเสียงเฉินอันตะโกนด่าทอหลินหลิน
“เธอดูตัวเธอสิ แค่เรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ ก็ยังทำไม่ได้ดี นี่ไม่ใช่ความเสียหายทางภาพพจน์ของบริษัทเหวินฮว่าหรือไง ! รีบไสหัวออกไปที่อื่นซะก่อนเลย ไป ! ”
อีกด้านหนึ่ง สมุนรับใช้ของเฉินอันก็ช่วยพูดเสริมขึ้นมาอีก “ใช่สิ ใช่สิ ดูสิ ๆ เราจะยอมรับในสิ่งที่ผู้หญิงคนนี้ทำได้อย่างไร ? ! ”
หลินหลินที่ได้ฟังพวกเขาพูดก็ร้องไห้ออกมา พลางเช็ดน้ำตาพลางมองไปรอบ ๆ อย่างระวัดระวัง เพื่อมองหาซ่งลุ่ยที่ยังคงไม่มา มองไปทางซ้ายทีขวาทีก็ยังคงไม่เจอ หลินหลินก็ถอดใจ ในใจก็ถอนหายใจออกมายาว ๆ เฮ้อ นี่…มันอาจจะเป็นชะตากรรมของฉัน !
เมื่อคิดถึงตรงนี้ เธอจึงตัดสินใจอย่างแน่วแน่แล้วหยิบปากกาขึ้นมา เตรียมพร้อมที่จะเซ็นชื่อลงไป
แต่ในเวลานี้ซ่งลุ่ยเพิ่งจะเบียดฝูงชนเข้ามาและเห็นหลินหลินพร้อมที่จะเซ็นใบลาออก เขาจึงตะโกนด้วยเสียงที่ดังฟังชัด !
“หยุด !”
หลินหลินที่ได้ยินเสียงนี้ก็สั่นไปทั้งตัวและเงยหน้าขึ้นอย่างช้า ๆ เมื่อเธอเห็นซ่งลุ่ยเดินเข้ามาหาตัวเอง มือที่กำปากกาไว้ก็ปล่อยปากกาให้ร่วงหล่นลงไปที่พื้น น้ำตาไหลออกมาจากตาทั้งสองข้าง อาบแก้มของเธอเงียบ ๆ
เมื่อซ่งลุ่ยเห็นสถานการณ์ตอนนี้ของหลินหลินแล้ว ในใจของเขาก็อดที่จะรู้สึกเจ็บปวดไม่ได้ เขามองไปที่เฉินอันและสมุนรับใช้ของเขา ที่แสดงออกถึงความโกรธที่มีอยู่ท่วมท้น
เขาพูดกับเฉินอันด้วยน้ำเสียงและหน้าตาที่คาดเดาความรู้สึกไม่ได้
“พี่เฉิน ศักดิ์ศรีที่ยิ่งใหญ่น่ะ ต่อหน้าพนักงานกลุ่มเล็ก ๆ นี้ก็ไม่ต้องอวดเบ่งออกมาหรอก เพื่อให้พวกเขาได้มีศักดิ์ศรีหลงเหลืออยู่บ้าง ว่ามั้ย”
หลังจากที่สมุนรับใช้ของเฉินอันได้ยิน ก็คิดจะโต้แย้งสักประโยค แต่ก็ถูกเฉินอันห้ามปรามเอาไว้ เขาที่กำลังจะ ‘ด่าพ่อล่อแม่’ ก็ต้องกลืนคำนั้นลงท้องไป
เฉินอันเห็นซ่งลุ่ยกำลังเดินเข้ามา เขาจึงพยักหน้าและพูดกับซ่งลุ่ยว่า
“นายเข้ามาทำไมกัน นี่บังอาจเข้ามายุ่งจุ้นจ้านเรื่องของฉันเหรอ เดี๋ยวนายจะถูกหัวเราะเยาะเอาได้นะ”