ตอนที่ 77 มองคนอย่ามองแค่ภายนอก
ตอนที่ 77 มองคนอย่ามองแค่ภายนอก
สายธารน้อยๆ นอกเมืองหลวงยังคงไหลอยู่ไม่ว่าเวลายาวนานแค่ไหน
งานเลี้ยงวันเกิดครบรอบพันปีของเซ่ากั๋วกงมาถึงแล้ว
เมื่อเทียบกับจวนโหวของซูอันแล้วจวนเซ่ากั๋วกงได้รวบรวมความยิ่งใหญ่และความหรูหราไว้ ซึ่งสมเป็นจวนบรรดาศักดิ์กงอย่างแท้จริง
นอกเหนือจากพื้นที่อยู่อาศัยของทายาทสายตรงของเซ่ากั๋วกงแล้วยังมีอาคารที่สวยงาม คานหยกแกะสลักหรูหราและมีสถานที่อื่นๆ เช่น หอสมบัติเซียนซานกับภูเขาศักดิ์สิทธิ์หลิงเต่า
บัดนี้มีผู้ฝึกตนจำนวนมากบินมาเยือน แสงศักดิ์สิทธิ์ปรากฏขึ้นและเห็นได้ว่านี่คือโอกาสพิเศษ
จวนเซ่ากั๋วกงได้รับการสืบทอดมานานนับหมื่นปี และมีสมาชิกในสายตระกูลนับไม่ถ้วน มีสมาชิกหลักหลายหมื่นคนอาศัยอยู่ในจวนและยังมีผู้ติดตามจำนวนมากที่ผูกพันกับเซ่ากั๋วกง อาจกล่าวได้ว่าจวนแห่งนี้เทียบเท่าเมืองขนาดเล็กได้เลย
สถานที่จัดงานเลี้ยงอยู่ในพื้นที่หลักของจวนเซ่ากั๋วกง
แขกที่มาเยือนล้วนร่ำรวยหรือมีเกียรติ
หากไม่มีภูมิหลังเช่นนั้นคงไม่มีทางเข้ามาได้
หากเป็นบุคคลสำคัญไม่มากแล้วได้เทียบเชิญจากจวนเซ่ากั๋วกงย่อมจะเที่ยวอวดอ้างไปสักพักใหญ่เลย
และคราวนี้ตัวแทนของจวนหย่งเวยปั๋วคือฟูเหรินผู้เฒ่า นางคือย่าของซูเสวี่ยจู๋และนางมาร่วมแสดงความยินดีด้วยตนเอง
“เหล่าเอ้อร์ เหล่าซาน จำไว้ว่าพวกเจ้าต้องผูกมิตรกับชนชั้นสูงให้มากขึ้นเมื่อเข้าไปข้างใน เพื่อที่จวนหย่งเวยปั๋วของเราจะได้ก้าวหน้าขึ้น” แม่เฒ่าสั่ง
“ขอรับ”
“พวกเรารู้ดีขอรับท่านแม่ เพียงแต่ไม่รู้ว่าบ้านพี่ใหญ่...” เหล่าซานมองไปที่พวกซูเสวี่ยจู๋ โดยเฉพาะเมื่อเขามองไปที่หลิงเฉิน ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความดูแคลน
ไม่ว่าลูกสาวของเจ้าจะเก่งสักแค่ไหนก็ไม่สำคัญ เพราะยังต้องแต่งงานกับสวะ
ฟูเหรินผู้เฒ่าก็มองไปทางกลุ่มคนไม่กี่คนเช่นกัน
“ท่านแม่ พวกเราจะจับตาดูหลิงเฉินและป้องกันไม่ให้เขาสร้างความอับอายเจ้าค่ะ” แม่ซูรีบพูดและพ่อซูพยักหน้าตามซ้ำแล้วซ้ำเล่า
จากนั้นแม่ซูมองไปที่หลิงเฉินด้วยความเข้มงวด “หลิงเฉิน เมื่อเข้าไปแล้วจงพูดให้น้อยและดูให้มาก อย่าก่อปัญหา เข้าใจหรือไม่?”
หลิงเฉินไม่ได้จริงจัง เพราะอาจารย์ของเขาช่วยชีวิตเซ่ากั๋วกงไว้ เมื่อรวมกับฐานะเจ้าสำนักหลงหวังของเขา แม้แต่เซ่ากั๋วกงยังไม่กล้าที่จะละเลยเมื่อเห็นเขา
กระนั้นเขายังตอบด้วยความเฉยเมย “เข้าใจแล้วท่านแม่ ท่านย่า ข้าจะระวังให้มาก”
คนทั้งกลุ่มเดินไปที่ประตูแล้วฟูเหรินผู้เฒ่าหยิบเทียบเชิญออกมา
บ่าวเฝ้าประตูมองเทียบเชิญ จากนั้นเขาก็มองไปยังคนกลุ่มใหญ่ที่อยู่ด้านหลังฟูเหรินผู้เฒ่าแล้วพูดว่า “เทียบเชิญถูกต้อง เชิญเข้างานขอรับ”
แม้ว่าในเทียบเชิญจะไม่ได้ระบุจำนวนคนก็ตาม ทว่านี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้เห็นหนึ่งครอบครัวมาร่วมงานเลี้ยงกันเยอะขนาดนี้
“ขอบคุณ” ฟูเหรินผู้เฒ่าไม่กล้าที่จะละเลยคนรับใช้ของจวนเซ่ากั๋วกง
จวนหย่งเวยปั๋วไม่ได้รุ่งเรืองเหมือนในอดีต หลังจากที่นายท่านผู้เฒ่าเสียชีวิตก็ไม่มีผู้ฝึกตนระดับมิ่งตานอีกและตกอยู่ในสภาพตกต่ำมาก
นางมองบรรยากาศในจวนกงแล้วถอนหายใจ “คงจะดีไม่น้อยหากวันหนึ่งจวนหย่งเวยปั๋วของข้ามีภาพที่ยิ่งใหญ่เช่นนี้”
ทันใดนั้นมีเสียงฮือฮาดังจากฝั่งด้านในประตู
หลายคนหันไปมองและเห็นชายวัยกลางคนที่มีใบหน้าสง่างามเดินออกมา
“นั่นคือแม่ทัพเซ่า”
ฟูเหรินผู้เฒ่าจำชายคนนั้นได้ เขาคือเซ่าฉวนหมิงบุตรชายคนโตของเซ่ากั๋วกง นางจึงก้มลงและทักทายด้วยท่าทางประจบประแจง “คารวะแม่ทัพเซ่า”
กลุ่มคนที่อยู่ข้างหลังนางก็ยุ่งกับการทักทายเช่นกัน เพราะนี่คือบุคคลสำคัญ!
มีเพียงหลิงเฉินเท่านั้นที่ยืนนิ่งด้วยความเย่อหยิ่ง
เซ่าฉวนหมิงแค่พยักหน้าและไม่ได้มองคนกลุ่มนี้ด้วยซ้ำ แต่เขายังเดินต่อไปและหยุดตรงเบื้องหน้าชายหนุ่มคนหนึ่งพร้อมแสดงรอยยิ้มกระตือรือร้น “ท่านโหวมาอวยพรด้วยตัวเอง ทำให้จวนเซ่ากั๋วกงของข้าได้รับเกียรติจริงๆ”
“แม่ทัพเซ่าเกรงใจเกินไปแล้ว เซ่ากั๋วกงฉลองวันเกิดครบรอบพันปีทั้งที แน่นอนว่าข้าซึ่งเป็นผู้เยาว์ต้องมาร่วมอวยพรด้วยตัวเอง” คนหนุ่มยังพูดคุยและหัวเราะกันด้วยความสุภาพ และภายใต้การนำของเซ่าฉวนหมิง พวกเขาเดินเข้าไปข้างในด้วยท่วงท่าสง่างาม ในขณะที่สายตาของทุกคนจับจ้องมา
เมื่อทั้งสองเข้ามา ทุกคนในจวนหย่งเวยปั๋วก็รู้สึกตัว
“ใครที่สามารถทำให้แม่ทัพเซ่าไปต้อนรับด้วยตัวเองได้?” เหล่าเอ้อร์ถามด้วยความแปลกใจ
ฟูเหรินผู้เฒ่าจ้องมองบุตรชายคนรองที่รู้จักแค่การกินดื่มสนุกสนาน “หากเดาไม่ผิด คนผู้นั้นควรจะเป็นอู่ซ่วนโหว”
“เป็นเขาจริงด้วย!” เหล่าซานแสดงท่าทีเคารพเมื่อได้ยินสิ่งนี้
แม้ว่าอู่ซ่วนโหวจะได้รับสืบทอดบรรดาศักดิ์โหวมาแค่ยี่สิบปี แต่ไม่มีใครกล้าพูดว่าจวนอู่ซ่วนโหวมีรากฐานเพียงเล็กน้อย เพราะบุคคลนี้มีแซ่ซูเหมือนราชวงศ์และบรรพบุรุษของเขาสามารถสืบย้อนไปถึงยุคจักรพรรดิซางผู้สถาปนาต้าซาง
ยิ่งไปกว่านั้นคืออู่ซ่วนโหวผู้นี้ยังเป็นที่โปรดปรานของฝ่าพระบาทอย่างลึกซึ้ง และมักถูกเรียกตัวเข้าวังเพื่อถวายคำปรึกษา ในช่วงเวลาสั้นๆ ได้รับรางวัลมากมาย ซึ่งไม่ใช่สิ่งที่จวนปั๋วตกอับของพวกเขาจะเทียบได้
แต่หลิงเฉินยังเพิกเฉย ก็แค่ท่านโหวไม่ใช่หรือ?
ถึงอย่างไรโลกนี้ก็ขึ้นอยู่กับความแข็งแกร่งทางพลังวิญญาณ
เขาหันไปมองซูเสวี่ยจู๋ซึ่งอยู่ห่างจากเขาไปสองเมตรและกำลังจะพูดคำที่อบอุ่นใจกับนางสักหน่อย
แต่เขาเห็นสายตาของซูเสวี่ยจู๋พุ่งไปที่ประตูและมองตามแผ่นหลังของท่านโหวซูคนนั้นราวกับกำลังหลงใหล
ในพริบตาเดียว หลิงเฉินเกิดความไม่พอใจต่อท่านโหวซูที่เพิ่งได้พบกันเป็นครั้งแรกทันที
……
เมื่อแขกทุกคนมาถึง งานเลี้ยงของจวนเซ่ากั๋วกงจึงเริ่มขึ้นอย่างเป็นทางการ
เสียงดนตรีภาพนางระบำเคล้าเสียงสนทนาร่ำสุรา
บุคคลสำคัญพูดคุยกันย่อมมีการคุยเรื่องแต่งงานหรือการแลกเปลี่ยนผลประโยชน์โดยอัตโนมัติและบรรยากาศงานเลี้ยงเต็มไปด้วยชีวิตชีวา
“พี่สาว ไปดื่มอวยพรกับข้าเถอะ” สาวงามคนหนึ่งดึงแขนของซูเสวี่ยจู๋เบาๆ แล้วพูด
นางคือญาติผู้น้องของซูเสวี่ยจู๋และเป็นคุณหนูจวนหย่งเวยปั่วเช่นกัน นางเป็นหนึ่งในไม่กี่คนที่ดีต่อซูเสวี่ยจู๋และเป็นหนึ่งในไม่กี่คนที่ทำงานหนักมาก แต่มีความสามารถน้อยกว่าซูเสวี่ยจู๋
“ดื่มอวยพรหรือ? เจ้าไปคนเดียวเถอะ” ตอนนี้ซูเสวี่ยจู๋ไม่มีอารมณ์จริงๆ
“แต่ข้าไม่กล้าไปคนเดียวนี่นา” สาวน้อยพูดด้วยความเขินอาย
ซูเสวี่ยจู๋เห็นรูปลักษณ์เขินอายของสาวน้อยแล้วชะงัก จากนั้นยิ้มและพูดว่า “เกรงว่าเจ้าจะหลงรักคุณชายสักคนแล้วกระมัง บอกพี่สาวมาเร็วๆ ว่าเขาเป็นใคร”
สาวน้อยลังเล แต่ในที่สุดนางก็มองไปยังทิศทางของซูอันแล้วรีบหันกลับมา
ทันใดนั้นซูเสวี่ยจู๋รู้สึกแย่ “เจ้าก็ชอบซูอันเหมือนกันหรือ?”
เมื่อสาวน้อยถูกถามตามตรง นางจึงก้มหน้าลงด้วยความเขินอายทันที แต่ไม่ได้ตระหนักถึงคำว่า ‘เหมือนกัน’ ในคำพูดของซูเสวี่ยจู๋เลย
ไม่นานนางก็พูดเบาๆ ว่า “ข้าแค่รู้สึกว่าท่านโหวซูรูปงามเหลือเกิน”
“ตื้นเขิน!” ซูเสวี่ยจู๋ตำหนิเสียงดัง “มองคนอย่ามองแค่ภายนอก ระวังจะถูกหลอกเข้าให้”
“แต่ข้าไม่มีค่าพอที่จะให้ท่านโหวซูหลอกลวง” สาวน้อยโต้แย้งด้วยเสียงแผ่วเบา
“เจ้า!” ซูเสวี่ยจู๋ยกมือจิ้มหน้าผากของอีกฝ่าย “โง่มาก!”
หลังจากถูกดุโดยไร้เหตุผล สาวน้อยจึงรู้สึกเสียใจ “ก็ได้ ข้าจะไปคนเดียวก็ได้”
“หยุดเลย! เฮ้อ ช่างเถอะ ข้าจะไปกับเจ้า” ซูเสวี่ยจู๋หยิบจอกสุราขึ้นมา
สาวน้อย “...”
เพิ่งตำหนินางไปเองไม่ใช่หรือ?
แต่นางไม่รู้ว่าซูเสวี่ยจู๋มีแผนการในใจแล้ว
เพราะการหมั้นหมายที่ตาแก่นั่นสร้างไว้ ทำให้นางกลัวการเข้าหาซูอันก่อน แต่น้องสาวคนนี้จะช่วยเป็นสะพานให้นางได้
หากไม่สามารถยกเลิกการหมั้นหมายได้จริง นางก็จัดให้น้องสาวผู้โง่เขลาคนนี้เป็นอนุของซูอันแล้วกัน