ตอนที่แล้วตอนที่ 74 ก้าวสู่อำนาจแท้จริง
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 76 เทียบเชิญจากจวนเซ่ากั๋วกง

ตอนที่ 75 ในช่วงเวลาสั้นๆ กำเนิดหยวนเสินถึงสองคน


ตอนที่ 75 ในช่วงเวลาสั้นๆ กำเนิดหยวนเสินถึงสองคน

  

“เจ้าหัวเราะทำไม?”

“ข้าแค่คิดเรื่องตลกๆ เรื่องหนึ่งขึ้นได้เท่านั้น” หงเสายิ้มเอ่ยพลางมองชิงหลิงด้วยสายตาล้อเลียน

  

หลังจากที่เสี่ยวอันจื่อออกเดินทางไกล ทุกครั้งที่เสี่ยวชิงหลิงฝึกเพลงกระบี่เสร็จก็จะถือกระบี่ยาวที่ซูอันมอบให้และพูดคุยกับมันเป็นนานสองนาน

  

ดังนั้นอย่าพูดว่าคิดถึงนิดหน่อยเลย ต้องเรียกว่าคิดถึงสุดหัวใจต่างหาก

  

“พี่หงเสา!” ชิงหลิงมองหงเสาด้วยความโกรธ

  

“ก็ได้ ก็ได้ ข้าจะไม่บอกหรอกว่า เจ้า...อุ๊ปส์” ก่อนที่หงเสาจะพูดจบก็ถูกชิงหลิงปิดปากไว้ก่อน

  

เรื่องแบบนี้มันน่าอายเกินกว่าจะพูดออกมา!

  

“เอาน่า เสี่ยวชิงหลิง อย่าอายเลย” หงเสาดึงมือของชิงหลิงออกและอยากจะพูดอีกครั้ง แต่ชิงหลิงพุ่งเข้ามาปิดปากนางไว้อีกรอบ

เมื่อเห็นทั้งสองทะเลาะกัน ซูอันก็หัวเราะเช่นกัน

  

ตอนนี้พี่หงเสาอยู่ในระดับหยางบริสุทธิ์ขั้นกลาง ดังนั้นจึงไม่รีบ

เซิ่งหนานเพิ่งอยู่ในระดับหยางบริสุทธิ์ขั้นต้นและบุปผามรณะหมายเลขหนึ่งอยู่ในระดับหยางบริสุทธิ์ขั้นกลาง จึงยังเร็วเกินไปที่จะพัฒนา

  

เมื่อนึกถึงยาเต้าหยวนตานที่เขามีอยู่ จึงมีตัวเลือกที่ดีสำหรับใช้มันแล้ว

  ……

  

ตำหนักฉือหนิง

  

ไท่โฮ่วกำลังวาดรูปทิวทัศน์ของต้าซาง

  

จังหวะการบิดข้อมือตวัดพู่กันก่อเกิดลายเส้นพลิ้วไหวและได้ย่อทัศนียภาพของต้าซางให้กลายเป็นม้วนภาพขนาดเล็ก

  

ผ่านภาพวาดนี้เหมือนจะเห็นการเปลี่ยนแปลงของภูเขาและสายน้ำหลายร้อยล้านหลี่ผ่านกาลเวลา

  

ความละเอียดอ่อนของแสงและเงาปรากฏชัดเจนบนกระดาษ หากภาพวาดนี้ถูกนำไปวางไว้นอกวัง มันจะกลายเป็นสมบัติล้ำค่าที่สืบทอดจากรุ่นสู่รุ่น

  

ทว่าภาพวาดนี้ให้ความรู้สึกเหมือนมีบางสิ่งขาดหายไป

  

นี่ไม่ใช่แค่การวาดภาพเล่นๆ ของไท่โฮ่ว แต่เป็นการฝึกทะลวงระดับหยวนเสินด้วย

  

หยวนเสินครอบครองฟ้าดิน ศรัทธาในเส้นทางของตนและสามารถบูรณาการเส้นทางของตัวเองเพื่อเข้าสู่หยวนเสินบริสุทธิ์

  

หยวนเสินคือระดับสูงสุดของโลกผู้ฝึกตน หลังจากนั้นคือระดับภาพมายาและระดับบรรลุวิถีที่ไม่มีตัวตนในโลก

  

หยวนเสินที่แข็งแกร่งสามารถฝืนลิขิตสวรรค์แล้วกลับชาติมาเกิดใหม่โดยมีดวงจิตเดิมได้

  

น่าเสียดายที่การบรรลุถึงระดับหยวนเสินนั้นยากมาก คนส่วนใหญ่ติดอยู่ในระดับหยางบริสุทธิ์และไม่ก้าวหน้ากว่านั้น บางครั้งสิ่งเดียวที่ขาดหายไปคือโอกาสหรือความเข้าใจในจุดที่มองข้ามไป

  

รอจนไท่โฮ่ววาดภาพเสร็จ ซูอันจึงเคาะประตูเบาๆ แล้วเปิดประตูเดินเข้าไป

  

“หมู่โฮ่ว”

  

“อันเอ๋อร์ บอกแล้วไม่ใช่หรือว่าให้เข้ามาเลยไม่ต้องเคาะ” ไท่โฮ่ววางพู่กันลงและมองซูอันด้วยรอยยิ้มและตำหนิ

  

“หมู่โฮ่วกำลังตั้งใจวาดภาพ ลูกไม่กล้ารบกวนพ่ะย่ะค่ะ”

  

“เจ้านี่นะ ช่างรู้ความจริงๆ” ไท่โฮ่วดึงซูอันมานั่งแล้วตบหลังมือของซูอัน “รั่วซีรังแกเจ้าอีกแล้วหรือ บอกหมู่โฮ่วมาได้เลยนะ แล้วหมู่โฮ่วจะไปจัดการนางให้”

  

“ไม่ต้อง ไม่ต้องพ่ะย่ะค่ะ” ซูอันรีบส่ายหน้า “หมู่โฮ่ว พวกเราโตกันหมดแล้ว พี่รั่วซียังเป็นจักรพรรดินีแล้วด้วย นางจะยังรังแกลูกเหมือนตอนเด็กๆ ได้อย่างไร”

  

หากปล่อยให้หมู่โฮ่วไปจัดการจริงๆ ในอนาคตพี่รั่วซีจะยิ่งหาเรื่องเขาแน่

  

อีกทั้งการถูกสั่งให้นวดเท้า นั่นเรียกว่ารังแกหรือเปล่า?

  

“ใช่แล้ว ในพริบตาเดียวพวกเจ้าทุกคนก็โตเป็นผู้ใหญ่แล้วนะ” เมื่อมองใบหน้าที่หล่อเหลาแล้วไท่โฮ่วจึงอดไม่ได้ที่จะเชื่อมโยงเข้ากับเด็กน้อยขี้แยในความทรงจำ เด็กคนนั้นเวลาร้องไห้เสียใจก็มักทำตัวออดอ้อนนาง

  

นางรู้สึกมีความสุขและเศร้าไปพร้อมๆ กัน

  

“มาถึงระดับจื่อฝู่ขั้นสูงแล้วสินะ” นางจับมือของซูอันแน่น

  

เด็กคนนี้ต้องลำบากมากๆ ข้างนอก

  

ไม่นานมานี้ซูอันเพิ่งอยู่ในขอบเขตก่อกำเนิด หลังจากออกไปเผชิญความลำบากข้างนอกไม่กี่ครั้ง เขามาถึงระดับจื่อฝู่ขั้นสูงสุด จึงสามารถเห็นได้ว่าเขาต้องทำงานหนักมาก

  

“ยังไม่เก่งเท่าพี่รั่วซีหรอกพ่ะย่ะค่ะ” ซูอันถ่อมตัว

  

แต่เขาพูดความจริง เพราะถึงแม้ว่าเขาจะฝึกควบรวมอินหยางอย่างหนัก แต่ระดับการฝึกตนของเขายังไม่ดีเท่าของซูรั่วซี

  

พรสวรรค์ของพี่รั่วซีนั้นไม่ง่ายอย่างที่คิด แม้ว่าเขาจะมองไม่เห็นระดับพลังวิญญาณแท้จริงของซูรั่วซีเพราะมีเวทป้องกันไว้ แต่เขาก็มั่นใจว่านางอยู่ในระดับมิ่งตานขึ้นไปแน่นอน

  

เนื่องจากพรสวรรค์ของนางทรงพลังมาก นางจึงได้รับการสนับสนุนจากบรรพบุรุษของราชวงศ์และเอาชนะคู่แข่งเหล่านั้นเพื่อสืบทอดบัลลังก์ของจักรพรรดิซางได้

  

ซูอันบอกเล่าเรื่องราวที่เขาออกไปเผชิญให้ไท่โฮ่วฟัง จากนั้นสนทนาสัพเพเหระแล้วจึงพูดว่า “หมู่โฮ่ว การเดินทางคราวนี้ลูกได้พบยาอายุวัฒนะในอาณาจักรลับ พูดกันว่ามันมีผลบำรุงพลังของหยางบริสุทธิ์ เมื่อคิดว่าหมู่โฮ่วมักจะกังวลและทำงานหนักเพื่อพี่รั่วซี ลูกจึงอยากถวายยานี้ให้หมู่โฮ่ว”

  

หลังจากแต่งเรื่องขึ้นมาแล้วเขาจึงหยิบกล่องยาอายุวัฒนะที่เตรียมไว้ออกมา

  

มันเป็นกล่องใส่ยาสลักลายธรรมดา พลังวิญญาณของยาอายุวัฒนะในกล่องถูกกักเก็บไว้แน่นหนาจึงบอกไม่ได้ว่าข้างในเป็นยาอายุวัฒนะประเภทใด

  

“อันเอ๋อร์ช่างใส่ใจจริงๆ” กงเยวี่ยหรูรับกล่องยามาวางบนโต๊ะโดยไม่เปิดออก

  

สำหรับพลังวิญญาณในระดับของนาง ยาส่วนใหญ่ไม่มีประโยชน์ แต่สุดท้ายแล้วนี่คือความกตัญญูของอันเอ๋อร์ ดังนั้นประโยชน์ของมันจึงเป็นเรื่องรอง

  

หลังจากที่ซูอันออกไปแล้ว กงเยวี่ยหรูจึงเปิดกล่องยาด้วยความอยากรู้อยากเห็น

  

ยาอายุวัฒนะสีม่วงอ่อนขนาดเท่าดวงตามังกรวางอยู่ในกล่องยา กระแสเสียงแห่งเต๋าไหลลื่น นี่คือยาอายุวัฒนะที่สมบูรณ์แบบ เพียงได้กลิ่นของยาอายุวัฒนะก็รู้สึกใกล้ชิดวิถีแห่งเต๋ามากขึ้น แม้จะไม่เข้าใจสรรพคุณของมัน แต่สามารถบอกได้ว่ามันเป็นยาอายุวัฒนะคุณภาพสูง

  

“ยาอายุวัฒนะนี้” นางตกใจและสงสัยว่ายาอายุวัฒนะนี้มีประสิทธิผลตามที่อันเอ๋อร์พูดไว้จริงหรือ มันจะมีประโยชน์ต่อนางหรือไม่

  

หลังจากลังเลครู่หนึ่งจึงตัดสินใจหยิบยาอายุวัฒนะใส่ปาก

  

ยาอายุวัฒนะละลายในปากทันที

  

เคร้ง! เคร้ง! เคร้ง!

  

ในพริบตาเดียวเหมือนมีเสียงระฆังเต๋าดังขึ้น

  

พลังวิญญาณของนางพัฒนาไปตามธรรมชาติ

  

ภาพวาดในห้องล้วนสื่อถึงเสน่ห์ของการฝึกตนที่เชื่อมโยงซึ่งกันและกัน ทว่ายังไม่บรรลุผลเต็มเปี่ยม

  

อุปสรรคที่นางไม่สามารถข้ามได้ตอนนี้ดูเหมือนจะมีก้าวพิเศษเพิ่มขึ้นมา ทำให้ช่องว่างถูกเชื่อมและกลายเป็นทางสัญจร

  

วิถีแห่งการฝึกตนของนางมีแนวโน้มที่จะสมบูรณ์แบบในสภาวะนี้

  

หนทางข้างหน้าชัดเจนมาก

  

“ยาอายุวัฒนะนี้!”

  

ดวงตาของไท่โฮ่วเต็มไปด้วยความตกตะลึง ในโลกนี้จะมียาอายุวัฒนะที่มีมนต์ขลังเช่นนี้ได้อย่างไร

  

เหมือนกับว่าเบื้องหน้ามีเส้นทางขนาดใหญ่

  

“อันเอ๋อร์...”

  

นางไม่สามารถเสียเวลาคิดมากได้ นางรีบหลับตาและปรับลมหายใจโดยใช้ประโยชน์จากฤทธิ์ของยาอายุวัฒนะนี้แล้วพยายามทะลวงสู่ประตูหยวนเสินที่ไม่เคยผ่านเข้าไปได้

  

เกิดภาพเช่นเดียวกับท้องฟ้าเหนือนิกายเทียนสุ่ยขึ้นที่ท้องฟ้าเหนือวังหลวง

  

การเคลื่อนไหวนี้ดึงดูดความสนใจของผู้คนในเมืองหลวงทันที

  

“นั่นคือตำหนักของหมู่โฮ่ว...” ในตำหนักไท่หยวน การแสดงออกของจักรพรรดินีเปลี่ยนไปเล็กน้อยและนางจับจ้องไปทางตำหนักฉือหนิง “หมายความว่าหมู่โฮ่วกำลังบรรลุระดับหยวนเสินหรือ?”

  

แต่เหตุใดจึงเกิดขึ้นโดยกะทันหัน

  

ผู้คนที่เหลือในเมืองหลวงต่างคาดเดากันไปต่างๆ นานา แต่ไม่มีใครกล้าใช้ความคิดทางจิตวิญญาณเพื่อสอดแนมวังหลวง

  

พวกเขาได้แต่แอบถอนหายใจ ราชวงศ์ก็คือราชวงศ์ บัดนี้มีหยวนเสินปรากฏขึ้นอีกคนแล้ว

  

บางคนยังรู้สึกว่ามันผิดปกติ

  

“ไม่นานมานี้ที่ชิงโจวมีหยวนเสินเกิดขึ้นคนหนึ่งและตอนนี้เกิดขึ้นอีกคนในเมืองหลวง หยวนเสินสองคนปรากฏขึ้นในช่วงเวลาอันสั้น หรือยุคอันยิ่งใหญ่กำลังจะมาถึงแล้ว”

  

หลังจากนั้นไม่นาน รัศมีของหยวนเสินผู้ทรงพลังก็ปกคลุมเมืองหลวง ราชวงศ์ที่ทรงพลังอยู่แล้วได้พัฒนาไปสู่ระดับที่สูงขึ้น

  

บนท้องฟ้ามีดอกบัวนับพันดอก มีเสียงบรรเลงเพลงจากเทพธิดาดังขึ้น ราวกับว่าสวรรค์และโลกกำลังแสดงความยินดีซึ่งกันและกันในการกำเนิดของหยวนเสิน

“หมู่โฮ่วทำสำเร็จแล้ว” ซูอันถอนหายใจด้วยความโล่งอก

  

แม้ว่าหากใช้เต้าหยวนตานแล้วการพัฒนาล้มเหลว แต่จะไม่มีผลข้างเคียงแน่นอน ซึ่งการที่เขาเห็นหมู่โฮ่วประสบความสำเร็จนั้นทำให้เขารู้สึกวางใจ

  

ด้วยเหตุนี้จะทำให้พลังที่หนุนหลังเขาอยู่แข็งแกร่งขึ้น

  

การกอดขาของหมู่โฮ่วไว้เป็นความมั่นใจสูงสุด

  ……