ตอนที่ 7 การมองเห็นที่วุ่นวาย
ตอนที่ 7 การมองเห็นที่วุ่นวาย
ตอนเที่ยงในช่วงเวลาพักกลางวัน แสงที่ลอดผ่านหน้าต่างเข้าไปในห้องทำงานทำให้ในห้องนั้นสว่างไสว ซ่งลุ่ยที่นั่งอยู่ในตำแหน่งงานใหม่ แต่ทว่าบนใบหน้าของซ่งลุ่ยกลับไม่ได้แสดงออกว่ามีความสุขกับการเริ่มต้นกับการทำงานใหม่นี้เลย บนใบหน้าของเขามีเพียงความรู้สึกเป็นทุกข์และกลัดกลุ้มใจ
หลังจากที่ผ่านการทำงานในตอนเช้ามา ก็ถือได้ว่าเป็นเช้าที่สร้างความกลุ้มอกกลุ้มใจให้แก่ซ่งลุ่ยเป็นอย่างมาก ทุกคนนั้นมาให้เขาจัดการนู่นจัดการนี่ให้ แต่ตัวเขาทำไม่ได้ ให้เขาไปจัดการปัญหาต่าง ๆ ตัวเขาเองก็ดันทำได้ไม่ดีอีก สำหรับการได้มาทำงานเป็นผู้ช่วยโดยไม่มีต้นสายปลายเหตุอย่างซ่งลุ่ยนั้น ในใจของเขาก็รู้สึกได้ถึงความขื่นขมและความยากลำบากแล้ว
ยิ่งไปกว่านั้น การกระทำของเขาเมื่อเช้านี้นั้น ตอนนี้คาดว่าคงจะได้ยินไปถึงหูของประธานจางแล้ว เฮ้อ ดูเหมือนว่าตัวเขาจะสูญเสียตำแหน่งงานนี้ไปในไม่ช้า !
ทำงานไม่ไหวแล้วจริง ๆ ฉันไม่สามารถทำงานนี้ได้จริง ๆ ถึงแม้ว่าเขาจะอาศัยการชื่นชมและพิจารณาคุณค่าของแจกันเพื่อให้ตัวเขาได้ตำแหน่งนี้มา แต่ทว่ามันคือสิ่งที่เขาทำได้จริง ๆ ไม่ใช่เริ่มจากงานผู้ช่วยที่ไม่มีต้นสายปลายเหตุ !
ไม่น่าแปลกใจเลยที่ซ่งลุ่ยซึ่งเคยเป็นเพียงแค่เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยตัวเล็ก ๆ นั้นไม่เคยคิดเลยว่าเขาจะพาตัวเองก้าวมาถึงจุดจุดนี้ได้ โดยส่วนตัวแล้ว เขาคิดว่านี่เป็นเหมือนความฝัน ถ้าไม่ใช่เพราะตาทั้งสองข้างที่มีความรู้สึกแสบร้อนมาเตือนสติเขา เขาก็ยังคงคิดว่านี่คือความฝัน
ซ่งลุ่ยส่ายหน้าไปมาแล้วเอนตัวลงพิงไปที่เก้าอี้ด้านหลัง หลับตาลงพลางคิดแผนรับมือกับสิ่งที่จะเกิดขึ้นอย่างเงียบ ๆ คิดว่าตัวเองควรจะทำยังไงต่อไป
เอ๊ะ ! ใช่แล้ว ! ฮงเหมย ! ฮงเหมยเป็นผู้ช่วยเก่าของประธานจาง ! ฉันรู้ว่าฉันควรทำอย่างไร อย่างไรก็ตามเธอก็ทำงานนี้มาก่อนตัวเขา นอกจากนี้เธอจะต้องรู้นิสัย ความชอบ และงานอดิเรกของประธานจางอย่างแน่นอน เธอกำลังทำอะไรอยู่กันนะ ทำไมฉันไม่ไปขอให้เธอช่วยแนะนำล่ะ !
แต่แล้วก็ต้องรีบหยุดความคิดลงในทันที ด้วยเขาและฮงเหมยนั้นก็ไม่ได้มีความสัมพันธ์เกี่ยวข้องอะไรกันเลยแม้แต่น้อย อีกทั้งก่อนหน้านี้ก็ไม่เคยคบค้าสมาคมด้วย ทำไมเธอถึงจะต้องมาช่วยเขาด้วย ? ตัวเองหล่อเหรอ ? บุคลิกภาพมีเสน่ห์เหรอ ? ยิ่งไปกว่านั้น ในเวลานี้ในสำนักงานก็ไม่มีใครอยู่ ช่างมันเถอะ ตัวเขาเองก็ยังไม่เจอปัญหาใหญ่อะไรขนาดนั้น เมื่อคิดได้ถึงตรงนี้ ใบหน้าของซ่งลุ่ยที่มีแววตาที่กลัดกลุ้มก็ผ่อนคลายลง
แต่ตอนนี้ถ้าไม่ไปหาเธอ แล้วใครจะช่วยตัวเขากันล่ะ ? ในเมื่อเป็นอย่างนั้นก็หน้าด้านไปหาเธอซะ ! เมื่อครุ่นคิดเป็นอย่างดี เขาก็ลุกขึ้นยืนแล้วก็ผลักประตูออกและตรงไปยังห้องทำงานของฮงเหมย หลังจากเดินไปได้ซักพักก็ไปถึงหน้าประตูห้องทำงานของเธอ เขาดูแลและจัดความเรียบร้อยเสื้อผ้าของเขาให้เข้าที่ สูดหายใจเข้าลึก ๆ และกำลังเตรียมพร้อมที่จะเดินเข้าไป ในห้อง ก็ได้เห็นเหตุการณ์ที่เขาไม่อยากที่จะเชื่อสายตา !
เขาเห็นฮงเหมยดึงกระโปรงขึ้นมาและกำลังที่จะถอดถุงน่องสีดำที่ต้นขาของเธออย่างช้า ๆ เผยให้เห็นต้นขาสีขาวเนียนราวกับหยก อันที่จริงแล้วฮงเหมยถอดถุงน่องออกอย่างรวดเร็ว แต่พอภาพมาปรากฎอยู่ในสายตาของซ่งลุ่ย กิริยาท่าทางของฮงเหมยกลับกลายเป็นภาพสโลโมชั่น พอถอดเสร็จ ฮงเหมยก็วางเอาไว้ด้านข้างและยืนขึ้นมา แล้วหยุดการกระทำไปครู่หนึ่ง ทันใดนั้นก็หันตัวกลับมาแล้วก้มโค้งเอวลง !
ที่รู้ ๆ คือฮงเหมยที่สวมแต่กระโปรงแล้วยังถอดถุงน่องออก อีกทั้งยังจู่ ๆ มาทำท่าทางแบบนี้อีก ! เป็นธรรมดาที่จะต้องชวนให้คนมองอยู่แล้ว
ซ่งลุ่ยที่ได้เห็นกลับเกิดอารมณ์เดือดพล่านและเร่าร้อน น้องชายที่อยู่ในกางเกงของเขาก็ ‘ชูชัน’ ขึ้นมา ! แต่ว่าในเวลานี้ หัวใจของซ่งลุ่ยก็เต้นแรงขึ้นเรื่อย ๆ อย่างไม่มีสัญญาณบอก “ตึกตัก ตึกตัก ตึกตัก ตึกตัก” ยิ่งเต้นยิ่งเร็วมากขึ้นเรื่อย ๆ ! เหมือนคนที่กำลังเป็นประสาท ! ในเวลาเดียวกันหูเขาก็ได้ยินเสียงเสียงหนึ่ง
"คำเตือน ระบบกำลังชาร์จแบต โปรดระวัง อย่าหยุดหลั่งฮอร์โมน ! โปรดระวัง อย่าหยุดหลั่งฮอร์โมน"
หลังจากที่ซ่งลุ่ยได้ยินเสียงนี้ หัวใจของเขาก็ร่วงหล่นตกไปอยู่ที่ตาตุ่มทันที ในเวลาเดียวกันนั้นภายในใจก็พูดอะไรไม่ออกเช่นกัน เดิมทีนั้นตอนที่เขามีความปรารถนาที่จะได้มาซึ่งคุณสมบัติอย่างใดอย่างหนึ่งโดยให้ใช้การมองของดวงตาเพื่อให้สามารถมาชาร์จแบตได้ แต่ว่าวิธีการนี้รู้สึกว่ามันจะหยาบคายเกินไปหน่อย…..
ผ่านไปครู่หนึ่ง ซ่งลุ่ยรู้สึกว่าเขาไม่สามารถปล่อยให้หัวใจเขาเต้นแรงได้ขนาดนี้ ไม่อย่างนั้นเขาจะต้องตายอย่างแน่นอน ดังนั้นเขาจึงใช้มือทั้งสองข้างทุบไปที่หน้าอก เพื่อที่จะทำให้หัวใจของเขาเต้นช้าลงกว่านี้อีกหน่อย แต่ว่าไม่ทันได้ระวังมือขวาของเขาก็ไปกระแทกกับประตู ทำให้เกิดเสียง “ปัง” ออกมา
เสียงนั้นไม่ได้ดังมากนัก แต่เสียงดังระดับนี้ที่เหมือนฟ้าผ่าตอนกลางวันก็ได้ยินชัดเจนไปถึงหูของคนสองคนอย่างไม่ต้องสงสัย ซ่งลุ่ยที่เหมือนกับวัวสันหลังหวะซึ่งแอบมองดู ‘โชว์’ อยู่เป็นเวลานาน สุดท้ายแล้วก็ทำให้คนอื่นตกใจ แรกเริ่มเดิมทีเขาจะมาขอความช่วยเหลือ ถ้าหากว่าตอนนี้ให้ฮงเหมยเห็นเขาในสภาพนี้ ไม่ต้องพูดถึงการเอ่ยปากขอความช่วยเหลือ แค่คำพูดอธิบายยังฟังไม่ขึ้นเลย เมื่อคิดถึงตรงนี้ ซ่งลุ่ยก็ทำเหมือนว่ากำลังจะเดินไปทางห้องทำงานของตัวเองทันที
เมื่อฮงเหมยที่อยู่ในห้องได้ยินเสียงการเคลื่อนไหวที่ด้านนอกประตู ก็ตื่นตกใจขึ้นมา หรือว่าการกระทำที่ตัวเองเพิ่งทำไปเมื่อกี้ จะถูกคนอื่นพบเห็นเหรอ ? เมื่อคิดได้ถึงตรงนี้ ฮงเหมยก็รีบลุกขึ้นแล้วเดินไปที่ประตู อยากจะเห็นสักหน่อยว่าในที่สุดแล้วคนคนนั้นคือใคร ? ช่างกล้าหาญชาญชัยนัก !
ใครจะรู้ว่าเธอที่เพิ่งเปิดประตูออกมาดูก็พบกับเงาที่ดูลุกลี้ลุกลน ฮงเหมยยืนอยู่ที่บานประตูเพื่อพิจารณามองให้ละเอียดสักหน่อย ก็พบว่าเงาของคนคนนี้ช่างดูคุ้นตาเป็นอย่างมาก แต่เธอก็ไม่ได้เดินตามไป ฮงเหมยจึงหมุนตัวกลับเข้าไปในห้อง
เมื่อเธอได้นั่งอยู่บนเก้าอี้ในห้องทำงาน ฮงเหมยก็คิดแล้วคิดอีกถึงเงาของร่างนั้น ทันใดนั้นดวงตาของเธอก็ชัดเจนแจ่มแจ้ง หรือว่าจะเป็นซ่งลุ่ย ? อย่างไรก็ตามซ่งลุ่ยเพิ่งจะมาเริ่มการทำงานที่นี่วันแรก ในตอนเช้าก็มีงานที่ยุ่งเป็นอย่างมาก แน่นอนว่ายังไม่ได้ไปแนะนำตัวทำความรู้จักกับเขาสักเท่าไหร่ ถ้าเขามีปัญหาอยากจะถามอะไร ถ้านอกจากเธอแล้ว เขาจะไปถามใครล่ะ ?
ถ้าหากเป็นอย่างที่คิดเอาไว้ ก็ไม่มีปัญหาอะไรถ้าคือเขา เมื่อคิดถึงตรงนี้ ใบหน้าของฮงเหมยก็ปรากฏรอยยิ้มออกมา เพราะว่าตอนที่ซ่งลุ่ยวิจารณ์ข้อดีข้อเสียของแจกันลายครามกับจางชูหยา ในใจของฮงเหมยก็ชื่นชมซ่งลุ่ยอยู่แล้ว เธอมีความรู้สึกว่าบุคคลผู้นี้ในอนาคตจะต้องมีความก้าวหน้าในอาชีพการงานแน่นอน ! อนาคตของเขาจะต้องไปไกลแบบไร้ขีดจำกัดแน่ ๆ ในใจของฮงเหมยก็มีความคิดที่จะอยากทำความรู้จักไกล้ชิดกับชายหนุ่มผู้นี้เอาไว้ แต่ก็ยังหาโอกาสไม่ได้ ถ้าไม่ใช่เพราะซ่งลุ่ยเพิ่งจะหยิบยื่นโอกาสมาให้ถึงมือ ซึ่งถ้าเธอปล่อยให้โอกาสนี้หลุดลอยไปแล้วก็คงจะไม่มีโอกาสอีกเป็นแน่ ช่างคิดอะไรไว้ก็ได้อย่างใจคิดจริง ๆ !
เมื่อคิดถึงตรงนี้ ใบหน้าของฮงเหมยก็ปรากฏรอยยิ้มออกมา ในใจก็จินตนาการไปถึงชีวิตที่สวยงามของเธอในอนาคตแล้ว ! เธอส่ายหน้าเพื่อขับไล่ความคิดออกไปและหยิบเครื่องสำอางออกมาเพื่อแต่งหน้า เปลี่ยนเป็นเสื้อผ้าที่เปิดเผยมากขึ้น ส่องกระจกเพื่อจัดการตัวเองให้เรียบร้อยแล้วก็เดินไปยังที่ห้องทำงานของซ่งลุ่ย
ซ่งลุ่ยที่กำลังรีบวิ่งไปที่ห้องทำงานของเขาก็เปิดประตูอย่างรวดเร็ว เขายืนหอบเพราะหายใจไม่ทันอยู่หน้าประตูห้อง เกือบไปแล้ว อีกนิดเดียวก็จะถูกจับได้แล้ว อันตราย อันตรายจริง ๆ
ในเวลานี้หูของซ่งลุ่ยก็ได้ยินเสียงอะไรบางอย่าง
“การชาร์จของระบบยังไม่เสร็จสมบูรณ์ โปรดดำเนินการหลั่งฮอร์โมนต่อไป ! การชาร์จของระบบยังไม่เสร็จสมบูรณ์ โปรดดำเนินการหลั่งฮอร์โมนต่อไป !”
หลังจากที่ซ่งลุ่ยได้ฟังแล้ว หน้าผากของเขาก็ปรากฏรอยย่นออกมา คล้ายดั่งมีมดมาวิ่งไปวิ่งมาอยู่เป็นหมื่นตัวในใจของเขา หลั่งฮอร์โมนเหรอ นายพูดอย่างสบายใจ นายให้ฉันหลั่งฮอร์โมนยังไง ในเมื่อครู่นี้ฉันเองตกใจกลัวจนแทบจะตายอยู่แล้ว นี่ยังจะให้หลั่งฮอร์โมนต่ออีก หรือว่าจะให้ฉันร่างระเบิดออกจนเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย นายถึงจะพอใจ ?