ตอนที่ 44 คุณแม่ของ ซู หนิงซวง ค้นพบความจริงแล้ว?
เมื่อเห็นว่าคุณแม่ออกไปแล้ว ซู หนิงซวง พลันทรุดตัวลงนั่งบนโซฟา
“รุ่นน้อง เย่ ถ้าไม่ใช่เพราะเธอมีปฏิกิริยาเร็วล่ะก็ เมื่อกี้.. เราคงลำบากแล้ว”
ซู หนิงซวง พูดด้วยความรู้สึกซาบซึ้งใจ
“ไม่เป็นไรครับ”
เย่เฉิน นั่งอีกสักพัก หลังจากกินกล้วยเสร็จแล้วก็ลุกขึ้นบอกลา ซู หนิงซวง
ซู หนิงซวง ก็ไม่ได้รั้ง เย่เฉิน ไว้ เอาจริงๆ แล้ววันนี้เธอเองก็ไม่ค่อยสะดวก
เอาไว้คราวหน้าเธอค่อยเชิญ เย่เฉิน มาที่บ้านอีกครั้ง
เย่เฉิน ลุกขึ้นเตรียมตัวจะออกไป คุณแม่ของ ซู หนิงซวง ก็กลับเข้ามาอีกครั้ง
“อ้าว เสี่ยวเฉิน จะกลับแล้วเหรอ?”
คุณแม่ของ ซู หนิงซวง พูดถามขึ้นด้วยความประหลาดใจ
“ทำไมไม่รออีกสักหน่อยล่ะ อีกเดี๋ยวก็จะเที่ยงแล้ว อยู่ทานข้าวด้วยกันก่อนสิ”
คุณแม่ของ ซู หนิงซวง เชิญ เย่เฉิน อยู่ทานข้าวด้วยกันอย่างกระตือรือร้น
“ไม่ดีกว่าครับ เอาไว้คราวหน้า”
เย่เฉิน ส่ายศีรษะ
“คราวหน้าถ้ามีเวลา ผมจะมาเยี่ยมคุณป้าอีกครับ”
เมื่อเห็น เย่เฉิน ปฏิเสธ คุณแม่ของ ซู หนิงซวง ก็ไม่ได้ยืนกรานมากนัก
“หนิงซวง ลูกออกไปส่ง เสี่ยวเฉิน หน่อยสิ”
“ได้ค่ะ”
ซู หนิงซวง เดินออกไปส่ง เย่เฉิน
หลังจากเห็นลูกสาว กับเย่เฉิน ออกไปแล้ว แม่ของ ซู หนิงซวง ก็แอบมองห้องของ ซู หนิงซวง อย่างมีความหมายบางอย่าง
“เด็กสองคนนี้นี่นะ”
คุณแม่ของ ซู หนิงซวง ยิ้มเล็กน้อย
เราคิดจริงๆ หรือว่าจะมาหลอกแม่คนนี้ได้ง่ายๆ?
อันที่จริง คุณแม่ของ ซู หนิงซวง ก็สังเกตเห็นได้ตั้งแต่ต้นแล้ว
ตั้งแต่แรกที่เห็นลูกสาวเธอ พฤติกรรมของลูกสาวก็ดูไม่ปกติมาก
ในฐานะแม่ เธอย่อมสังเกตเห็นได้
แน่นอนว่า นั่นยังไม่ใช่หลักฐานสำคัญ
สาเหตุที่แม่ของ ซู หนิงซวง มั่นใจจริงๆ เพราะรถซุปเปอร์คาร์ที่จอดอยู่หน้าบ้านต่างหากล่ะ
เห็นได้ชัดว่ามีแขกอยู่ในบ้าน
กลับกันครั้งลูกสาวตัวเองยุให้ตัวเองไปที่สวนหลังบ้าน คุณแม่ของ ซู หนิงซวง ก็เริ่มสงสัยแล้ว
ดังนั้น เธอจึงแกล้งเล่นตามบทของลูกสาวไปที่สวนหลังบ้าน
เมื่อคิดว่าถึงเวลาแล้ว เธอจึงกลับเข้ามาจากสวนหลังบ้าน
และมันบังเอิญพอดีเห็น เย่เฉิน เข้า
ในฐานะคนที่เคยมีประสบการณ์ แม่ของ ซู หนิงซวง ก็เข้าใจทุกอย่างแล้ว
แต่เธอก็ไม่ได้เลือกเผยคำโกหกของลูกสาวของเธอ
เรื่องแบบนี้ เปิดเผยไปคงไม่ใช่เรื่องดี
ท้ายที่สุดลูกสาวของเธอก็โตแล้ว
แต่พัฒนาการของทั้งสองคนดูจะเร็วเกินไปหน่อยไหม?
เฮ้ออ เด็กสมัยนี้นี่นะ…
คุณแม่ของ ซู หนิงซวง รู้สึกปวดหัวหน่อยๆ แล้ว เธอคิดว่าควรหาเวลาพูดคุยกับลูกสาวสักหน่อยดีหรือไม่?
ถึงแม้ว่าลูกสาวของเธอจะคบหากับ เย่เฉิน จริงๆ แต่อย่างน้อยๆ ก็ควรให้ เย่เฉิน มาพบตัวเอง กับสามีของเธอในฐานะแฟนหนุ่มของลูกสาวก่อน
คุณแม่ของ ซู หนิงซวง พลันครุ่นคิด
อีกด้านหนึ่ง เย่เฉิน บอกลา ซู หนิงซวง และขับรถมุ่งหน้ากลับบ้านของเขา
ระหว่างทางที่ เย่เฉิน กลับไปที่บ้าน
มีวิดีโอหลายตัวเริ่มแพร่กระจาย
แม้ว่าจะเป็นวิดีโอที่มีเนื้อหาแตกต่างกัน แต่ธีมเดียวกัน
นั่นคือ วิดีโอที่ หลิง ซีเอ๋อร์ กล่าวหา บริษัท อี้หลิน เอเจนซี่ และประธานคนใหม่ของบริษัทอย่าง เย่เฉิน
ด้วยความตั้งใจที่จะทำลายชื่อเสียงของ อี้หลิน เอเจนซี่ และขับไล่บริษัทออกจากเจียงโจว
บริษัท เหยี่ยนเหยียน เอเจนซี่ จึงจงใจปล่อยวิดีโอเหล่านี้ในแวดวงเจียงโจว
เมื่อเห็นวิดีโอเหล่านี้ แวดวงเจียงโจวก็เกิดการสั่นสะเทือนครั้งใหญ่
คุณต้องรู้ก่อนว่า บริษัท อี้หลิน เอเจนซี่ ก็ถือเป็นหนึ่งในบริษัท เอเจนซี่ รายใหญ่ที่สุดในเจียงโจว
ว่ากันว่าเพิ่งเปลี่ยนประธานคนใหม่ได้ไม่นาน
ตอนนี้ ก็มีการเปิดเผยว่าประธานคนใหม่ เย่เฉิน คนนี้ไม่ใช่คนดี บังคับให้พนักงานหญิงออกไปดื่มกับเขา กับลูกค้าอะไรแบบนี้ และไหนจะเรื่องอื่นๆ อีก
ชั่วพริบตาเดียว ในแวดวงนี้ ชื่อเสียงของบริษัท อี้หลิน เอเจนซี่ และเย่เฉิน เริ่มเสื่อมถอยลง
แม้ว่าจะมีคนของบริษัท อี้หลิน เอเจนซี่ ออกมาช่วยพิสูจน์ความบริสุทธิ์ให้กับ เย่เฉิน และบริษัท
แต่เพราะบริษัท เหยี่ยนเหยียน เอเจนซี่อยู่เบื้องหลัง คอยนำกระแส คนเหล่านั้นจึงถูกมองว่าเป็นพวกที่ลบล้างความผิดให้กับตัวเอง
ไม่มีใครเชื่อคนของบริษัท อี้หลิน เอเจนซี่
และเพราะว่าประธานของ เหยี่ยนเหยียน เอเจนซี่ ได้ไปขอร้องมหาเศรษฐีผู้มีอิทธิพลคนหนึ่งในเจียงโจวให้ออกหน้าช่วย
ในช่วงเวลาหนึ่ง ข่าวลือเกี่ยวกับบริษัท อี้หลิน เอเจนซี่ จึงแพร่กระจายอย่างบ้าคลั่งออกไปเป็นวงกว้าง
บริษัท อี้หลิน เอเจนซี่ เวลานี้จึงได้กลายเป็นที่รังเกียจของทุกคน
เมื่อเผชิญกับข่าวลือมากมาย ผู้บริหารระดับสูงของบริษัท อี้หลิน เอเจนซี่ กลายเป็นเหมือนมดบนกระทะร้อน
พวกเขาพยายามหาทางแก้ไขปัญหานี้
มีผู้บริหารระดับสูงบางคนแนะนำให้ผู้จัดการทั่วไป หยาง เสวียหมิน รายงานเรื่องนี้กับ ประธานเย่ ให้ ประธานเย่ ออกหน้าจัดการกับเรื่องนี้
แต่ถูก หยาง เสวียหมิน ปฏิเสธชั่วคราว
จะอะไรก็แล้วแต่ก็ไม่ควรทำให้ ประธานเย่ ลำบาก หากพวกเขาจัดการเรื่องนี้เองไม่ได้นั่นแสดงให้เห็นถึงความไร้ความสามารถของพวกเขา
พวกเขาจึงหาวิธีการต่อไป ดูว่าจะสามารถแก้ไขปัญหานี้ได้เองหรือไม่ ถ้าไม่มีทางแก้ไขได้จริงๆ ค่อยไปขอความช่วยเหลือจาก ประธานเย่
……..
วันรุ่งขึ้น เย่เฉิน ได้รับโทรศัพท์จาก หยาง เสวียหมิน
หยาง เสวียหมิน ได้บอกกับ เย่เฉิน ว่า วันนี้มีงานเลี้ยงอาหารค่ำ โดยมีผู้บริหารของบริษัทหลายแห่งในเจียงโจว และบอสใหญ่หลายคนในเจียงโจวได้มาเข้าร่วมด้วย
ในฐานะประธานของบริษัท อี้หลิน เอเจนซี่ เย่เฉิน จึงได้รับเชิญด้วยเช่นกัน
เพราะพวกเขาไม่รู้จัก เย่เฉิน จึงได้มีการส่งบัตรเชิญโดยตรงมาที่บริษัท อี้หลิน เอเจนซี่
เย่เฉิน ตอบตกลง
ในเย็นวันนั้น เย่เฉิน ขับรถไปที่บริษัท อี้หลิน เอเจนซี่ เพื่อรับบัตรเชิญนี้
เนื่องจาก หยาง เสวียหมิน เองก็ได้รับเชิญเช่นกัน เย่เฉิน จึงไปเข้าร่วมงานเลี้ยงครั้งนี้พร้อมกับ หยาง เสวียหมิน
ระหว่างทาง หยาง เสวียหมิน บอกเล่าเรื่องข่าวลือที่ หลิง ซีเอ๋อร์ กล่าวหาบริษัท อี้หลิน เอเจนซี่ และเย่เฉิน ให้ เย่เฉิน ฟัง
หยาง เสวียหมิน และผู้บริหารระดับสูงของ อี้หลิน เอเจนซี่ พยายามทำทุกวิธีทางแล้ว แต่ไม่สำเร็จ
ด้วยเวลานี้พวกเขาจนมุมแล้ว หยาง เสวียหมิน จึงทำได้เพียงขอความช่วยเหลือจาก เย่เฉิน เท่านั้น
“เป็นอย่างนี้นี่เอง”
เย่เฉิน พลันครุ่นคิดหลังจากได้ฟังเรื่องราวที่เกิดขึ้น
“หลิง ซีเอ๋อร์ เซ็นสัญญากับบริษัท เหยี่ยนเหยียน เอเจนซี่ เรื่องนี้น่าจะเป็นฝีมือของบริษัท เหยี่ยนเหยียน เอเจนซี่ ครับ”
หยาง เสวียหมิน พูดกับ เย่เฉิน ด้วยความมั่นใจอย่างยิ่ง
“บริษัท เหยี่ยนเหยียน เอเจนซี่”
เย่เฉิน พึมพำประโยคหนึ่ง และเขาจดจำเรื่องนี้ไว้แล้ว
ซึ่งเขาเตรียมที่จะจัดการกับเรื่องนี้หลังจากจบงานเลี้ยงครั้งนี้
ยี่สิบกว่านาทีต่อมา เย่เฉิน กับหยาง เสวียหมิน ได้มาถึงคฤหาสน์หลังหนึ่งซึ่งเป็นสถานที่จัดงานเลี้ยงอาหารค่ำ
เมื่อ เย่เฉิน กับหยาง เสวียหมิน มาถึง พวกเขาก็ได้รับความสนใจจากทุกคนในทันที
ท้ายที่สุดแล้ว.. ในเมื่อข่าวลือเกี่ยวกับ เย่เฉิน และบริษัท อี้หลิน เอเจนซี่ ตอนนี้ได้แพร่กระจาย และสร้างความปั่นปวนไปทั่วในแวดวงเจียงโจว
ดังนั้นเมื่อเห็น เย่เฉิน กับหยาง เสวียหมิน มาถึง จึงไม่มีใครออกมาต้อนรับมากนัก และทุกคนค่อนข้างดูเย็นชามาก
สาเหตุที่พวกเขาเป็นแบบนี้ไม่ใช่เพราะพวกเขาเชื่อว่าข่าวลือที่ว่านั้น ..เป็นเรื่องจริง
สำหรับพวกเขาแล้ว ข่าวลือนั้นจริงหรือไม่ไม่สำคัญ
ถึงแม้ข่าวลือที่ว่าจะจริงทั้งหมดก็ไม่เป็นไร
เพราะสำหรับพวกเขาแล้ว ผลประโยชน์ถือเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด
ซึ่งพวกเขารู้ด้วยว่าที่จริงแล้ว เรื่องนี้เป็นเพียงแค่การต่อสู้กันระหว่างบริษัท อี้หลิน เอเจนซี่ กับบริษัท เหยี่ยนเหยียน เอเจนซี่
หากฝ่ายไหนได้เปรียบกว่า พวกเขาก็จะอยู่ฝ่ายนั้น
เบื้องหลังของบริษัท เหยี่ยนเหยียน เอเจนซี่ ดูเหมือนจะมีคนใหญ่คนโตเข้ามาช่วย จึงได้เปรียบกว่าแน่นอน
ส่วนทางด้านบริษัท อี้หลิน เอเจนซี่ คงไม่สามารถต้านทานได้ หากเวลาผ่านไปอาจจะไม่สามารถอยู่ในเจียงโจวได้อีกต่อไป
บริษัทที่เห็นความล้มละลายอยู่ตรงหน้าแล้ว พวกเขาย่อมอยากอยู่ห่างๆ จากมัน
ในงาน มีเพียงชายวัยกลางคนคนหนึ่งที่เห็น เย่เฉิน กับหยาง เสวียหมิน แล้วจึงเดินเข้ามาทักทายพวกเขา
“นี่คงเป็น ประธานเย่ สินะ อายุยังน้อยขนาดนี้แต่กับประสบความสำเร็จขนาดนี้…”
ชายวัยกลางคนได้เข้ามาจับมือกับ เย่เฉิน
“ประธานเย่ นี่คือ ประธานหลี่ เขาร่วมมือกับบริษัท อี้หลิน เอเจนซี่ ของเรามาอย่างยาวนาน”
หยาง เสวียหมิน กล่าวแนะนำตัวตนของชายวัยกลางคน
เนื่องจากมีความร่วมมือกันมาระยะยาว ประธานหลี่ จึงมีความสัมพันธ์ที่ดีกับบริษัท อี้หลิน เอเจนซี่
และหากบริษัท อี้หลิน เอเจนซี่ ประสบกับปัญหา ผลประโยชน์ของ ประธานหลี่ เองย่อมได้รับผลกระทบไปด้วย
ในช่วงเวลาสำคัญเช่นนี้ เขาจึงเลือกยืนเคียงข้างบริษัท อี้หลิน เอเจนซี่
“สวัสดีครับ”
ระหว่างที่ เย่เฉิน จับมือ และทำความรู้จักกับ ประธานหลี่ ก็มีคนสองคนที่ไม่คาดคิดเดินเข้ามาในงานเลี้ยง
หลังจากเห็นคนสองคนนี้แล้ว แขกที่เคยเย็นชาอยู่ก็รีบเดินเข้าไปทักทายอย่างกระตือรือร้น
และสองคนนั้นไม่ใช่ใครอื่นเลยคือ ประธานของบริษัท เหยี่ยนเหยียน เอเจนซี่ เหยียน ไป๋เหมย และหลิง ซีเอ๋อร์