ตอนที่ 11: ลางบอกเหตุวันสิ้นโลก
ตอนที่ 11: ลางบอกเหตุวันสิ้นโลก
หวังยวนเปิดบัญชีธนาคารเพื่อตรวจสอบยอดเงินคงเหลือ
ในฐานะชายหนุ่มผู้ว่างงานอยู่กับบ้าน หวังยวนไม่ได้ร่ำรวยแต่อย่างใด
หลังจากได้ยินว่าการเป็นผู้เล่นมืออาชีพในเกมสามารถทำเงินได้ หวังยวนจึงใช้เงินหนึ่งหมื่นหยวนเพื่อซื้อหมวกดังกล่าวและเตรียมพร้อมที่จะแข่งขันภายในเกม
แต่ผลที่ได้คือการเดินภายในเกมไปทั่วเป็นเวลาสามวันจนไม่ได้แม้แต่ออกจากหมู่บ้านมือใหม่ด้วยซ้ำ
จากนั้นจึงทราบข่าวว่าโลกกำลังจะถึงจุดจบ
คืนวันผ่านไปไม่ต่างกับเรื่องตลก แต่โชคดีที่หวังยวนในตอนนี้ค่อนข้างมีสติ หาไม่แล้วคงได้เคลือบแคลงสงสัยว่าเป็นการเห็นภาพลวงตาหรือเปล่า
อีกทั้งเมื่อเช้านี้ได้ทำการอัดฉีดเงินเข้าไปในเกมอีกหนึ่งพันหยวน ทำให้ตอนนี้หวังยวนเหลือเพียงสองพันหยวนภายในบัตรเท่านั้น ซึ่งมันคือค่าครองชีพสุดท้ายของเขา
เมื่อคิดว่าสองพันหยวนจะกลายเป็นกระดาษไร้ค่าภายในหนึ่งเดือน หวังยวนจึงเดินตรงไปชั้นล่างเพื่อมุ่งสู่ร้านค้า
ในวันสิ้นโลก อาหารกับน้ำจืดย่อมเป็นสิ่งสำคัญที่สุด
แม้สองพันหยวนจะไม่สามารถซื้อเสบียงจำนวนมากได้ แต่มันมากพอที่หวังยวนจะเอาตัวรอดจากวันสิ้นโลกได้สักพัก
“พี่หวัง เกิดอะไรขึ้น ทำไมถึงซื้อบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปกับน้ำมากขนาดนั้น?” เจ้าของร้านนามเสี่ยวจางค่อนข้างประหลาดใจที่เห็นหวังยวนซื้อบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปกับน้ำเป็นจำนวนมาก
โรงอาหารอยู่ชั้นล่าง ทำให้สามารถลงมารับประทานอาหารได้เท่าที่ต้องการ แล้วทำไมถึงต้องซื้อไปเยอะขนาดนั้น?
“โลกกำลังจะถึงจุดจบ” หวังยวนชำเลืองมองเสี่ยวจางขณะเอ่ยคำอย่างจริงจัง
หวังยวนกับเสี่ยงจางมักมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน เด็กคนนี้มักจะให้ไส้กรอกแฮมกับของอย่างอื่นที่ใกล้หมดอายุให้กับตนเอง ดังนั้นจึงเป็นธรรมดาที่จะหยิบยื่นความช่วยเหลือเมื่อมีโอกาส
“ฮ่าฮ่าฮ่า!”
เมื่อได้ยินคำพูดของหวังยวน เสี่ยวจางจึงอดไม่ได้ที่จะหัวเราะ "พี่หวัง นายช่างมีอารมณ์ขันเสียจริง นับตั้งแต่ปี 2012 มาก็ไม่เคยได้ยินคำทำนายวันสิ้นโลกอีกเลย"
"เอ่อ..."
หวังยวนตระหนักได้ว่าหากพูดจาเหลวไหลอย่างวันสิ้นโลกย่อมไม่มีใครเชื่อตนเอง หากยืนกรานที่จะแพร่งพรายเรื่องนี้ อย่างดีที่สุดคงไม่พ้นถูกมองว่าเป็นผู้ป่วยทางจิตหรือถูกอาเม่าจือคุมตัวเนื่องจากรบกวนความปลอดภัยของสาธารณะ
ดูเหมือนว่าการช่วยชีวิตผู้คนอีกสองสามคนก่อนถึงวันสิ้นโลกไม่ใช่เรื่องง่ายแต่อย่างใด
แม้ตนเองจะไม่ใช่คนเลวหรือคนที่เอาตัวรอดเป็นยอดดี แต่แน่นอนว่าตัวเองจะไม่พูดอะไรเพื่อสร้างปัญหาโดยไม่จำเป็น
“ฮ่าฮ่า!”
เมื่อคิดถึงตรงนี้ หวังยวนจึงหัวเราะกลบเกลื่อนก่อนจะเปลี่ยนเรื่อง "พอดีช่วงนี้ติดเกมอยู่ก็เลยวางแผนจะอยู่ที่บ้านเป็นเวลาหนึ่งเดือนน่ะ"
“ฉันพอจะรู้อยู่ <<ดอว์นเบรกกิ้ง>> ใช่หรือเปล่า ว่ากันว่ามีหลายคนที่ติดเกมนี้” เสี่ยวจางเข้าใจ “เดี๋ยวฉันบอกให้คนขนของขึ้นไปให้นายทีหลังแล้วกัน”
"ขอบคุณ!" หวังยวนจ่ายเงินเสร็จและกำลังจะจากไป แต่ทันใดนั้นก็หยุดนิ่ง “เสี่ยวจาง ช่วงนี้นายตุนของไว้บ้างก็ดีนะ”
"ฉันเข้าใจ!"
เสี่ยวจางเอ่ยคำ “เมื่อไม่นานมานี้มีคนจำนวนมากกักตุนอาหารเหมือนกับนาย เดี๋ยวฉันต้องตุนของให้เต็มโกดังบ้างเหมือนกัน”
"อื้ม!" หวังยวนพยักหน้าอย่างพึงพอใจ
ตนเองสามารถช่วยได้เพียงเท่านี้
…
ผ่านไปสักพัก หวังยวนจึงมองห้องนั่งเล่นที่ครึ่งหนึ่งเต็มไปด้วยขวดน้ำกับบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป แล้วความรู้สึกปลอดภัยก็เพิ่มขึ้นมา แม้ต้องใช้เงินเก็บทั้งหมด แต่หวังยวนกลับไม่รู้สึกเสียดายแต่อย่างใด
ถึงอย่างนี้ของเหล่านี้ก็เป็นสิ่งจำเป็นในชีวิต ต่อให้วันสิ้นโลกไม่มาภายในหนึ่งเดือน มันก็ไม่สูญเปล่าเสียทีเดียว อย่างน้อยมันมากพอที่จะให้ตนเองกินได้สักสองสามเดือน
เงินที่มีติดตัวในตอนนี้สามารถใช้เตรียมการได้เพียงเท่านี้ หากหาเงินจากเกมได้เมื่อไหร่ก็จะประหยัดค่าของอย่างอื่นไปด้วย เพราะขืนให้กินบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปในวันสิ้นโลกทุกวันคงได้มีอ้วกออกมาเป็นแน่
หลังจากเสร็จสิ้นทั้งหมดนี้ หวังยวนจึงกลับขึ้นเตียงแล้วสวมหมวก
ทว่าหวังยวนไม่ได้เข้าเกมทันที แต่เลือกเข้าสู่ระบบ อย่างไรก็ตาม หวังหยวนไม่ได้เข้าสู่เกมโดยตรง แต่เข้าสู่ระบบเว็บบอร์ด
หลังจากไปถึงเลเวลสิบ ผู้เล่นจะเข้าสู่เมืองหลักเพื่อเปลี่ยนอาชีพ เพราะงั้นจึงจำเป็นต้องอ่านคำแนะนำล่วงหน้า
หลังจากเปิดเว็บบอร์ด กระทู้จำนวนมากจึงกระจัดกระจายไปทั่ว
บ้างแสร้งทำเป็นผู้เชี่ยวชาญ บ้างชวนสาวออกเดต บ้างหาผู้มาดูแล บ้างหาคนเข้ากิลด์
แต่กระทู้ที่ถูกพูดถึงมากที่สุดคงหนีไม่พ้นการบ่นเรื่องอัตราการดรอปในเกม โดยบอกว่าหลังจากฆ่า Boss เงินแล้ว แม้แต่ขนสักเส้นยังไม่ดรอป ซึ่งเกมเฮงซวยแบบนี้คงจะปิดตัวไปในไม่ช้า
ในที่สุดหวังยวนก็พบกระทู้แผนการเปลี่ยนอาชีพที่กำลังตามหาท่ามกลางกองขยะ
เว็บไซต์ทางการของเกมมีข้อมูลเกี่ยวกับอาชีพหลักแปดอาชีพเท่านั้น ซึ่งต้องสำรวจเพื่อทำการเปลี่ยนอาชีพ ว่ากันว่ายังมีสายแยกย่อยจำนวนมากที่ซ่อนอยู่ในเกมอีก ดังนั้นโอกาสของผู้เล่นแต่ละคนจึงแตกต่างกัน แม้กระทั่งทิศทางการเปลี่ยนอาชีพก็ยังแตกต่างออกไป
แต่สำหรับตอนนี้ อาชีพหลักจะถูกแบ่งออกเป็นทั้งสิ้นสิบหกอาชีพ
วอริเออร์สามารถเปลี่ยนเป็นเวพ่อนวอริเออร์ที่เน้นการโจมตีกับการ์เดี้ยนวอริเออร์ที่เน้นการป้องกัน
ไฟเตอร์สามารถเปลี่ยนเป็นอาจารย์ชี่กงที่เน้นสกิลภายในกับนักมวยที่เน้นกระบวนท่า
นักเวทแบ่งออกเป็นเวทน้ำแข็งกับเวทไฟตามธาตุที่เลือก
เนโครแมนเซอร์แบ่งออกเป็นเนครอนซ์กับผู้อัญเชิญแห่งความตาย
นักฆ่าจะแบ่งเป็นผู้ลอบเร้นกับมือสังหาร
นักธนูจะแบ่งเป็นสไนเปอร์กับฮันเตอร์
นักบวชจะแบ่งเป็นนักบวชศักดิ์สิทธิ์กับนักบวชเงา ส่วนพาลาดินจะแบ่งเป็นอัศวินผู้พิทักษ์กับอัศวินลงทัณฑ์
ด้วยหนังสือประวัติศาสตร์วีรชนที่อยู่ในมือ หวังยวนจะต้องเลือกสายของผู้อัญเชิญแห่งความตายอย่างแน่นอน
คุณเคยสังเกตเห็นความผิดปกติในร่างกายของตัวเองหรือไม่?
หวังยวนออกจากกระทู้และกำลังจะเข้าสู่ระบบเกม แต่ทันใดนั้นกระทู้ที่สร้างขึ้นใหม่กลับดึงดูดความสนใจ
"เรื่องประหลาดเหรอ?"
หวังยวนคลิกกระทู้ด้วยความสงสัยก่อนจะเข้าไปอ่าน
เจ้าของกระทู้คือนักเวทนามต้าไห่อู๋เลี่ยง โดยนักเวทผู้นี้อ้างว่าหลังจากออกจากเกมในวันนี้ก็รู้สึกถึงคลื่นพลังบางอย่างในใจ ซึ่งมันเหมือนกับคลื่นเวทมนตร์ในเกม ทำให้ต้องตั้งกระทู้เพื่อขอความช่วยเหลือและสอบถามว่าใครมีอาการเป็นแบบนี้บ้าง
กระทู้ดังกล่าวเขียนด้วยคำพูดจริงจัง แต่คำตอบที่ได้กลับไปในทิศทางป่วนเสียมากกว่า
“จริงจัง? B [1] อย่างคุณก็แค่ใส่สีตีไข่ไปเรื่อย ฉันล่ะยอมใจเลย!”
"นั่นสิ พอเทียบกับโปสเตอร์ต้นฉบับแล้ว ไอ้โง่พวกนั้นที่อวดอุปกรณ์สวมใส่ถือว่าห่างชั้นอยู่หลายขุม..."
“ฉันขอแต่งตั้งให้คุณเป็นราชากากเดนเลย หวังว่าหลังจากนี้คุณจะแต่งได้เนียนขึ้น”
…
หวังยวนอดไม่ได้ที่จะหัวเราะหลังจากดูความเห็นด้านล่าง
มันก็จริง ในกระทู้เกมมีคนขี้อวด X ประเภท ซึ่งสุดท้ายก็จบลงที่ฆ่า Boss อะไร เคลียร์ดันเจี้ยนอะไรหรือได้อุปกรณ์สวมใส่แบบไหน
ซึ่งไม่มีอันไหนออกจากขอบเขตของเกม
แต่สิ่งที่คนผู้นี้พูดคือเขารู้สึกถึงคลื่นเวทมนตร์ ซึ่งเป็นอะไรที่เกินคาดมาก
การที่ถูกต้อนรับทั้งความเห็นเชิงบวกกับเชิงลบย่อมเป็นเรื่องธรรมดา
แม้หวังยวนจะหัวเราะ แต่ก็ไม่ได้ตั้งคำถามเหมือนคนอื่น
ถึงอย่างไรตนเองก็มีสิ่งมีชีวิตที่กลับชาติมาเกิดใหม่อยู่สองคน ซึ่งมันแปลกประหลาดยิ่งกว่าที่เจ้าของกระทู้เจอเสียอีก ดังนั้นตัวเองจึงไม่แปลกใจแต่อย่างใด
การปรากฏของกระทู้นี้ทำให้หวังยวนยิ่งมั่นใจว่าสิ่งที่โครงกระดูกทั้งสองพูดนั้นเป็นความจริง
วันสิ้นโลกกำลังใกล้เข้ามา
โลกกำลังจะเปลี่ยนไป
มีเพียงการกักตุนเสบียงกับพัฒนาความแข็งแกร่งเท่านั้นจึงจะมีโอกาสรอดชีวิตในวันสิ้นโลกมากขึ้น
…
เมื่อล็อกอินเข้าเกมอีกครั้ง เมืองซีเป้ยยังคงมีชีวิตชีวาเหมือนทุกที
ผู้เล่นเลเวลสิบสามารถเทเลพอร์ตผ่านหัวหน้าหมู่บ้านเพื่อมุ่งสู่พื้นที่เมืองหลักซึ่งอยู่ใกล้กับพื้นที่มือใหม่ได้
เมื่อฉากตรงหน้าเปลี่ยนไป หวังยวนจึงถูกเทเลพอร์ตไปยังประตูเมืองหลักอันงดงาม
ค้นพบเมืองพายุฟ้าคะนอง คุณได้รับค่าประสบการณ์ 1000 แต้ม
เมืองหลักแห่งนี้คือเมืองพายุฟ้าคะนอง
มันแตกต่างจากความวิจิตรงดงามของเมืองทางตะวันตกเฉียงเหนือ โดยกำแพงสูงตระหง่านของเมืองพายุฟ้าคะนองมีรูปแบบสถาปัตยกรรมที่หยาบกร้าน ทำให้ผู้คนรู้สึกถึงความสง่างามและยิ่งใหญ่
หลังจากอยู่พื้นที่มือใหม่เป็นเวลาสามวัน ผู้เล่นหลายคนจึงก้าวเข้าสู่เลเวลสิบก่อนจะมุ่งหน้าสู่เมืองหลัก โดยผู้เล่นทั้งหลายต่างอยู่ทุกหนแห่งขณะเดินเข้าสู่ตัวเมือง
หวังยวนนำทหารโครงกระดูกทั้งสองตรงไปยังสุสานของเมืองพายุฟ้าคะนองโดยไม่พูดอะไรสักคำ
[1]: ย่อมาจาก Bitch