ไล่ออกให้หมด! นายได้เป็นผู้จัดการคนใหม่ (อ่านฟรี 19/09/2567)
“เจ้าของบริษัทคนใหม่!!” พนักงานทุกคนที่อยู่ในเหม่ยฟาสตะโกนออกมาด้วยความตกใจ
“นี่ล้อกันเล่นรึเปล่า ? อยู่ ๆ ก็เดินเข้ามาโง่ ๆ แล้วบอกว่าไอ้ยาจกนี่เป็นเจ้าของคนใหม่อะนะ หมาที่ไหนมันจะไปเชื่อวะ!” เล่อปู๋ตะโกนออกมาด้วยน้ำเสียงโมโห
ถึงแม้อีกฝ่ายจะมีคนเยอะกว่าแต่เขาเชื่อว่าพวกนี้ไม่กล้าทำอะไรผิดกฎหมายแน่นอน อีกอย่างเขาแอบกดเบอร์ฉุกเฉินเรียกตำรวจให้มาที่นี่แล้ว!
นอกจากนี้ยังมีกล้องวงจรปิดอยู่ทุกที่ภายในร้านอีกด้วย! ต่อให้อีกฝ่ายจะทำอะไรก็ยังมีหลักฐานถูกเก็บเอาไว้ทั้งหมด!!
“ฮ่าฮ่าฮ่า นี่ฉันถูกไอ้เด็กเมื่อวานซืนมาขึ้นเสียงใส่เหรอวะ ตลกชิบหาย” หวังเฉาหัวเราะออกมาเสียงดังลั่น ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยรอยยิ้ม
แต่พวกลูกน้องที่ตามมาด้วยกับตัวสั่นกับภาพที่เห็น มันทำให้เย่เซวียนรู้สึกแปลกใจว่าพวกลูกน้องที่หวังเฉาพามาจะตัวสั่นทำไม ? ดูไปแล้วก็เหมือนคนอารมณ์ดีทั่วไปไม่ใช่รึไง ?
ตุบ ตุบ ตุบ
“มีอะไร! แกจะต่อยฉันอีกรึไง! คราวนี้ฉันไม่ปล่อยให้แกเล่นทีเผลอแน่!” เล่อปู๋เห็นว่าชายกลางคนเดินเข้ามาจนยืนอยู่ต่อหน้าของเขาแล้ว เขาจึงกล่าวออกมาเสียงดังก่อนจะพุ่งตัวเหวี่ยงหมัดขวาตรงหมายจะโจมตีใบหน้าของอีกฝ่าย
แต่ทุกอย่างไม่ได้เป็นไปตามที่เขาจินตนาการไว้ หวังเฉาไม่ได้หลบหลีกหรือถอยหลัง เขายกเท้าขึ้นถีบไปยังลิ้นปี่ของอีกฝ่ายเต็มแรง
ร่างของเล่อปู๋กระเด็นออกไปด้วยความแรงที่มากยิ่งกว่าตอนเขาพุ่งเข้าหาหวังเฉาเสียอีก
เผียะ เผียะ เผียะ
“ยังจะปากดีอยู่ไหม ?” หวังเฉาเดินเข้าไปหาร่างที่นอนหมดสภาพของเล่อปู๋ก่อนจะตบด้วยหลังมืออยู่หลายที เลือดไหลออกมาจากปากของพนักงานชายปากดีคนนี้เต็มไปหมด ใบหน้าของเขาเริ่มปูดบวมเพราะความรุนแรงจากการตบของหวังเฉา
“ฉัน..จะ แจ้ง ตำรวจ..” เล่อปู๋พยายามจะส่งเสียงออกมาด้วยความยากลำบาก
ในตอนนี้ใบหน้าทั้งสองข้างของเขาเจ็บปวดไปหมด แต่ความโกรธมันทำให้เขาหลงลืมหลักเหตุและผลไปจนสิ้น ถึงยังไงอีกฝ่ายก็คงไม่กล้าทำร้ายร่างกายเขามากจนเกินไปหรอกมั้ง ?
ถ้าเป็นคนปกติก็คงเลือกที่จะเงียบมากกว่าไปต่อปากต่อคำกับกลุ่มคนน่ากลัวจำนวนมาก ถูกไหม ? แต่สำหรับหวังเฉาที่รับไม่ได้เรื่องเย่เซวียนได้เป็นเจ้าของร้านคนใหม่ รวมถึงถูกถีบและตบหน้าต่อคนมากมาย แค่เขายังไม่โกรธจนเป็นลมไปก็นับว่าเก่งแล้ว
หมับ คร่อกกก
“ฮ่าฮ่า ยังมีอะไรจะถูกอีกไหม ?” หวังเฉาบีบปากของเล่อปู๋ให้อ้าออกก่อนจะหยิบปืนที่อยู่ข้างเอวมายัดใส่ปากแล้วหัวเราะออกมา เมื่อทุกคนได้เห็นฉากนี้ก็พากันแตกตื่นกันยกใหญ่
บางคนแทบจะวิ่งหนีออกไปจากตัวร้านเลยด้วยซ้ำ!
แต่น่าเสียดายที่ประตูทางเข้าออกมีทางเดียว แถมยังถูกพวกลูกน้องของหวังเฉายืนขวางเอาไว้อีกต่างหาก นั่นจึงทำให้พนักงานทุกคนได้แต่นั่งตัวสั่นเหมือนลูกนกอยู่กับพื้น
“มะ..มะ..ไม่แล้วครับ ผมผิดไปแล้ว! อย่าฆ่าผมเลย!!” เล่อปู๋กล่าวออกมาด้วยความหวาดกลัว ในตอนนี้เขาตัวสั่นไปหมด ยิ่งเขาสัมผัสได้ว่าในปากของเขามีแท่งเหล็กเย็น ๆ ถูกยัดอยู่เขายิ่งกลัวจนแทบเสียสติ!
คนพวกนี้มันเป็นใครกันแน่! แล้วไอ้เย่เซวียนมันไปเกี่ยวข้องด้วยได้ยังไงกัน?!
“ไม่ต้องทำขนาดนั้นก็ได้ครับ ถ้ามันมากเกินไปก็จะไม่ดี” เย่เซวียนกล่าวห้ามปราบออกมา
ถึงแม้เขาจะรู้สึกสะใจอยู่เล็กน้อย แต่เขาก็ไม่อยากให้สถานการณ์มันเลวร้ายจนเกินไป นอกจากนั้นเขาก็มั่นใจว่าชายกลางคนที่ถูกชายชราส่งมาสามารถกำจัดเล่อปู๋และคนที่รู้เห็นเหตุการณ์ ให้หายไปอย่างไร้ร่องรอยได้อย่างแน่นอน!
“ถ้าคุณว่าอย่างนั้น ก็ตามนั้นครับ” หวังเฉายิ้มให้ก่อนจะชักปืนกลับมา เล่อปู๋ที่ปากเป็นอิสระอีกครั้งก็ไอออกมายกใหญ่ เขามองไปที่หวังเฉาด้วยความหวาดกลัว
ในตอนนี้เขาไม่กล้าพูดอะไรอีกแล้ว! เขาอยากออกไปจากที่นี่ให้เร็วที่สุด!!
“ยังไม่ขอบคุณคุณเย่เซวียนอีกเหรอวะ! อยากโดนอีกรึไง?!” หวังเฉาหันไปตะคอกใส่เล่อปู๋ที่นั่งตัวสั่นอยู่ด้วยน้ำเสียงเอาเรื่อง
“ขะ..ขอโทษ ฉันขอโทษนายจริง ๆ ยกโทษให้ฉัน..นะ..นะนะ” เล่อปู๋คลานมากอดเท้าของเย่เซวียนก่อนจะกล่าวออกมาด้วยท่าทางน่าสมเพช
ครึ่งหลัง
“เฮอะ! แล้วไอ้ท่าทางอวดดีก่อนหน้านี้หายไปไหนหมดแล้วล่ะ ?” เย่เซวียนแค่นเสียงออกมาก่อนจะกล่าวด้วยความเย้ยหยัน เล่อปู๋ที่ได้ยินก็ไม่กล้าแสดงอาการอะไร
ถึงยังไงตอนนี้ตัวเขาจะเป็นหรือตายก็อยู่ในมือของอีกฝ่ายแล้ว
“ฉันไม่ได้ตั้งใจ ยกโทษให้ฉันเถอะนะ” เล่อปู๋ก้มกราบพลางกล่าวออกมาด้วยเสียงสั่นเครือ
“ฉันด้วย! ยกโทษให้ฉันเถอะ!” ทันใดนั้นก็มีพนักงานชายร่างท่วมคนหนึ่งเดินมาคุกเข่าขอโทษตามทันที เขามองว่าสถานการณ์ในตอนนี้ยังไงก็รอดไปได้ยาก หลังจากเล่นงานเล่อปู๋เสร็จแล้วรายต่อไปก็คงหนีไม่พ้นพวกเขาที่ร่วมก่อเรื่องกดดันชายหนุ่มคนนี้ด้วยแน่ ๆ
ดังนั้นเมื่อเห็นท่าไม่ดีเขาจึงรีบเข้าไปขอโทษจะดีกว่า ซึ่งหลังจากมีคนเข้าไปขอโทษแล้ว คนอื่น ๆ ที่ร่วมด่าทอและกดดันเย่เซวียนก็พากันนั่งคุกเข่าขอร้องเขากันหมด
“คุณหวังเฉา แล้วเรื่องที่ผมกลายเป็นเจ้าของบริษัทคนใหม่คืออะไรเหรอครับ ?” เย่เซวียนไม่ได้สนใจพวกที่นั่งคุกเข่ามากนัก เขาหันไปถามชายกลางคนที่ยืนอยู่ด้านข้างของเขาแทน
“ก็ตรงตามนั้นเลยครับ บริษัทเหม่ยฟาสในตอนนี้กำลังจะกลายเป็นของคุณแล้ว เหลือแค่ขั้นตอนเซ็นชื่อและโอนย้ายก็เท่านั้น” หวังเฉาตอบกลับด้วยน้ำเสียงสบาย ๆ เหมือนกับมันเป็นแค่การพูดคุยเรื่องดินฟ้าอากาศ หรือถามว่าวันนี้จะกินข้าวอะไรดี
“แต่ว่า.. บริษัทเหม่ยฟาสมันมีมูลค่าตั้งสองร้อยห้าสิบล้านหยวนเลยนะครับ ถึงจะเป็นบริษัทที่จัดส่งแค่ในจังหวัดชางโจว แต่ก็นับได้ว่าเป็นธุรกิจที่กำลังรุ่งเรืองเลยนะครับ” เย่เซวียนกล่าวออกมาด้วยความตกใจ ที่เขารู้ข้อมูลพวกนี้ก็เพราะพนักงานแทบทุกคนจะต้องรู้เรื่องของบริษัทก็เท่านั้น
“ก็ตามนั้นแหละครับ ขอโทษที่เสียมารยาทนะครับ พอดีคุณท่านอยากช่วยเหลือคุณเลยให้ผมไปสืบมาจนรู้ว่าคุณทำงานที่นี่ เลยตัดสินใจยกบริษัทเหม่ยฟาสให้น่ะครับ”
“ความจริงบริษัทนี้ก็เป็นบริษัทเล็ก ๆ ที่อยู่ใต้การดูแลของท่านน่ะครับ คุณเย่เซวียนไม่ต้องคิดมากนะครับ” หวังเฉายิ้มให้พลางกล่าวอธิบายออกมา
พนักงานทุกคนรวมถึงเย่เซวียนต่างเงียบกริบ พวกเขาได้แต่รู้สึกอึ้งอยู่ในใจ
ขนาดบริษัทมูลค่าสองร้อยห้าสิบล้านหยวนยังเป็นแค่บริษัทเล็ก ๆ คุณท่านที่ว่านี่คือใครกันแน่ ? แล้วถ้าบริษัทขนาดปกติสำหรับเขามันจะต้องมีมูลค่าเท่าไรกัน ?
“คือผม.....” เย่เซวียนพยายามจะกล่าวบางอย่างออกมาแต่หวังเฉาก็กล่าวแทรกขึ้นมาเสียก่อน
“ไม่ต้องปฏิเสธนะครับ เพราะคุณท่านต้องการยกให้คุณจริง ๆ ถ้าคุณไม่รับไว้ผมจะลำบาก”
“เปล่าครับ ผมจะบอกว่าผมยินดีรับไว้อย่างแน่นอน” เย่เซวียนยิ้มแห้ง ๆ ก่อนจะกล่าวออกมา
บ้ารึเปล่า! ใครจะโง่ปฏิเสธได้ลงกัน! บริษัทขนาดใหญ่แบบนี้ไม่รู้ว่าต้องใช้เวลาเท่าไรเขาถึงจะสร้างขึ้นมาได้ แต่มาวันนี้มีคนมาประเคนให้ถึงที่ถ้าไม่รับก็คงโง่เต็มทน!!
“ฮ่าฮ่า ผมชอบคุณจริง ๆ ครับ ไม่เหมือนใครดี” หวังเฉาเงียบไปเล็กน้อยก่อนจะหัวเราะออกมา
เขาไม่คิดเลยว่าชายหนุ่มตรงหน้ามีแตกต่างจากคนทั่วไปได้ขนาดนี้
ถ้าเป็นปกติคงจะปฏิเสธหรือยกเหตุผลมากมายมาพูดไปแล้ว แต่ชายตรงหน้าตอบรับง่าย ๆ เสียอย่างนั้น แต่มันก็ดีเหมือนกันเขาจะได้ไม่โดนคุณท่านต่อว่าเอา
“ถ้าอย่างนั้น... ฉันไล่พวกนายออกทั้งหมด!” เย่เซวียนชี้นิ้วใส่พวกเล่อปู๋ ฉีเป้ย และพนักงานอีกหลายคนที่ร่วมวงเยาะเย้ยเขา
“ส่วนเปาหยุน ฉันขอแต่งตั้งนายเป็นผู้จัดการสาขานี้!” หลังจากตะโกนใส่พวกที่จะไล่ออกแล้ว ชายหนุ่มก็หันมายังเปาหยุนด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม
ในเวลานี้เย่เซวียนในสายตาพนักงานเหม่ยฟาสช่างดูยิ่งใหญ่เหลือเกิน เขาเหมือนกลายร่างจากหนอนกลายเป็นพญามังกรก็ไม่เกินเลย
“เอ่อ... ผมขอยืมเงินก่อนได้ไหมครับ พอดีลืมกดมา” แต่ยังไม่ทันไรเขาก็หันไปหาหวังเฉาแล้วกล่าวออกมาพร้อมรอยยิ้มแห้ง ๆ
ถึงเขาจะมีอำนาจขึ้นมาแล้ว เขาก็จำเป็นต้องคืนเงินที่เคยยืมมาอยู่ดี!
นั่นนับว่าเป็นสิ่งที่ควรกระทำ!!