บทที่ 72 ครอบครัวของเราได้รับการดูแล
[แฟนเพจBamแปลNiyay:ลงแบบราคาถูกโคตรในmy-novel(ลงช้ากว่าThai-novel100ตอน)กับthai-novelเท่านั้น หากอ่านที่อื่นนอกจากสองเว็บนี้คือไม่ใช่ผมนะ ถ้าเจอคนอ่านก็อปดันเยอะกว่าก็ท้อเป็นนะครับ]
[ถ้าอ่านฟรีแบบเถื่อนไม่ว่าจะได้มายังไงนั้น ผมไม่ว่าเลยครับ และต่อให้ไม่มีคนอ่าน ผมก็ยังจะแปลต่อจนจบด้วย แต่ถ้าจะจ่ายเงินให้เว็บหรือคนที่copyไปขายอีกที คุณโคตรแย่เลยครับ]
[หลังแปลจบจะมีการแก้คำอ่านใหม่ตั้งแต่ต้น ดังนั้นถ้าคุณอ่านแบบเถื่อน ก็เชิญเลยครับ เพราะมันไม่มีอัพเดทให้หรอก]
บทที่ 72 ครอบครัวของเราได้รับการดูแล
หลินหยู่รู้สึกสับสนกับสถานการณ์ปัจจุบัน
ทำไมอยู่ดี ๆ เขาถึงจะต้องไปสู้กันเล่า?
อาการบาดเจ็บครั้งก่อนจากกู่เฉินหนานและคนขับแท็กซี่ที่ไม่รู้ชื่อคนนั้นรุนแรงมากจนมันเกือบจะฆ่าชีวิตเขาแล้ว เขาเพิ่งฟื้นตัวเต็มที่และไม่อยากต่อสู้กับใครเลย
แต่เมื่อเห็นสีหน้าตื่นเต้นของทุกคน การปฏิเสธก็ดูจะไม่ค่อยดีนัก
ในที่สุด เขาจึงได้แต่กลืนน้ำลายแล้วพยักหน้า "ได้ครับ"
“คุณหลิน เราย้ายไปที่ห้องโถงด้านนอกกันดีไหม?” เหลียงปู้ฟานถามด้วยสีหน้ากระตือรือร้น เขาทำท่าทางเชิญชวนแล้วเดินออกจากห้องโถงใหญ่ก่อน
หลินหยูกำหมัดแน่นและเดินตามเหลียงปู้ฟานออกไป
คนอื่น ๆ ในห้องโถงใหญ่กระตือรือร้นยิ่งที่จะได้ดูการประลองฝีมือ ต่างคนต่างก็ส่งเสียงโห่ร้องและตามพวกเขาออกไป
ทันใดนั้น ห้องโถงใหญ่ที่มีเสียงดังก่อนหน้านี้ก็เงียบลง
เหลือเพียงกู่เฉินหนาน ปู่หลิวและผู้หญิงสองคนเท่านั้นที่ยังคงอยู่
กู่เฉินหนานไม่มีความตั้งใจที่จะออกไปข้างนอก เพราะรู้ว่ามันจะเกิดอะไรขึ้นต่อจากนี้ ในความคิดของเขา หลินหยู่ผู้เป็นบุตรแห่งโชคชะตาจะเอาชนะเหลียงปู้ฟานได้อย่างแน่นอน
“เฉินหนาน ฉันไม่รู้ว่าเธอเคยฝึกฝนวรยุทธ์การต่อสู้โบราณ และยังเคยได้แชมป์ในการแข่งขันอีกด้วย เก็บความลับเก่งจริงนะ” ปู่หลิวพูดกับกู่เฉินหนาน
กู่เฉินหนานตกตะลึงและรีบยิ้มตอบ “อ๋อ มันเป็นแค่ความโชคดีน่ะครับ ไม่มีอะไรสุดยอดเลยกับการที่ผมได้แชมป์ครับ”
เขาไม่อยากพูดถึงเรื่องนี้จริง ๆ เนื่องจากเขาไม่มีทักษะที่พอจะสามารถใช้แสดงฝีมือออกมาได้ หากถูกถามจี้ต่อไป เขาคงจะอึดอัดใจพอสมควร
" โอ้โฮ "
ปู่หลิวหัวเราะเสียงดัง “เธอถ่อมตัวเกินไปแล้วกับความสำเร็จที่น่าประทับใจขนาดนั้น!”
“มันไม่ค่อยน่าประทับใจขนาดนั้นหรอกครับ ยอดฝีมือระดับสูงที่มีฝีมือวรยุทธิ์การต่อสู้โบราณในตงไห่ก็มีเยอะที่ไม่ได้เข้าร่วม หากพวกเขาอยู่ที่นั่น ผมคงไม่ได้แชมป์แน่นอนครับ” กู่เฉินหนานกล่าวตามความเป็นจริง
ตามความรู้ของกู่เฉินหนาน แม้ว่าในโลกวรยุทธ์ของตงไห่จะไม่ค่อยมีใครมีชื่อเสียงนัก เพราะในโลกวรยุทธ์ส่วนใหญ่จะอยู่ในเมืองหลวงจีนเสียมากกว่า แต่ก็ยังมีปรมาจารย์หลายคนที่ซ่อนตัวอยู่ ราวเสือหมอบมังกรซ่อน
มีหลายสำนักที่ฝึกวิชาวรยุทธ์โบราณจำนวนมากที่ยังไม่เป็นที่รู้จัก ยกตัวอย่างเช่นตระกูลถัง
เรื่องราวของตระกูลเย่ยังอยู่ในช่วงเริ่มต้น ยอดฝีมือเหล่านั้นจึงยังไม่ปรากฏตัว
ซึ่งสิ่งที่เขาพูดไปก็คือความจริงทุกประการ
แม้ว่าปู่หลิวจะรู้เรื่องนี้ แต่เขาก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกชื่นชมกู่เฉินหนานมากขึ้นไปอีก
ตอนที่นักธุรกิจผู้ร่ำรวยบอกว่ามีแชมป์อยู่ที่นี่ ปู่หลิวก็อยากรู้ว่า "แชมป์" คนนั้นคือใคร
เขานึกไม่ถึงเลยว่าจะกลายเป็นกู่เฉินหนาน!
เห็นได้ชัดว่ากู่เฉินหนานไม่ใช่คนโอ้อวด!
นอกจากนี้ คำพูดของกู่เฉินหนานเมื่อครู่ยังแสดงถึงความสุภาพ ถ่อมตัว ไม่สนใจชื่อเสียงและโชคลา�
ไม่หยิ่งยโสในชัยชนะ ไม่สิ้นหวังในความพ่ายแพ้ มีสายฟ้าอยู่ในอก แต่ใบหน้าสงบเหมือนดั่งทะเลสาบ!
ชายหนุ่มผู้นี้จะประสบความสำเร็จอันแสนยิ่งใหญ่ในอนาคตอย่างแน่นอน!
หากเดิมทีก่อนหน้านี้ปู่หลิวแค่รู้สึกว่ากู่เฉินหนานเป็นคนดี ตอนนี้เขาเชื่อแล้วว่ากู่เฉินหนานจะกลายเป็นบุคคลสำคัญในอนาคต ต่อให้เขาจะไม่ใช่ทายาทของตระกูลกู่ก็ตาม
ทว่าปู่หลิวเป็นผู้เฒ่าที่ผ่านร้อนผ่านหนาวมาตลอดชีวิต ดังนั้นเขาจึงไม่แสดงความรู้สึกออกมาทางใบหน้า สีหน้าของเขายังคงยิ้มแย้มอยู่เสมอเช่นเดิม
"เยี่ยมมาก!"
"ฝีมือของคุณเหลียงไม่ได้อ่อนแอไปกว่าคุณหลินเลย!"
“ไม่เพียงแค่นั้นนะ เขายังสามารถกดดันคุณหลินได้อย่างเบ็ดเสร็จอีก!”
ผู้ชมด้านนอกห้องโถงใหญ่ยังคงส่งเสียงเชียร์ต่อไป เห็นได้ชัดว่าการต่อสู้นั้นดำเนินมาถึงจุดเดือดแล้ว
“เฉินหนาน เธอจะไม่ออกไปดูหน่อยเหรอ?” ปู่หลิวลุกขึ้นยืนและถาม
"ผมไม่ไปครับ เชิญคุณปู่ไปก่อนเลยครับ” กู่เฉินหนานกล่าว
ปู่หลิวพยักหน้า ตั้งใจจะให้ลูกสาวของเขาอย่างหลิวหมิงรุ่ยไปด้วย แต่พอหันกลับไป ก็เห็นหลิวหมิงรุ่ยกับซูเฉียนโม่กำลังจ้องมองหน้ากันตาขวางอยู่
คนหนึ่งทำหน้ามุ่ย อีกคนทำหน้าบูดบึ้ง ดวงตาที่สวยงามสองข้างต่างก็ส่องประกายไฟสีแดงและสีน้ำเงินออกมาประชันกันเป็นระยะ ๆ
เมื่อเห็นเช่นนี้ ปู่หลิวก็ทำหน้าบูดบึ้ง
"เอาเถอะ เดี๋ยวฉันจะไปดูคนเดียวแล้วกัน"
หลิวเจิ้นซานเดินออกไปอย่างสบาย ๆ โดยเอามือไขว้หลัง
“ฮึ!”
“ฮึ!”
ตอนนี้ผู้หญิงทั้งสองต่างกอดอกหันหน้าหนี และมองออกไปไกล
กู่เฉินหนานพูดไม่ออกเลยเมื่อเห็นพวกเธอเป็นแบบนี้
เขาประหลาดใจจนพูดอะไรไม่ออก
ทั้งสองเคยมีความขัดแย้งกันที่เทียนไห่เมื่อครั้งที่แล้ว วันนี้ไหงพวกเธอถึงทำเหมือนนกกำลังแย่งอาหารกัน? นี่มันไร้สาระสิ้นดี!
สีหน้าของกู่เฉินหนานแข็งกร้าวขึ้น ขณะที่เขามองไปที่พวกเธอด้วยความปวดหะว
"พวกเธอเป็นอะไรกัน? ลองคุยกันดีดีจะได้ไหม?”
“วันนี้เป็นวันเกิดของปุู่หลิว ไม่ใช่งานสำหรับพวกเธอสองคนที่จะมาประกวดจ้องมองตากันนะ!”
“เป็นอะไรกัน? พวกเธอสองคนจะกลายร่างเป็นอุลตร้าแมนหรือไงกัน?”
ซูเฉียนโม่เหลือบมองไปที่กู่เฉินหนานที่ "ตำหนิ" และพูดอย่างน้อยใจว่า “ก็เธอคนนี้จ้องฉันก่อน ฉันเลยต้องจ้องกลับไป”
“ฮึ่ม ฉันตั้งใจจ้องเธอเองนี้แหละ” หลิวหมิงรุ่ยพูดอย่างดุเกรี้ยวกราด “เดิมทีวันนี้เป็นโอกาสของฉันที่จะได้อยู่กับเฉินหนานเพียงลำพัง ทำไมเธอต้องมาด้วยล่ะ?”
ซูเฉียนโม่หันกลับมามองไปที่เธออย่างขุ่นเคือง "ฉันรู้ว่าเธอน่ะคิดไม่ซื่อกับเฉินหนาน นั่นแหละเป็นเหตุผลที่ฉันยืนยันที่จะมาด้วย!"
เมื่อพูดเช่นนี้ ซูเฉียนโม่ก็คว้าแขนของกู่เฉินหนานอย่างภูมิใจ “ยิ่งไปกว่านั้น ฉันเป็นคู่หมั้นของคุณชายกู่ มันก็แน่นอนอยู่แล้วสิที่ฉันต้องไปกับเขาด้วย!”
“เธอเป็นคู่หมั้นแล้วไงล่ะ?”
หลิวหมิงรุ่ยไม่เต็มใจที่จะถอยกลับ เธอยังคว้าแขนอีกข้างของกู่เฉินหนาน “ฉันเป็นคนรักในวัยเด็กของเฉินหนาน ฉันเห็นทุกส่วนของเขามาแล้ว!”
"นี่เธอ? เธอเคยเห็นของเขาบ้างไหมล่ะ?” หลิวหมิงรุ่ยถามอย่างเย่อหยิ่ง
"นี่เธอ..."
ซูเฉียนโม่ชะงักไป เธอไม่เคยเห็นกู่เฉินหนานเปลือยกายมาก่อนจริง ๆ
อย่างไรก็ตาม ในวินาทีต่อมาเธอพูดอย่างเยาะเย้ย “แล้วเธอรู้ไหมว่าคู่หมั้นหมายถึงอะไร? มันหมายถึงภรรยาที่ยังไม่แต่งงานกันไงล่ะ!”
“ดอกไม้งามอย่างคุณชายกู่น่ะมีคู่อยู่อยู่แล้ว หยุดเพ้อถึงเขาเสียที!”
เอ๊.....ดอกไม้?
ปากของกู่เฉินหนานถึงกับกระตุก
อย่างน้อยเธอก็เรียกฉันว่าใบหญ้าก็ได้ นี่บอกว่าฉันคือดอกไม้ อยากทำให้เพศของฉันมันเปลี่ยนไปหรือไงกัน
"ฮึ"
หลิวหมิงรุ่ยหัวเราะเยาะอย่างดูถูก
“ดอกไม้ที่มีเจ้าของแล้วมันยังไง? ถ้าเขาเป็นดอกไม้งามที่มีเจ้าของ งั้นฉันจะช่วยพรวนดินนิดหน่อยเท่านั้นเอง!”
"แค่ก แค่ก..."
กู่เฉินหนานถึงกับไอออกมากับคำพูดของผู้หญิงเหล่านี้
นี่มันคำพูดของแม่เสือสาวชัด ๆ
"หลิวหมิงรุ่ย!"
"ซูเฉียนโม!"
วู้บบ~
หญิงสาวทั้งสองจ้องมองกันอย่างดุเดือด สายตาสีแดงและสีฟ้าคล้ายพุ่งเข้าใส่ประชันกันมา
"พอได้แล้ว!"
ในที่สุดกู่เฉินหนานก็ทนไม่ไหว เขาเอื้อมมือไปแยกพวกเธอออกจากกัน
“ไม่เอาน่า ฉันยอมแพ้แล้วพอใจหรือยัง? พวกเธอสองคนช่วยพูดกันดีดีหน่อยได้ไหม?”
[ไม่น่าเชื่อเลย นางเอกสาวสองคนกำลังต่อสู้และทะเลาะกันเพื่อตัวร้ายอย่างฉันเนี่ยนะ]
[ตามเนื้อเรื่องเดิม พวกเธอต้องต่อสู้กันเพื่อแย่งหลินหยู่ที่เป็นตัวเอกสิ!]
[ตอนนี้ฉันปวดหัวมาก นี่มันไม่ใช่เรื่องเล่น ๆ เลยนะ]
เสียงภายในใจของกู่เฉินหนานก็ดังขึ้น ซูเฉียนโม่ไม่แปลกใจเลย เพราะเธอรู้แล้วว่านี่เป็นโลกแห่งนวนิยายจากเสียงภายในใจของเขา
ส่วนทางด้านหลิวหมิงรุ่ย เธอรู้สึกสับสนเป็นอย่างยิ่ง
ก่อนหน้านี้ เธอยังเคยได้ยินคำว่า เนื้อเรื่อง นางเอก ฯลฯจากเสียงภายในใจของกู่เฉินหนาน
ในตอนนั้น เธอไม่ได้คิดอะไรมากนัก
แต่ตอนนี้ เธอเริ่มรู้สึกแปลกมากขึ้นเรื่อย ๆ
เธอขมวดคิ้วที่บอบบางของเธอ จมลงสู่ห้วงภวังค์
ความคิดหนึ่งปรากฏขึ้นมาในหัว เธอเริ่มไตร่ตรอง เป็นไปได้ไหมว่าฉันเป็นแค่ตัวละครในนวนิยาย? ไม่มีเหตุผลอื่นใดเลยที่ทำให้เฉินหนานเอาแต่พูดว่าฉันเป็นภรรยาน้อยของหลินหยู่ในเนื้อเรื่อง และฉันเป็นหนึ่งในนางเอกสาว
เมื่อคิดเช่นนี้ หลิวหมิงรุยก็มองไปที่กู่เฉินหนานด้วยความสนใจ
ทั้งที่รู้เช่นนี้ แต่เธอไม่ได้รู้สึกตกใจหรือมองโลกในแง่ร้ายมากนัก
สำหรับเธอ ไม่ว่าจะเป็นโลกนิยายหรือไม่มันก็ไม่สำคัญเลย
มีเพียงสิ่งเดียวที่เธอสนใจในตอนนี้คือ การอยู่กับกู่เฉินหนาน!
......
"อะไรนะ!"
“คุณหลินแพ้งั้นเหรอ?”
ทันใดนั้นเสียงอุทานก็ดังมาจากด้านนอกห้องโถงใหญ่
กู่เฉินหนานเองก็ตกตะลึงเมื่อได้ยินเช่นนั้น
เขาไม่อยากจะเชื่อตัวเองเลย
เขามองไปที่ห้องโถงใหญ่ด้านนอกอย่างไม่อยากเชื่อสายตา
หลินหยู่......แพ้เหรอ?
เป็นไปได้ยังไง? ไม่ใช่เขาควรจะเอาชนะเหลียงปู้ฟานตามเนื้อเรื่องเดิมเหรอ?
เกิดอะไรขึ้นกัน?