บทที่ 52 ชายผู้แข็งแกร่งยากหยั่งถึง
เมื่อหลินชางหลางที่อยู่ข้างๆ ได้ยินเช่นนั้น เขาก็ยิ้มอย่างลำพองแล้วกล่าวว่า “หลินอวิ๋น เมื่อมีคนต้องการมอบเงินให้เจ้า เจ้าก็จงรับไว้อย่าได้เสียมารยาท”
หลินอวิ๋นได้สติกลับมาอีกครั้งแล้วกล่าวเสียงดังอย่างมาดมั่น “ตกลง! ขอยอมรับการเดิมพันครั้งนี้!”
“หลัวหมิงซาน อย่าลืมเตรียมเงินของเจ้าด้วยล่ะ” หลินชางหลางกล่าวด้วยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์
หลัวหมิงซานกล่าวน้ำเสียงเย็นชา “การแข่งขันยังไม่ทันรู้ผล มันยังเร็วเกินไปที่เจ้าจะกล่าววาจาเช่นนี้ มันยังไม่แน่หรอกว่าใครจะเป็นผู้ชนะ!”
“ฮ่าฮ่า ผลการแข่งขันงั้นหรือ เจ้าจะได้เห็นในเร็วๆ นี้แน่”
หลินชางหลางหัวร่อเสียงดังอย่างสำราญใจยิ่ง แล้วเดินออกไปพร้อมกับหลินอวิ๋นและคนอื่นๆ
หลังตระกูลหลินจากไปแล้ว ตระกูลหลัวก็ตกอยู่ในความโกลาหลทันที
หลัวชิงหว่านร้อนใจจึงอดมิได้ที่จะกล่าวว่า “หลัวเฉิง เจ้าประมาทเกินไปแล้ว ข้าได้ยินมาว่าหลินอวิ๋นได้ทะลวงเข้าสู่ขั้นหลอมกายาระดับเก้าเมื่อไม่กี่เดือนที่ผ่านมา ทั้งเขายังได้ปลุกวิญญาณยุทธ์ระดับหกดาวพยัคฆ์หางแมงป่อง ถ้าเราลุ้นอันดับสองยังพอมีหวัง แต่อันดับหนึ่งนี่มัน…”
เฉกเช่นเดียวกับหลัวชิงหว่าน คนอื่นๆ ในตระกูลก็ต่างมีสีหน้าวิตกกังวลเช่นกัน
หลัวหมิงซานยกมือขึ้นปรามทุกคน แล้วมองยังหลัวเฉิง “เฉิงเอ๋อร์ เจ้ามั่นใจจริงๆ หรือว่า เจ้าจะสามารถคว้าอันดับหนึ่งในการแข่งขันครั้งนี้”
“ท่านปู่ ไม่ต้องกังวล” หลัวเฉิงพยักหน้าอย่างหนักแน่น
“ดี! ปู่เชื่อในตัวเจ้า” หลัวหมิงซานเอื้อมมือไปตบบนไหล่หลัวเฉิง
แม้ว่าหลัวหมิงซานจะกล่าวแบบนี้ แต่ในใจของเขาก็รู้สึกไม่สงบเฉกเช่นผู้อื่น แต่วาจาของหลานชายเขาก็เปรียบดั่งลูกเกาทัณฑ์ที่ถูกยิงออกไปแล้ว ดังนั้นเขาจึงทำได้เพียงเชื่อในตัวหลัวเฉิงเท่านั้น
การแข่งขันล่าสัตว์เริ่มต้นตอนเที่ยงวัน และยังมีเวลาเหลือเล็กน้อยให้เหล่าผู้คนได้พักผ่อน
จินหมินมาหาอวิ๋นเหมิงลี่ จากนั้นนั่งลงข้างนางแล้วกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “เหมิงลี่ ข้าได้ยินบางอย่างที่น่าสนใจมา เจ้าอยากรู้หรือไม่”
อวิ๋นเหมิงลี่ยังคงเงียบงันราวไม่ได้ยินสิ่งที่เขากล่าว
จินหมินมองยังหลัวเฉิงและกล่าวด้วยรอยยิ้ม “เจ้ารู้ไหม ว่าหลัวเฉิงมีวิญญาณยุทธ์แบบไหน มันเป็นวิญญาณยุทธ์ที่ไม่ถือกำเนิดขึ้นมา หนำซ้ำยังไร้ดาวแม้เพียงดวง!”
“ฮ่าฮ่า ข้าไม่เคยได้ยินเกี่ยวกับพรสวรรค์ที่น่าสงสารเช่นนี้มาก่อน แม้แต่ศิษย์รับใช้คนใดของสำนักซวนหยวนเรา ก็มีความสามารถมากกว่าเขาถึงร้อยหรือพันเท่า เจ้าว่าตลกหรือไม่เล่า ฮ่าฮ่า”
อวิ๋นเหมิงลี่แสดงสีหน้าเย็นชาแล้วกล่าวน้ำเสียงราบเรียบ “เรื่องนี้หาได้มีความหมายไม่ นิกายซวนหยวนเราเคยมีคนที่มีความสามารถธรรมดาๆ แต่เขาก็ยังกลายเป็นผู้มีชื่อเสียงมิใช่หรือ”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ ใบหน้าของจินหมินก็ดูน่าเกลียดมาก เขาอดไม่ได้ที่จะกำหมัดกระชับแน่น
ดั่งที่ทุกคนรู้โดยทั่วกัน ว่าวิญญาณยุทธ์นั้นถือเป็นรากฐานของผู้ฝึกฝน และวิญญาณยุทธ์นั้นคือทุกสิ่ง
หากเทียบกับเมื่อก่อน ทัศนคติของอวิ๋นเหมิงลี่ที่มีต่อเขา มันแตกต่างไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิง!
ทุกวาจาและการกระทำของนาง ประหนึ่งขับไล่เขาให้ออกห่างไปไกลหลายพันลี้!
“หลัวเฉิง ทั้งหมดนี้มันเป็นเพราะเจ้าคนเดียว!”
จินหมินโกรธแค้นเป็นที่สุด และเขาคิดว่าหลัวเฉิงคือต้นเหตุที่ทำให้เขาต้องประสบพบเรื่องเช่นนี้!
เมื่อเวลาย่างเข้าใกล้เที่ยงวัน คนส่วนใหญ่ที่อยู่โดยรอบใกล้เคียงกับเมืองฉีซานก็ต่างมาถึงกันแล้ว
ทันใดนั้น บรรยากาศบนหอคอยสูงทั้งหมดก็ต่างฮือฮาเสียงดัง โดยสายตาของผู้คนทั้งหมดล้วนจับจ้องไปยังจุดเดียวกัน
ไม่ช้า ก็พลันปรากฏสามร่างที่มาถึงขณะนี้
หญิงสาวที่เดินนำอยู่ตรงกลางมาในชุดสีแดงเพลิงอันเร่าร้อน แขนที่เปลือยเปล่าของนางขาวราวกับหยกเนื้อดี ช่วงขาเรียวยาว และผิวพรรณของนางนวลเนียนผุดผ่อง เปล่งประกายใสแวววาวดุจอัญมณีล้ำค่า เรือนร่างของนางโค้งเว้าอวบอิ่มสมบูรณ์แบบจนไร้ที่ติ ทุกวาจาและการกระทำล้วนแล้วแต่มีเสน่ห์อันน่าหลงใหลจนยากหาใดเปรียบ ทุกท่วงท่าการเคลื่อนไหวของนางพานให้ดวงตาของชายหนุ่มต้องเบิกกว้างไปตามกัน
นางผู้นั้นหาใช่ใครอื่น แต่เป็นลั่วเหยา ผู้ดูแลศาลาหลิงอวิ๋น
ผู้ที่มากับลั่วเหยาครั้งนี้ ที่เดินตามมาทางด้านซ้ายคือเถ้าแก่ซู และทางด้านขวาคือชายชรารูปร่างผอม
การมาถึงของลั่วเหยาทำให้เหล่าผู้คนรู้สึกประหลาดใจ
ผู้ดูแลคนใหม่ของศาลาหลิงอวิ๋น อาจกล่าวได้ว่านางเป็นดั่งมังกรที่เห็นหัวไม่เห็นหาง นางเป็นคนลึกลับใช่น้อย โดยปกติแล้วเป็นเรื่องยากที่จะพานพบนางได้ แต่คราวนี้นางกลับมาร่วมงานชุมนุมล่าสัตว์ด้วยตัวเอง!
อวิ๋นเหมิงลี่และจินหมินก็มองไปยังทิศทางนั้นเช่นกัน
แต่ความแตกต่างของทั้งสองคือ จินหมินมองลั่วเหยาด้วยแววตาที่ดั่งตกอยู่ในภวังค์ และทึ่งในความงดงามสะคราญนั้น
ทว่าสิ่งที่อวิ๋นเหมิงลี่ให้ความสนใจ คือชายชรารูปร่างผอมที่อยู่ทางด้านขวาของลั่วเหยา
กลิ่นอายของอีกฝ่ายนั้นไม่ธรรมดา ทั้งมันยังสร้างแรงกดดันมาสู่นางใช่น้อยทีเดียว!
สัญชาตญาณของนางร่ำร้องว่า ชายชราผู้นี้มีความแข็งแกร่งที่ยากหยั่งถึงยิ่งนัก ไฉนบุคคลดังกล่าวจึงมาปรากฏตัวในเมืองฉีซานเล็กๆ แห่งนี้ได้