ตอนที่แล้วบทที่ 50 เจ้าเมืองฉีซาน 
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 52 ชายผู้แข็งแกร่งยากหยั่งถึง

บทที่ 51 เจ้ากล้าเดิมพันกับข้าหรือไม่


เมื่อได้ยินเสียงนั้น หลัวหมิงซานและคนอื่นๆ ก็ขมวดคิ้วแล้วหันมองไปยังต้นทางเสียง

กลิ่นอายคนผู้ที่กำลังขึ้นมาบนหอคอยสูง ช่างแข็งแกร่งยิ่งนัก

คนที่เดินนำอยู่ข้างหน้าเป็นชายชราสวมผ้าไหมและซาติน ใบหน้าเขามีเคราพร้อมผมสีขาวเหนือศีรษะ ถัดจากเขาคือหลินอวิ๋น หลินเซียว และคนอื่นๆ

หลัวเฉิงเหลือบมองโดยบังเอิญ ก่อนพบว่ามีบุคคลหนึ่งที่คุ้นเคยแวบผ่านเข้ามาในดวงตา

ทางด้านซ้ายถัดจากหลินอวิ๋น เป็นชายร่างสูงโปร่ง เขาสวมอาภรณ์หรูหราพร้อมกับแผ่รัศมีอันสูงส่งยิ่ง ชายผู้นั้นคือจินหมิน องค์ชายลำดับแปดแห่งราชวงศ์ต้าเยว่ ที่เขาเคยพบมาก่อนในหุบเขาเมฆาทมิฬ

องค์ชายแปดจินหมินก็ปรากฏเห็นหลัวเฉิงเช่นกัน ทันใดนั้น ใบหน้าอันเคร่งขรึมของเขาก็เผยให้เห็นรอยยิ้มเยือกเย็นที่อำมหิต

ไม่ช้า คนกลุ่มนี้ก็เดินมุ่งตรงไปยังตระกูลหลัว

“หลัวหมิงซาน ถ้าเจ้ามาเร็วขนาดนี้แล้วตระกูลหลัวได้อันดับรั้งท้าย มันจะมิกลายเป็นเรื่องตลกงั้นหรือ”

ชายชราผู้กล่าวเมื่อครู่ คือหลินชางหลางผู้นำตระกูลหลิน อายุเขาดูรุ่นราวคราวเดียวกับหลัวหมิงซาน แต่ดวงตาเขาค่อนข้างลึกและดูเย็นชาทำให้ใบหน้าเคร่งขรึมยิ่ง เขาจ้องหลัวหมิงซานแล้วหัวร่ออย่างภาคภูมิ

หลัวหมิงซานตะคอกกลับด้วยเสียงเย็นชา “ผลการแข่งขันไม่ได้ขึ้นอยู่กับว่าผู้ใดมีเสียงที่ดังกว่า”

หลินชางหลางเหยียดยิ้มเยือกเย็นพลางกล่าวว่า “การมีเสียงที่ดังหาใช่เรื่องไม่ดี นั่นหมายถึงมีพลังและเส้นลมปราณที่แข็งแกร่ง ข้าเกรงว่าบางคนแถวนี้คงไม่มีเรี่ยวแรงจะส่งเสียงด้วยซ้ำ”

ข่าวลือที่ว่าหลัวหมิงซานได้รับบาดเจ็บสาหัส มันแพร่สะพัดไปทั่วเมืองฉีซานอยู่นานแล้ว เมื่อเห็นว่าตนประสบโอกาส หลินชางหลางก็ใช้โอกาสนี้เย้ยยันทันที

“พวกเจ้าดูสิ หลัวหมิงซานและหลินชางหลางทะเลาะกันอีกแล้ว!”

แม้นการโต้เถียงของทั้งสองจะได้รับความสนใจจากผู้คนโดยรอบ แต่พวกเขาก็หาได้รู้สึกแปลกใจแต่อย่างใด

ในบรรดาสามตระกูลหลัก ตระกูลหลัวและตระกูลหลินเป็นศัตรูคู่แค้นที่ชัดเจนสุด ทั้งความขัดแย้งของพวกเขานั้นยังพัวพันกันมาอย่างยาวนาน

เนื่องจาก หลัวหมิงซานและหลินชางหลางเป็นอัจฉริยะรุ่นเดียวกันในเมืองฉีซาน พวกเขาต่อสู้กันอย่างเปิดเผยมาเป็นเวลาหลายสิบปี เมื่อใดพบหน้าก็ประหนึ่งดังว่าเป็นไฟที่พบน้ำ

เมื่อได้ยินวาจาเย้ยหยันของหลินชางหลาง บรรดาคนตระกูลหลัวก็ต่างมีสายตาที่เต็มไปด้วยความโกรธแค้น

ทว่า หลินชางหลางหาได้สนใจสายตาเหล่านั้นไม่ เขามองยังหลัวเฉิงแล้วกล่าวด้วยรอยยิ้มกระหยิ่ม

“เด็กสามคนนี้เป็นตัวแทนตระกูลหลัวของเจ้า ที่จะเข้าแข่งขันในครั้งนี้งั้นหรือ นี่ทำให้ข้ารู้สึกผิดหวังอยู่ไม่น้อยเลยทีเดียว”

หลินอวิ๋นผู้ยืนอยู่ข้างหลังมองยังหลัวเฉิง แล้วกล่าวด้วยถ้อยคำเหยียดหยาม “ตระกูลหลัวไม่มีคนอื่นแล้วงั้นหรือ กระทั่งให้คนไร้ค่าที่ปลุกวิญญาณยุทธ์ขยะขึ้นมาลงแข่งขัน ช่างน่าสมเพชนัก”

หลังพ่นวาจาเช่นนั้น หลินอวิ๋นก็ยิ้มให้จินหมินแล้วกล่าวว่า “องค์ชายแปด ท่านรู้หรือไม่ว่า คนที่มีสายเลือดของตระกูลจีแต่ปลุกวิญญาณยุทธ์ขยะขึ้นมาคือใคร คนผู้นั้นก็คือมันนี่แหละ”

ตลอดหลายวันมานี้ จินหมินอาศัยอยู่ที่โรงเตี๊ยมของตระกูลหลิน และตระกูลหลินเองก็พยายามอย่างเต็มที่เพื่อทำให้เขาพอใจ จะได้สนิทชิดเชื้อกับเขามากขึ้น

“โอ้ เช่นนั้นเองหรือ”

เมื่อได้ฟังคำของหลินอวิ๋น จินหมินก็จ้องหลัวเฉิงด้วยรอยยิ้มพร้อมหรี่ตาเล็กน้อย “ข้าไม่ได้คิดเลยว่าจะได้ฟังเรื่องน่าขันเช่นนี้”

“หลินอวิ๋น หุบปากของเจ้าเดี๋ยวนี้!” หลัวจื่อซิงตะคอกด้วยความโกรธ

แม้แต่หลัวชิงหว่านที่เคยทำตัวสงบอ่อนหวาน บัดนี้กลับมีแววตาที่เกรี้ยวกราดเช่นกัน

“ไยต้องหุบปากด้วยเล่า ในเมื่อข้าพูดความจริง”

จากนั้น หลินอวิ๋นกล่าววาจาเยาะเย้ย “วิญญาณยุทธ์ที่ไม่ถึงกำเนิด ทั้งยังไม่มีดาวแม้แต่ดวง ไม่ให้เรียกว่าคนไร้ค่าแล้วจะให้เรียกว่าอะไร”

หลัวเฉิงมองยังหลินอวิ๋นด้วยสีหน้ารำคาญใจ “ดูท่าเจ้าคงจะมั่นใจมาก ความมั่นใจเป็นสิ่งที่ดี แต่หากฝีมือเจ้าไม่เก่งดั่งปากว่า เกรงมันจะกลายเป็นเรื่องน่าขัน”

หลังได้ยินเช่นนั้น ใบหน้าของหลินอวิ๋นมืดลงเล็กน้อย “เจ้ากล้าดูถูกข้างั้นรึ”

หลัวเฉิงเหยียดยิ้มกล่าวว่า “แล้วอย่างไร เจ้าไม่สนใจเดิมพันกับข้างั้นรึ มาเดิมพันกันดีกว่าว่าฝ่ายใดจะคว้าอันดับหนึ่งของการแข่งขันล่าสัตว์ครั้งนี้”

“ถ้าตระกูลหลัวคว้าอันดับหนึ่ง เจ้าจ่ายให้ข้าสามแสนแปดหมื่นตำลึง แต่หากตระกูลหลินคว้าอันดับหนึ่ง ข้าจะให้เจ้าสามแสนแปดหมื่นตำลึง นอกจากนี้ยังมีอีกเรื่อง ผู้แพ้จะต้องยอมรับว่าเขาเป็นคนไร้ค่าต่อหน้าธารกำนัล ว่าอย่างไร เจ้ากล้าเดิมพันกับข้าหรือไม่”

“ถ้าตระกูลหลัวคว้าอันดับหนึ่งงั้นหรือ” หลินอวิ๋นตกตะลึงทันทีที่ได้ยินสิ่งนี้

กระทั่งผู้คนโดยรอบต่างก็แสดงสีหน้าประหลาดใจเช่นกัน พวกเขาล้วนไม่คิดเลยว่าหลัวเฉิงจะใจกล้าบ้าบิ่นถึงขนาดนี้!

การพ่ายแพ้แล้วสูญเสียเงินนั้นเป็นเรื่องเล็ก แต่หากยอมรับว่าตนเป็นคนไร้ค่าต่อหน้าธารกำนัล คนผู้นั้นจะไม่สามารถเชิดหน้าชูตาในเมืองฉีซานได้อีกตลอดชีวิต!

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด