บทที่ 47 ยาบำรุงพลังเสือ
เมืองเกาฉานตั้งอยู่ติดกับภูเขาป้อมปราการใต้ที่สูงตระหง่าน พระอาทิตย์ยามเช้าของเมืองจะมาช้ากว่าปกติเล็กน้อยและพระอาทิตย์จะตกดินเร็วกว่าด้วยเช่นกัน
ในวันนี้เมื่อท้องฟ้ายามเย็นมืดลง ชายหนุ่มที่ดูโดดเด่นสองคนได้เดินเข้ามาในเมืองก่อนที่ประตูจะปิดลง
หนึ่งในนั้นมีรูปลักษณ์ที่สง่างามและหล่อเหลาพร้อมใบหน้ายิ้มแย้มเป็นกันเอง ส่วนอีกคนสูงสง่าดูทรงพลังและสะพายอาวุธยาวซ่อนอยู่ใต้ผ้าคลุม
สองคนนี้ไม่ใช่ใครที่ไหน ชูเหลียงแห่งฉูซานและยุนเชาเสี้ยนแห่งดารายิ่งใหญ่
เมื่อยุนเชาเสี้ยนได้เชิญชวนให้ชูเหลียงเดินทางไปปราบทูตปีศาจกับเขา ชูเหลียงตั้งใจจะปฏิเสธในตอนแรก แต่ท้ายที่สุดแล้ว หลังจากยุนเชาเสี้ยนได้เห็นเขาใช้ตราประทับหมื่นกระบี่ ความชื่นชมและความเคารพที่มีต่อเขาก็เพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตาม ชูเหลียงยังคงตระหนักถึงความสามารถของตัวเองได้
การต่อสู้นั้นเหมือนจะเกินความสามารถของเขา
อย่างไรก็ตามยุนเชาเสี้ยนยืนยันที่จะโน้มน้าวและแม้กระทั่งสัญญาว่ารางวัลใดๆ ในภารกิจที่เขาได้จะมอบมันให้กับชูเหลียงทั้งหมด ยุนเชาเสี้ยนย้ำว่าสิ่งที่เขาต้องการคือการปฏิบัติภารกิจของนิกายให้สำเร็จด้วยการกำจัดทูตปีศาจเท่านั้น
ทางชูเหลียงเองก็ยังไม่ได้ใช้เครื่องรางหยกในการอัญเชิญอาจารย์ของเขา เท่ากับว่าเขายังมีไม้ตายลับซ่อนอยู่
บางทีด้วยการขัดเกลาและการผจญภัย เขาอาจจะได้รับประสบการณ์ที่ดีไม่มากก็น้อย
แน่นอนว่าเขาไม่ลืมที่จะกลับไปที่ถ้ำของแมวภูเขาตะวันออกซึ่งเขาได้พบกับราชาแมวและนางหมิงที่สดใสอีกครั้ง เขารู้สึกสบายใจหลังจากได้เห็นว่ากลุ่มแมวภูเขานั้นปลอดภัยดี
กลุ่มปีศาจในเทือกเขาอินรินกระจัดกระจายเหมือนนกและสัตว์หลังจากทราบข่าวความพ่ายแพ้ของราชาเสือ
นางหมิงได้แสดงความกตัญญูต่อชูเหลียง และได้กลับมาใช้ชีวิตที่ดีกับเจ้าเมืองหมิงที่คฤหาสน์อันอบอุ่น การกลับบ้านไปเยี่ยมญาติของเธอทําให้เธอถูกบังคับให้แต่งงานใหม่โดยไม่คาดคิดและนั่นทำให้เธอกระตือรือร้นที่จะกลับไปหาความรักที่แท้จริงของเธอ
และเมื่อปัญหาของครอบครัวหมิงได้รับการแก้ไขด้วยดี ชูเหลียงก็ออกเดินทางไปกับยุนเชาเสี้ยน
ส่วนแผนการของยุนเชาเสี้ยนที่จะตามรอยทูตปีศาจ...
เมื่อชูเหลียงถาม ยุนเชาเสี้ยนก็หัวเราะ
"ก่อนหน้านี้เมื่อข้าได้ต่อยเขา ข้าได้ทิ้งบางสิ่งบางอย่างไว้ ข้าฝังคลื่นสวรรค์ซึ่งเป็นเคล็ดลับของนิกายของเราไว้ในตัวเขา
"ข้าสามารถติดตามตำแหน่งของเขาได้สามวัน อย่างไรก็ตามเพื่อหาตำแหน่งที่แน่นอนของเขาด้วยคลื่นเสียงสวรรค์ ข้าต้องรอเสียงสะท้อน ขั้นตอนนี้ต้องใช้เวลาพอสมควรดังนั้นเมื่อเราถึงจุดที่เขาเคยอยู่ เขาอาจจะออกจากจุดนั้นไปแล้ว อย่างไรก็ตามเขาไม่สามารถหลบหนีข้าได้หากเขาหยุดที่ใดสักแห่งเป็นเวลานาน"
"เสียงสะท้อนสุดท้ายของเขาพาผมมายังบริเวณนี้ ถ้าเขาเข้ามาในเมืองจริงเขาอาจจะยังมิได้จากไปเร็วนัก คืนนี้ข้าอาจจะสามารถระบุตำแหน่งที่แน่นอนของเขาได้"
ยุนเชาเสี้ยนพูดและกําหมัดแน่นด้วยความมั่นใจ
ชูเหลียงไม่ได้คาดหวังว่ายุนเชาเสี้ยนจะใช้วิธีการเช่นนี้เป็น เขาจึงรีบกล่าวชื่นชม "พี่ยุน แผนการของท่านช่างชาญฉลาดนัก"
ยุนเชาเสี้ยนยิ้มและตอบทันที "แน่นอน นิการดารายิ่งใหญ่ของเรา ข้าเป็นคนที่มีชื่อเสียงมากในด้านนี้"
ชูเหลียงพยักหน้าเห็นด้วย
ขณะเดียวกัน ชูเหลียง ก็อดเป็นห่วงอนาคตของนิกายดารายิ่งใหญ่ไม่ได้..
...
หลังจากเข้าเมือง กลางวันก็กลายเป็นกลางคืน พวกเขาหาโรงเตี๊ยมแห่งหนึ่งเพื่อพักผ่อน พวกเขาจองห้องสองห้องและตกลงที่จะพบกันอีกครั้งในเช้าวันรุ่งขึ้น
ชูเหลียงไปที่ห้องของเขา เขาล้างตัวและนอนอยู่บนเตียง ในที่สุดเขาก็ได้รับการผ่อนคลายอย่างที่ควรจะเป็น
ก่อนหน้านี้หลังเอาชนะราชาเสือ เขามีเงาสีทองอีกเงาหนึ่งโผล่ออกมาภายในเจดีย์ขาวซึ่งรอเขาอยู่
..ชำระล้าง..
เขาสัมผัสโดยไม่ลังเล
ครืนน
เมื่อแสงเปล่งประกายออกมา ชูเหลียงจึงคว้าเอาไว้ ปรากฏว่ามียาเม็ดสีขาวอยู่ในฝ่ามือของเขา
[ยาบำรุงพลังเสือ: ยาขั้นสูงที่ผสมผสานแก่นแห่งพลังเสือเพื่อเพิ่มพลังของเท่ากับพลังแห่งเสือสิบตัว ช่วยเพิ่มความแข็งแกร่งทางกายภาพ ช่วยปรับปรุงการนอนหลับและฟื้นฟูพลังทางเพศของผู้ชาย]
"ว้าว" ชูเลี่ยงรู้สึกถึงผลของยาและอดอุทานไม่ได้
มันมีพลังมาก
แม้ว่ามันจะดูเหมือนจะมีผลกระทบหลายอย่าง แต่ผลประโยชน์โดยตรงที่สุดคือการฟื้นฟู...
เห็นได้ชัดว่าพลังของเสือจะช่วยเสริมพลังทางกายภาพให้มากพอสมควร
แต่นี่พลังของเสือสิบตัวเลยงั้นหรือ
สิ่งที่ผู้บ่มเพาะจากแนวคิดทั้งสามแตกต่างจากผู้ฝึกศิลปะการต่อสู้คือบ่มเพาะจะมุ่งเน้นไปที่การสร้างความเข้มแข็งของร่างกายในระดับการฝึกฝนแรกแรก ระดับแห่งการปรับแต่งร่างกายและระดับที่หกระดับแห่งการตื่นรู้
อย่างไรก็ตาม ในระดับที่หกระดับของการตื่นรู้มิได้เน้นการฝึกความแข็งแรงทางกายภาพเท่านั้น ตรงกันข้าม เป้าหมายของมันคือการฉีดคุณสมบัติทางจิตวิญญาณที่เป็นเอกลักษณ์เข้าไปในร่างกาย
ดังนั้นตลอดการฝึกฝน จุดที่เน้นความแข็งแกร่งทางกายภาพมากที่สุดมักจะเกิดขึ้นในระดับแรก
โดยธรรมชาติแล้ว หลังจากที่เส้นตันเถียนราบรื่นแล้ว ตราบใดที่ระดับการฝึกฝนสูง ความแข็งแกร่งก็จะมากขึ้น
แต่อย่างไรก็ตาม มันก็ยังไม่ใช่พลังกายที่บริสุทธิ์
ผู้ฝึกตนหลายคนที่มาถึงระดับการบ่มเพาะเต๋าสามารถย้ายภูเขาได้อย่างง่ายดาย อย่างไรก็ตาม หากมิได้มีการใช้ชี่ใดๆ ความแข็งแกร่งทางกายภาพของพวกเขาอาจมิได้ต่างจากผู้ฝึกตนระดับก่อนหน้ามากนัก
และด้วยพลังแห่งเสือทั้งสิบเมื่อกินยาเม็ดนี้ พลังดิบของชูเหลียงอาจเหนือกว่าผู้ฝึกศิลปะการต่อสู้หลายคนเลยทีเดียว
สำหรับผู้ฝึกศิลปะการต่อสู้การใช้ยาเพิ่มความแข็งแรงนี้อาจต้องพิจารณาอย่างรอบคอบ การได้มาซึ่งอำนาจจากภายนอกอาจควบคุมได้ยากและอาจทำให้ศักยภาพที่แท้จริงของคนคนนั้นสลายไป
อย่างไรก็ตาม ชูเหลียงไม่ใช่ผู้ฝึกศิลปะการต่อสู้โดยตรง ดังนั้นการได้พลังนี้มาจึงเป็นเหมือนโชคลาภของเขา เขาไม่ต้องสนใจว่าอนาคตในสายกายภาพของเขาจะเป็นอย่างไร เขาก็เลยมิไม่ได้คิดอะไรมากมายนัก
หลังจากครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งเขาก็ไม่ลังเลที่จะกลืนยาบำรุงพลังเสือลงไป
..ว้าว!
หลังจากกลืนยาเข้าไป พลังงานร้อนรุ่มก็พวยพุ่งออกมาจากท้องของเขา ไหลผ่านแขนขาไปทั่วร่างกาย
ข้อต่อตามร่างกายของชูเหลียงส่งเสียงระเบิดเป็นชุดๆ จนกระทั่งหมดสติไป
"อ๊ะ!"
สักพักชูเหลียงก็ตะโกนและลืมตาขึ้น
เขาถูกครอบงําด้วยความกระหายน้ำอย่างรุนแรง เขาเหงื่อออกทั้งตัวราวกับพึ่งออกกำลังกายมาอย่างหนัก ความผิดปกตินี้ทำให้เขาไม่รู้ตัวเลยว่าร่างกายของเขาได้เปลี่ยนแปลงไปแล้ว
ชูเหลียงได้ลุกขึ้นเทน้ำใส่จอกให้ตนเอง อย่างไรก็ตาม ขณะที่เขาใช้มือซ้ายจับจอกดินเผาตรงหน้าอย่างเร่งรีบ.. โพล๊ะ!
จอกน้ำชาดินเผาสีขาวแตกเป็นชิ้นๆ จนน้ำกระจายใส่กางเกงของชูเหลียง
..หือ
เมื่อรู้สึกถึงพลังของฝ่ามือที่เปลี่ยนไป เขาจึงคิดได้ว่าการที่เขาได้ถือจอกด้วยพลังที่คิดว่าเป็นปกติมาตลอดนั้นได้บดขยี้จอกใบนั้นไปแล้ว
พลังที่เพิ่มขึ้นหลังจากยาดูเหมือนจะควบคุมไม่ง่ายเลย
เห็นได้ชัดว่าเขาต้องการเวลาในการปรับตัวให้เข้ากับพลังใหม่นี้
ช่วงนี้เขาต้องระมัดระวังมากๆ โดยเฉพาะเวลาล้างหน้าหรือตบหน้า..
ขณะที่เขากําลังคิดอยู่ ทันใดนั้นเขาก็ได้ยินเสียงถามอย่างใจจดใจจ่อมาจากข้างนอกว่า "ท่านชู ท่านเป็นอะไรหรือไม่"
คนที่ยืนอยู่นอกประตูคือยุนเชาเสี้ยน
ชูเหลียงเปิดประตู “ท่านยุน มีอะไรหรือ”
"ข้าได้ยินท่านตะโกน" ยุนเชาเสี้ยนเริ่มอธิบาย แต่เมื่อเขาพูด เขาก็สังเกตเห็นสภาพของชูเหลียง
เขาได้ยินเสียงคํารามที่สดใสและทุ้มต่ำมาจากห้องข้างๆ ซึ่งกระตุ้นให้เขาต้องรีบมาตรวจสอบว่าเกิดอะไรขึ้น
อย่างไรก็ตาม เมื่อเห็นชูเหลียงเหงื่อออกทั้งตัว หายใจถี่ สีหน้าอิดโรย กางเกงยังมีคราบน้ำโดยไม่ทราบสาเหตุ.. ยุนเชาเสี้ยนก็เข้าใจสถานการณ์อย่างรวดเร็ว
สีหน้าของเขาเริ่มอึดอัด "ท่านชู ข้าโทษที่รบกวน" เขาขอโทษทันทีและหันไป
"เอ๊ะ.. ช้าก่อน" ชูเหลียงรีบไปเรียกเขากลับมา แต่ก็ทําไม่สําเร็จ
และทันใดนั้น ชูเหลียงก็รู้สึกสั่นเล็กน้อยในกระเป๋าของเขา
ความคิดของชูเหลียงจดจ่อไปอย่างรวดเร็ว
เหรียญผู้ปราบวิญญาณที่เขาได้มาจากชายยุดดำมีปฏิกิริยาบางอย่าง!