บทที่ 30 กลืนกลินวิญญาณ
ฉี้อี้ซวนขมวดคิ้วด้วยอาการมึนหัวหลังจากที่ชื่อของเขาถูกเรียกโดยเซงรูลูกพี่ลูกน้องของเขา น่าหงุดหงิดยิ่งกว่าหลูมู่หยานเสียอีก
เขาเหลือบมองไปที่หลูมู่หยาน ก่อนจะพบว่าสายตาที่นางมองไปทางเซงรูนั้นมีแต่ความขยะแขยง เขามองไปที่ถ้วยชาที่อยู่ตรงหน้า และแกล้งทำเป็นไม่ได้ยินเสียงเรียกเมื่อครู่
หลูมู่หยานในตอนนี้เป็นเหมือนร่างที่ส่องสว่าง สว่างเสียจนเขาไม่สามารถละสายตาออกจากนางได้ เหมือนถูกดึงดูดอย่างช่วยไม่ได้ รวมไปถึงเรื่องของเซงรูที่นางต้องเผชิญอีกด้วย
เซงรูยังคงอ้อนวอนไปที่องค์หญิงเจ็ดและกู่ยันรัน ทว่าพวกนางทั้งสองไม่ได้สนใจอะไรเซงรู นั่นทำให้นางถึงกับต้องหลั่งน้ำตาออกมาด้วยความกังวล
ยามที่นางกำลังจะถูกลากออกไป พลันเซงรูก็ต้องการระบายความโกรธที่สุมอยู่ในอก นางบอกไปที่หลูมู่หยานและพูดคำว่า “หลู...” ยังไม่ทันที่จะพูดได้จบประโยคนางก็ถูกทหารรักษาพระองค์ลากออกจากห้องส่วนตัวทันที
“ในที่สุดก็เรียบร้อยเสียที” เสี่ยวเซียงเห็นด้วยว่าเซงรูนั้นน่ารำคาญมากเพียงใด
กู่ยันรันละสายตาจากประตูและมองไปที่ฉีอี้ซวน ก่อนจะสังเกตได้ถึงความไม่แยแสหรือเดือดเนื้อร้อนใจอะไร พร้อมกับคิดว่าหากผู้ที่ลูกลากออกไปเป็นตัวนางเอง ฉี้อี้ซวนจะปกป้องนางหรือไม่?
เล็บสีชมพูสวยฝังเขาไปในฝ่ามือหลังจากที่นางกำมันแน่น นางแน่ใจว่าอย่างไรเสียนางเองยังเชื่อว่า ฉีอี้ซวนนั้นรักนาง
ดวงตาจของนางเริ่มเต็มไปด้วยความชั่วร้าย จะเกิดอะไรขึ้นหากหลูมู่หยานสามารถบ่มเพาะพลังได้? ก่อนจะปล่อยให้ถึงการแข่งขันของสถาบันเพื่อรอดูว่านางจะหยิ่งผยองได้มากเพียงใด
“ลูกพี่ลูกน้อง หลังจากที่เจ้ากลับไปปรับแต่งวิญญาณอสูรในโล่นี้ หลิงเป่าจะจำได้เองว่าเจ้าเป็นนาย” หลูมู่หยานกระซิบบอกหยุนหลัน
หยุนหลันวางโล่ในมือก่อนจะตอบกลับไปว่า “รับทราบ” แต่ทว่าเรื่องนี้ก็ยังไม่สมควรจะพูดไปมากกว่านี้ ตรงนี้
หลังจากที่หยุนหลันเสร็จสิ้นจากการสื่อสาร เขาก็เห็นว่าหนี่จุนขึ้นไปบนเวทีแล้วเพื่อเริ่มการประมูลรอบใหม่
“ตอนนี้เรากำลังจะเริ่มการประมูล ข้าเชื่อว่าทุกท่านจะต้องถูกล่อลวงอีกแน่” หลังจากที่หนี่จุนกล่าว เขาก็ยิ้มและปรบมือออกมา
จากนั้นผู้ดูแลก็ถือบางอย่างไปที่เวทีประมูล หนี่จุนเปิดผ้าคลุมสีแดง ทุกคนที่อยู่ในห้องประมูลเห็นเป็นอสูรร้ายสีขาวเงินตัวเล็ก ๆ ในกรงสี่เหลี่ยมที่จุดเล็ก ๆ สีสันสดใสบนหน้าผาก เรือนขนของมันมีสีดีเพลิงที่ลูกโชน ทุกคนเห็นได้ทันทีว่ารายการประมูลนี้เป็นลูกของอสูร แต่หลายคนก็ไม่รู้ว่าคือตัวอะไร
“อสูรชนิดนี้คืออะไร? ไม่เคยเห็นมาก่อน” ผู้เข้าร่วมประมูลผู้หนึ่งเอ่ยถามด้วยความสงสัย
“เดี๋ยว ความแข็งแกร่งระดับสอง ลูกอสูรตัวนี้อยู่ในระดับสอง ต้องไปถึงระดับห้าหรือหกเมื่อโตขึ้น”
“ห้าหรือหก? นี่มันคุ้มค่าที่ประมูล”
“...”
การสนทนาเบื้องล่างยังคงไม่สิ้นสุด หนี่จุนเองที่เห็นว่าอารมณ์ของทุกคนถูกกระตุ้น เขายิ้มออกมาก่อนจะเอ่ยว่า “นี่คือมิงค์เมฆไฟรุ่นเยาว์ แม้พลังการต่อสู้จะไม่ได้แรง แต่ประสาทสัมผัสของกลิ่นนั้นไวมาก และหญ้าวิญญาณรวมไปถึงหินวิญาณสามารถเข้าถึงอสูรระดับห้าได้เมื่อโตเต็มที่”
แม้ว่าอสูรตัวนี้จะไม่ได้แข็งแรงในพลังการต่อสู้ แต่ความสามารถในการค้นหาหญ้าวิญญาณ และหินวิญญาณก็ดึงดูดความสนใจของผู้ที่ทรงพลังมากมาย ปรมจารย์ดาบหลายท่านที่มีเงินหนาพอที่จะประมูล เริ่มมีประกายและพร้อมที่จะเสนอราคาทันที
หลูมู่หยานก็เช่นกัน สิ่งที่นางสนใจในลูกอสูรตัวนี้ไม่ใช่แค่ความสามารถในการหาหญ้าวิญญาณเท่านั้น แต่นางตระหนักดีว่ามันเป็นอสูรร้ายกลายพันธ์ของราชวงศ์ … สัตว์วิญญาณ
แม้ว่าอสูรตัวนี้จะมีลักษณะคล้ายกับเมฆอัคคี แต่มันก็มีความสามารถที่คล้ายกันแค่ในช่วงแรก ทว่าตราบใดที่ไปถึงระดับหก มันจะสามารถปลดล็อกเลือดในร่างกาย และบันดาลให้เลือดได้รับการสืบทอด ตอนนั้นมันจะเป็นอสูรร้ายที่กลืนกินวิญญาณอย่างแท้จริง
อสูรกลืนกินวิญญาณในโลกวิญญาณเดิมของหลูมู่หยาน พวกมันเป็นสัตว์ประหลาดระดับราชาที่ปกครองอาณาจักรอสูร และมูลค่าของมันเทียบไม่ได้เลยกับฮั่วหยุนเตียว
ทว่าเมื่อพิจารณาจากสถานการณ์ปัจจุบันแล้ว ทุกคนที่อยู่ที่นี่อาจจะไม่รู้จักตัวตนที่แท้จริงของมัน นางคิดว่ามันจะต้องถูกประมูลไปในราคาที่สูงลิ่ว
“ข้าเชื่อว่าทุกท่านมีราคาในใจอยู่แล้วสำหรับอสูรตัวนี้ ฉะนั้นข้าจะไม่พูดอะไรมากไปกว่านี้แล้ว การประมูลกำลังจะเริ่มขึ้น ราคาของมันอยู่ที่หนึ่งล้านเหรียญทอง”
“สองล้าน”
“ห้าล้าน”
“สิบล้าน”
“...”
กู่ยันรันรู้สึกตื่นเต้นไปกับการเสนอราคาประมูลยกเว้นหลูมู่หยาน พวกเขาเสนอราคาไปไม่เท่าไหร่ ราคาประมูลก็สามารถปิดไปได้อย่างรวดเร็ว ราคาของลูกอสูรตัวนี้ถูกขายไปที่ “ยี่สิบแปดล้าน” โดยผู้เข้าร่วมที่อยู่ในห้องถัดไป
“สามสิบล้าน” เสียงของหลูมู่หยานทำให้ทุกคนในห้องส่วนตัวตกตะลึง
“หลูมู่หยาน เจ้าบ้าหรือเปล่า?!” หยุนจินพูดอย่างตกตะลึง “นี่คือสามสิบล้านเหรียญทอง อย่าเสนออะไรถ้าเจ้ารับไม่ได้ เพราะผลที่จะตามมามันร้ายแรงมาก อย่างเบาก็คือขา แขนหักหรือว่ามือ หอการค้าพันธมิตรแห่งรัตติกาลจะไม่ยอมเจ้าแม้ว่าจะเป็นสตรีจากคฤหาสน์นายพล”
“มู่หยาน ระวัง” ครั้งนี้แม้แต่หยุนหลันก็ไม่พอใจในการกระทำของหลูมู่หยาน
ตอนนี้หลูมู่หยานไม่มีเงินเลย และเขาก็ไม่ได้เหลือเงินอะไรมากมายไม่เพียงพอต่อการประมูลอสูรตัวนี้ และถ้าเป็นเช่นนั้นก็จะต้องถูกลงโทษโดยหอการค้าหมิงเหมิงสำหรับการเสนอราคาที่เกินตัว
ฉีอี้ซวนขมวดคิ้ว ก่อนจะเอ่ยตำหนิอย่างอดไม่ได้ “หอการค้าหมิงเหมิงไม่ใช่สิ่งที่เจ้าจะลองดี อย่าสร้างปัญหา”
“ใช่! เจ้าและข้าได้เตาหลอมมาแล้ว ข้าไม่ได้สนใจอะไรมัน แต่การที่เจ้าเสนอราคาประมูลตามอำเภอใจแบบนี้ ความโกรธของผู้ที่แข็งแกร่งไม่ใช่สิ่งที่เจ้าจะทนได้” เสี่ยวเซียงอดไม่ได้ที่จะเอ่ยเตือน ผู้ที่อยู่ในห้องถัดไปและเป็นผู้ที่ถืออสูรตัวนี้คือจักรพรรดิดาบผู้แข็งแกร่ง
หยุนหลันพูดเสริมอย่างไม่เต็มใจว่า “แม้ว่าท่านปู่และท่านพ่อของเจ้าจะจากไป พวกเขาก็อาจจะรักษาเจ้าไว้ไม่ได้”
องค์หญิงเจ็ดที่นั่งอยู่เพียงแค่ชำเลืองมองไปยังหลูมู่หยานด้วยความอยากรู้อยากเห็น แต่นางก็ไม่ได้เอ่ยอะไรออกไป เพียงแต่คิดว่าหลูมู่หยานไม่น่าเป็นคนหุนหันพลันแล่นเช่นนี้
ตอนนี้ราคาประมูลยังคงขึ้นไปอย่างต่อเนื่อง เสียงจากผู้ประมูลห้องข้าง ๆ ก็ตะโกนขึ้นมาว่า “สามสิบห้าล้านเหรียญ” หลายคนในห้องเริ่มโล่งใจเมื่อมีผู้เสนอราคาเพิ่มขึ้น มีเพียงแต่กู่ยันรันเท่านั้นที่หวังว่าหลูมู่หยานจะยังเสนอราคาต่อ เพราะนางอยากเห็นขยะไร้ค่าผู้นี้ถูกลงโทษ
แน่นอนว่าหลูมู่หยานก็ไม่ทำให้ผิดหวัง
“สี่สิบล้าน”
“ข้าจริงจัง ข้าไม่ได้วุ่นวายหรือสร้างปัญหา ในเมื่อข้ากล้าเสนอราคา ข้าย่อมยอมรับผลที่ตามมา” หลูมู่หยานมองหน้าผู้คนที่อยู่ภายในห้องด้วยสีหน้าที่จริงจัง สำหรับสายตาของกู่ยันรันที่มองว่าเป็นเรื่องตลกนั้น นางไม่ได้ใส่ใจเลย
เมื่อเห็นว่าหลูมู่หยานมีความมุ่งมั่นเพียงใด หยุนหลันและคนอื่น ๆ ก็แสดงความไม่พอใจ แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรไปมากกว่านี้
“สี่สิบสามล้าน” ห้องส่วนตัวข้าง ๆ ยังคงเสนอราคาต่อไป
“สี่สิบห้าล้าน” หลูมู่หยานเอ่ย
“ราคาสูง ห้าสิบล้าน” เสียงตะโกนดังออกมาจากร้านขนมปัง
“หกสิบล้าน” เมื่อหลูมู่หยานเสนอราคา ผู้เข้าร่วมประมูลก็พากันตกใจ ตัวเลขนี้ไม่ใช่สิ่งที่คนธรรมดาเสนอได้
หยุนหลันคิดว่าฐานราคานี้น่าจะเป็นจำนวนจำกัดของผู้ที่อยู่ในร้านขนมปังแล้ว
แม้ว่ามิงค์ฮั่วหยุนจะสามารถค้นหาหญ้าวิญญาณ และหินวิญญาณได้ แต่สภาพแวดล้อมที่หญ้าวิญญาณและหินวิญญาญเติบโตเป็นสถานที่อันตราย ฉะนั้นพรสวรรค์ของมิงค์ฮั่วหยุนซึ่งไม่ได้แข็งแกร่งในการต่อสู้จึงดูจืดชืดไปนิดหน่อย ราคาหมื่นเหรียญทองนั้นสูงเกินกว่าที่ใครจะรับไหว
“เพื่อนตัวน้อยที่อยู่ในห้องตรงข้าม อสูรตัวนี้มีความสำคัญต่อชายชรามาก หากเจ้าถอย ชายชราเป็นหนี้บุญคุณเจ้า” เสียงชายชราดังขึ้นมาจากห้องตรงข้าม วันนี้เขามาที่หยานโจวโดยบังเอิญ และรีบร้อนมากจนพกเหรียญทองติดตัวมาเพียงหกสิบล้านเหรียญเท่านั้น