บทที่ 28 ภายใน
เสียงของหนี่จุนดับความวุ่นวายของผู้คนส่วนใหญ่ เขาถือโล่วิญญาณที่ยอดเยี่ยมแต่กลับใช้ไม่ได้ แล้วทำไมถึงต้องซื้อ? หาความเดือนร้อนใส่ตัวเองหรือ?
“ตามที่ท่านบอก ไม่มีประโยชน์อะไรที่จะประมูล” พวกเขาไม่เชื่อว่าจะมีเรื่องของโชคชะตา โล่นี้คงมีแต่ข้อบกพร่องเท่านั้น
“ใช่ ข้าขอลองก่อนได้หรือไม่? ถ้าดีข้าจะซื้อภายหลัง” ผู้ประมูลบางคนยังเชื่อในโล่ และอยากทดลองใช้
จากนั้นความสงสัยก็ยิ่งเพิ่มขึ้น แน่นอนว่าบางคนไม่ยอมแพ้ที่จะทดสอบโล่นั้นด้วยตัวเอง หากพวกเขาสามารถควบคุมได้ ก็ยินดีที่จะประมูลมัน
หนี่จุนดูเหมือนจะคาดเดาได้ว่าสถานการณ์จะเป็นเช่นนี้ เขาค่อย ๆ พูดต่อไปว่า “เกรงว่าการทดลองคงเป็นไปไม่ได้ เพราะมูลค่าโล่นั้นสูงมาก แต่สามารถซื้อคืนได้หากรับความเสี่ยงถ้าท่านไม่สามารถใช้ได้ การซื้อหรือไม่นั้นขึ้นอยู่กับตัวเลือกของท่านเอง หอการค้าหมิงเหมิงของเราไม่ได้จะเย้ยเหยียดชื่อเสียงอะไร”
“โล่ชิ้นนี้ได้มอบหมายให้ประมูลโดยลูกค้าเก่า เขาไม่อนุญาตให้ผู้ประมูลทดสอบโล่ ทว่าหากผู้ประมูลซื้อไปแล้วและรับความเสี่ยงที่คาดเดาไม่ได้ เขาก็ยินดีที่จะซื้อคืน” แม้ว่าคำพูดของหนี่จุนจะทำให้ใครหลายคนไม่พอใจ แต่ทว่าก็ไม่มีใครกล้ายั่วยุ
“มูลค่าของโล่นี้ขึ้นอยู่กับการประเมินของแต่ละท่าน ตอนนี้การประมูลได้เริ่มขึ้นอย่างเป็นทางการแล้ว โดยมีราคาเริ่มต้นอยู่ที่ ห้าแสนเหรียญทอง” หนี่จุนเริ่มเสนอราคาขั้นต่ำ หากโล่นี้ไม่มีข้อเสีย เห็นทีราคาคงจะเริ่มไม่ต่ำกว่าสามล้านเหรียญทองหมึก
“หกแสน”
“เก้าแสน”
“…”
แม้ว่าหลาย ๆ คนอาจจะยังมีอะไรบางอย่างในใจ แต่อาวุธชิ้นนี้เป็นอาวุธป้องกันที่ยอดเยี่ยม และยังทำขึ้นโดยปรมจารย์หยาน ทำให้ยังมีผู้ประมูลอยู่
เมื่อราคาประมูลโล่ของปรมจารย์หยานถึงเก้าล้าน หลูมู่หยานเห็นความลังเลที่เกิดขึ้นกับหยุนหลัน ก่อนจะเอ่ยว่า “ลูกพี่ลูกน้อง โล่นี้คุ้มค่ากับการยิงของเจ้าแน่นอน”
“หลูมู่หยาน ของที่มีข้อบกพร่องเยอะขนาดนี้ไม่คุ้มกับการจ่ายสิบล้านเหรียญทองหรือมากกว่านั้น ยังมีอาวุธทางจิตวิญญาณอีกมาก อลันสามารถเลือกอันที่ใช้งานดีกว่าได้” หยุนหลัวเอ่ยปราม เมื่อเห็นว่าหลูมู่หยานเริ่มยุยง เขาขมวดคิ้วเล็กน้อยด้วยความไม่พอใจ
ดวงตาของหลูมู่หยานเริ่มส่องประกาย นางไม่ได้หันไปหาหยุนหลัวแต่อย่างใด แต่กลับหันไปที่หยุนหลันแทนและพูดว่า “ลูกพี่ลูกน้อง เจ้าต้องเชื่อในความรู้สึกตัวเอง”
หยุนหลันยังคงลังเล ปกติแล้วเขามักจะซื้อโล่อยู่แล้ว และโล่นี้ก็ให้ความรู้สึกที่ลึบลับ แต่สิ่งที่หยุนหลัวพูดก็เป็นความจริงเช่นกัน ฉะนั้นเขาจึงจำเป็นต้องรอบคอบอย่างมาก
ทว่า เมื่อได้ยินเสียงของหลูมู่หยาน เขาเองก็เริ่มกระจ่างแจ้งในทันที
“สิบล้าน”
“หยุนหลัน ข้าคิดว่าวันนี้ใจของเจ้าถูกครอบคลุมจริง ๆ” ใบหน้าของหยุนหลัวแสดงความไร้เดียงสาออกมาเล็กน้อย หยุนหลันในวันนี้ไม่มีเหตุผลจริง ๆ เขายืนหยัดกับความบ้าคลั่งของหลูมู่หยานมากเกินไป
หยุนหลันคลี่ยิ้มออกมา เขารู้สึกว่าลูกพี่ลูกน้องของเขากำลังทำในสิ่งที่จะเป็นประโยชน์ต่อตัวเขาเอง แต่เขาก็ไม่รู้ว่าทำไม เขาถึงอดไม่ได้ที่จะเชื่อในความมั่นใจของหลูมู่หยาน
“สิบสองล้าน” เสียงเสนอราคาจากอีกห้องดังขึ้น
“สิบสามล้าน” หยุนหลันยังคงสู้ต่อไป
“สิบสี่ล้าน” อีกฝ่ายยังคงไม่ยอมแพ้
“สิบห้าล้าน” นี่คือจำนวนเหรียญมองหมึกที่หยุนหลันเหลืออยู่ แต่เขาคิดว่าไม่เป็นไร เพราะหลังจากที่เขาเสนอราคานี้ไปแล้วก็ไม่มีใครเสนอต่อจากเขา
ท้ายที่สุดหยุนหลันก็ได้โล่นี้ไปในราคาสิบห้าล้านเหรียญทองหมึก ทว่าทั้งฉีอี้ซวนและเสี่ยวเซียงต่างก็ไม่เห็นด้วยในการตัดสินใจนี้ แต่มันก็เป็นสิ่งที่หยุนหลันเลือก ความเอาแต่ใจของหลูมู่หยานนั้นมากขึ้นจริง ๆ
หยุนจินที่นั่งตรงกับคนอื่น ๆ ยิ้ม และมองไปที่หลูมู่หยาน ก่อนจะเอ่ยถามว่า “โล่นี้มีอะไรที่ผิดปกติหรือไม่?”
“ฉลาด” หลูมู่หยานค่อนข้างประหลาดใจ แม้แต่หยุนจินก็เชื่อในตัวนาง ก่อนที่นางจะพยักหน้ากลับไปอย่างอารมณ์ดี
“ทำไมล่ะ? ไปฟังมาเหรอ?” หยุนจินยังคงถามต่อไป
“อีกสักพักข้าจะรู้” หลูมู่หยานขี้เกียจเกินกว่าจะอธิบายอะไร หลังจากนั้นไม่นานคนจากหอการค้าจะรู้เมื่อส่งโล่มา
หยุนจินไม่ได้พูดอะไรต่อจากนั้น และเขาเองก็คิดว่าคำตอบกำลังจะถูกเปิดเผย
สายตาของกู่ยันรันมีทั้งความยินดีและเย้ยหยัน นางไม่เชื่อว่าหลูมู่หยานจะสัมผัสได้ถึงความผิดปกติในโล่ ทั้งหมดที่นางทำก็เป็นเพราะต้องการเรียกร้องความสนใจจากฉีอี้ซวน แต่หลูมู่หยานก็โง่เกินกว่าจะรู้ว่าอี้ซวนจะเป็นคนสุดท้ายที่จะสนใจ กู่ยันรันชอบในพฤติกรรมเหลวไหลของหลูมู่หยาน
เซงรูเองก็ปล่อยเสียงหัวเราะออกมาเบา ๆ แต่เมื่อเห็นท่าทีของหยุนหลัน นางก็รีบเก็บความรู้สึกเย้ยหยันเอาไว้ในใจ และความรู้สึกเกลียดหลูมู่หยานก็มีมากขึ้น
หยุนหลัว และเสี่ยวเซียงก็เหลือบมองกันและกัน พวกเขาไม่เชื่อคำพูดของหลูมู่หยาน และหวังว่าต่อจากนี้หยุนหลันจะได้บทเรียนสักที และเลิกตามใจลูกพี่ลูกน้องไร้ค่า ไร้ยางอายคนนี้
หลูมู่หยานมองเห็นการกระทำของทุกคน แต่ก็ไม่ได้สนใจอะไรมากนัก นางสนแค่เพียงคนที่เห็นคุณค่านาง ส่วนคนอื่น ๆ นางไม่ได้แยแสอะไร
เมื่อหลูมู่หยานเหลือบมองไปที่ใบหน้าของหยุนซิน นางเห็นรอยยิ้มที่อ่อนโยน แผนการของสตรีผู้นี้ลึกซึ้งนัก นางไม่เพียงแต่มองใบหน้าที่เต็มไปด้วยอารมณ์และความโกรธ สตรีผู้นี้เหมือนสตรีที่ได้รับการบ่มเพาะมากจากราชวงศ์จริง ๆ
จากนั้นเสียงเคาะประตูก็ดังขึ้น
รายการประมูลของหอการค้าหมิงเหมิงจะเน้นการตรวจสอบภายในสถานที่ และจะทำการซื้อขายด้วยบัตรคริสตัลทั้งหมด โดยการประมูลจะแบ่งออกเป็นหลายรอบ ซึ่งหลังจากการประมูลรอบแรก ผู้ประมูลจะปล่อยให้ผู้เข้าร่วมพักประมาณสิบห้านาที หลังจากแลกเปลี่ยนเสร็จแล้วเรียบร้อยการประมูลในรอบที่สองก็จะดำเนินต่อไป
คนที่ส่งเสี่ยวตุนเข้าไปในห้องส่วนตัวคือเหรัญญิกหลู่ สำหรับผู้อาวุโสของราชวงศ์แต่ละประเทศนั้นหอการค้าหมิงเหมิงได้มีการร่วมมือและติดต่อกันอย่างลับ ๆ หยุนหลันเองก็เป็นหลายชายคนโปรดของจักรพรรดิหยานโจว ซึ่งสามารถเป็นคนต้นเรื่องให้เกิดความสัมพันธ์ที่ดีกับหอการค้าหมิงเหมิงได้
“องค์ชายสาม สิ่งนี้คืออาวุธจิตวิญญาณที่ท่านประมูลไว้ สามารถตรวจสอบได้เลยขอรับ” เจ้าของร้านหลู่หยิบถาดจากคนรับใช้ที่อยู่ด้านหลังเขา ก่อนจะส่งให้กับหยุนหลัน
หยุนหลันยิ้ม ก่อนจะพยักหน้ารับ “ขอบคุณท่านเหรัญญิกหลู่ ข้าจะไปที่นั่นด้วยตัวเอง”
หลังจากพูดจบ หยุนหลันก็เอื้อมมือไปหยิบโล่ขนาดเท่าฝ่ามือ ก่อนจะถ่ายเทพลังเข้าสู่โล่ เป็นไปตามที่หนี่จุนทำให้เห็นก่อนหน้านี้ แสงสีทองก็ค่อย ๆ กระจายออกเป็นวงกลม ไม่มีอะไรต่อจากนั้น
เมื่อเห็นสิ่งนี้ เจ้าของร้านหลู่ก็ยิ้มออกมา พร้อมกับเอ่ยเตือนว่า “โล่นี้ได้รับการระบุว่าเป็นอาวุธทางจิตวิญญาณที่ดีที่สุด เพราะมันไม่สามารถควบคุมได้ หากองค์ชายสามสามารถควบคุมได้ พลังของมันจะไม่ได้จำกัดเพียงแค่อาวุธจิตวิญญาณเท่านั้น”
ทว่าของประมูลเทือกนี้ขึ้นอยู่กับโชคชะตา หากสามารถหาวิธีควบคุมได้มูลค่าของมันจะมากกว่าที่ประมูลหลายเท่า
“ไม่เป็นไร ข้ายังรับความเสี่ยงนี้ได้” สีหน้าของหยุนหลันยังคงเดิม ไม่ได้เปลี่ยนแปลง เขารู้ว่าโล่นี้ไม่ง่าย แต่กลังจากที่ได้มาแล้วเขาเองก็จะต้องศึกษามันอย่างระมัดระวัง
“หลูมู่หยาน เจ้าไม่ได้บอกว่าโล่นี้มันแปลก และก็ปล่อยให้องค์ชายสามรับไปงั้นหรือ?” เซงรูเอ่ย “ตอนนี้องค์ชายสามไม่สามารถใช้โล่นี้ได้ เจ้ามีวิธีแก้ไขอย่างไรหรือ?”
เมื่อสิ้นเสียง ทุกคนก็จับจ้องไปที่หลูมู่หยานทันที
ความเยือกเย็นถูกถ่ายทอดออกมาจากดวงตาของหยุนหลัน ทั้งกู่ยันรัน และเซิงรูที่มองไปที่กันและกัน ทำให้เขาเพิ่งรู้ว่าตระกูลกู่นั้นเริ่มยโสมากขึ้นเรื่อย ๆ เพราะเป็นที่โปรดปรานนางสนมของจักรพรรดิ ส่วนเซิงรูนั้นก็ถือตัวมาก แถมการศึกษาก็ยังแย่ ดูเหมือนว่าจะถึงเวลาของตระกูลเซงที่จะเปลี่ยนเจ้าของแล้ว