บทที่ 27 วิญญาณของสัตว์ร้าย
หลังจากที่เสี่ยวเซียงเสนอราคาประมูล ทุกคนที่อยู่ในห้องก็หันไปสนใจหลูมู่หยานเป็นตาเดียว
หยุนหลันเห็นดวงตาของหลูมู่หยานเหมือนกับกำลังครุ่นคิดอะไรบ้างอย่าง เขาหลับตาก่อนเอ่ยถามว่า “มู่หยานต้องการเตาหลอมยานี้หรือไม่?”
อ่าาาา
หลูมู่หยานพยักหน้าตอบ ก่อนจะหลุบสายตาลง
“งั้นเดี๋ยวข้าจะประมูลให้” หยุนหลันไม่เคยได้ให้อะไรลูกพี่ลูกน้องของเขามาก่อน เมื่อเห็นว่าหลูมู่หยานสนใจสิ่งอื่นนอกเหนือจากฉีอี้ซวนแล้ว เขาก็ตัดสินใจว่าจะเอาเตาหลอมยานั้นให้นาง
หลูมู่หยานประหลาดใจเล็กน้อย นางไม่คิดมาก่อนเลยว่าลูกพี่ลูกน้องของนางจะใจกว้างขนาดนี้ แต่เมื่อเห็นถึงความตั้งใจจริง ๆ ของหยุนหลันแล้วนางก็ได้แต่คิดในใจว่า “ตกลง! แต่ข้าก็ไม่ได้ยินดี”
“สามล้านหก
แสน” หยุนหลันยิ้ม ก่อนจะพยักหน้า
“สี่ล้าน” เสียงเสนอราคาจากผู้ที่อยู่ถัดไปอีกห้องก็ดังขึ้น
เสี่ยวเซียงมองไปที่หยุนหลัน “เจ้ามียังคนที่อยู่ตรงข้าม ไร้เดียงสาเหลือเกิน”
“ข้าจำได้ว่าเตาหลอมยาที่อาจารย์ของเจ้ามอบให้นั้นอยู่ในระดับที่สูงกว่านี้” หยุนหลันเลิกคิ้ว “อย่าคิดว่าข้าไม่รู้ว่าเจ้ามีนิสัยชอบสะสมเตาหลอม” หยุนหลันเอ่ย “เตาหลอมยานี้สำคัญสำหรับมู่หยานฉะนั้นข้าขอก่อน มันจะต้องเป็นของนาง”
“เจ้ารู้ได้อย่างไรว่าเตาหลอมยานี้สำคัญต่อมู่หยานมากกว่า?” เสี่ยวเซียงกลอกตาไปมา “นางทำได้แค่เข้าถึงร่างของนาง และนางก็ไม่สามารถกลายเป็นนักเล่นแร่แปรธาตุได้ในระยะเวลาสั้น ๆ”
“ข้าเชื่อในตัวลูกพี่ลูกน้องข้า” หยุนหลันพลิกฝาถ้วยชาในมือไปมา ก่อนจะเสนอราคาต่อไปอย่างดุเดือด “สี่ล้านห้าแสน”
เสี่ยวเซียงใช้ฝ่ามือลูบไปตามกรอบหน้า อันที่จริงเขาไม่รู้อะไรเกี่ยวกับเตาหลอมยานี้เท่าไหร่นัก เขาเพียงแต่ต้องการประมูลเพื่อไปสะสมเท่านั้น อีกอย่างเตานี้ก็เอาไว้สำหรับนักเล่นแปรแปรธาตุระดับสูง ทีนี้ก็ขึ้นอยู่กับท่าทีของหยุนหลันแล้ว
“หลูมู่หยาน” เสี่ยวเซียงจับไปที่แขนของเจ้าของชื่อ พร้อมกับนึกสงสัยรูปลักษณ์ที่ดูเหมือนเด็กแรกเกิดของนาง “บอกข้าทีว่าร่างกายของเจ้าถูกกำจัดไปได้อย่างไร แล้วข้าจะหยุดการประมูลนี้”
หลูมู่หยานมองไปที่เสี่ยวเซียง และนึกจำอยู่ในใจ “ไม่ใช่ข้าที่เป็นคนจ่าย เจ้าจะทำอะไรก็ได้ตามที่เจ้าอยากทำ” เมื่อครู่นางสังเกตสีหน้าของเสี่ยวเซียงที่ต้องการจะหยุดประมูลได้ และตอนนี้นางก็ต้องการที่จะเล่นกันกับมัน
“เจ้า…” เสี่ยวเซียงสะอึกอยู่ในใจ ก่อนสำลักความโกรธออกมา พร้อมกับหยุดการเสนอราคา
“ห้าล้าน” เสียงนิรนามจากอีกห้องดังขึ้น
“ห้าล้านห้าแสน” หยุนหลันยังคงไม่ยอมแพ้
“หกล้าน” เสียงเสนอราคาประมูล ดังขึ้นอีกครั้ง
หยุนหลันยังมีความต้องการที่จะประมูลสินค้าอื่นอีกในวันนี้ และเขาเองก็กลัวว่าจะต้องพกเงินมากกว่ายี่สิบล้านเหรียญอีกด้วย
มีความเป็นไปได้ที่จะพลาดในสิ่งที่ต้องการประมูล
เขาจึงอดไม่ได้ที่จะต้องเอ่ยเตือนผู้เข้าร่วมประมูลที่กำลังต่อสู้เสนอราคากันอย่างห้ำหั่น “ราคานี้เกินมูลค่าของเตาหลอมยาไปแล้ว ท่านอาจจะลืมไป”
หยุนหลันเองก็มีสิ่งของที่ต้องการประมูลอยู่ในใจ แต่เขาก็รับปากหลูมู่หยานไปแล้ว และเขาก็ไม่อยากจะเสียศรัทธาหากต้องพลาดของชิ้นนี้ไป และนั่นก็หมายความว่าสิ่งของที่อยู่บนเวทีประมูล และเขาไม่ได้เกิดมาเพื่อกันและกัน “ไม่ เขาต้องอยู่ที่นี่”
“หกล้านหนึ่งแสน” หยุนหลันเสนอราคา
เป็นไปตามคาด ผู้เข้าร่วมประมูลห้องข้าง ๆ หยุดการเสนอราคาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
หลูมู่หยานรู้สึกดีใจ และทราบซึ้งเมื่อเห็นหยุนหลันสู้ราคาประมูลเตาหลอมยาอย่างไม่ลังเล
ความจริงแล้ว หลูมู่หยานเห็นว่าหยุนหลันเองก็สงสัยความต้องการที่จะซื้อเตาหลอมยาของนาง ทว่าเขาก็ยังสนับสนุนนางโดยไม่มีเหตุผล นางยังคงจำภายของลูกพี่ลูกน้องนางได้
หยุนหลันมองไปที่หลูมู่หยานก่อนจะยิ้มออกมา พร้อมกับถอนหายใจอยู่ในอกถึงการเปลี่ยนแปลงของนาง และก็กลัวว่านางจะใช้เตาหลอมยานี้เพื่อดึงดูดความสนใจจากฉีอี้ซวน
กู่ยันรัน และเซงรูมองหน้ากันอย่างไม่เข้าใจ ดวงตาของทั้งสองประกายไปด้วยความริษยา เหตุใดหลูมู่หยานถึงได้โชคดีขนาดนี้ แม้ว่าจะไม่มีเงินแต่ก็มีคนมาจ่ายให้ ทำไม?
ไม่นานพวกนางก็สรุปเอาเองเร็ว ๆ ว่าอาจเป็นเพราะคำว่าครอบครัว เพราะท้ายที่สุดองค์ราชินีในวังหลวงก็รักนางขยะไร้ค่านี้มาก ส่วนองค์ชายสามก็ได้แสดงให้เห็นแล้วว่าเขาก็เอ็นดูหลูมู่หยานเช่นกัน
หยุนซินรู้สึกประหลาดใจที่พี่ชายสามผู้ที่มีนิสัยและท่าทางเย็นชาจะให้ค่ากับหลูมู่หยานมากเพียงนี้ ซึ่งนางในตอนนี้ก็ยังยิ้มออกมาอย่างอ่อนโยนตั้งแต่เริ่ม
ฉีอี้ซวนขมวดคิ้ว พร้อมกับมองไปที่หลูมู่หยานอย่างไม่เห็นด้วย ดูเหมือนว่าธาตุแท้ของนางจะกลับมาแล้ว… เอาแต่ใจ
หยุนจินยังคงดูรายการประมูลชิ้นต่อไป และเขาก็รู้สึกได้ว่าหลูมู่หยานจะทำให้พวกเขาประหลาดใจอีกครั้ง
เมื่อการประมูลยังคงดำเนินต่อไปประมาณสองสามรายการ บางคนที่อยู่ในห้องส่วนตัวก็เริ่มวางของใช้ทีละชิ้น ทั้งฉีอี้ซวน หยุนหลัน หรือองค์หญิงเจ็ด ต่างก็นำเอาสิ่งของส่วนตัวออกมา หากประเมินคร่าว ๆ ของทั้งหมดมีมูลค่ามากกว่าสิบล้านเหรียญทอง
ถัดไปอีกสองถึงสามรายการประมูล หนี่จุนก็รับโล่ขนาดเท่าฝ่ามือจากเจ้าหน้าที่ พลันสายตาของเขาก็แสดงความตื่นเต้นออกมาอย่างไม่รู้ตัว “โล่นี้มาจากอาจารย์หยาน เป็นผลิตภัณฑ์คุณภาพสูง… อาวุธแห่งวิญญาณ”
ผู้คนที่อยู่ด้านล่างเวทีต่างพากันตกอกตกใจ เมื่อได้ยินชื่อ “ปรมจารย์หยาน”
แล้วอาจารย์หยานคือใคร? เขาคือหนึ่งในผู้กลั่นระดับสูงที่โดดเด่นที่สุดในทวีปวิญญาณสวรรค์ ครั้งหนึ่งเขาเคยกลั่นสมบัติศักดิ์สิทธิ์ของนักดาบผู้มีอำนาจ
ทว่านับเป็นเรื่องที่น่าเสียดาาย ที่อาจารย์หยานไม่เคยออกมาพบเจอใครเลยหลังจากที่เดินทางไปยังอาณาจักรลับเมื่อร้อยกว่าปีก่อน ผู้คนส่วนมากเลยเดากันว่าอาจารย์หยานน่าจะถูกสังหารไปแล้ว นับเป็นเรื่องที่น่าเสียใจยิ่ง
หลูมู่หยานไม่ได้สนใจเสียงฮือฮาจากคนรอบข้างนัก แต่สิ่งที่นางสนใจกลับเป็นโล่สีเหลืองเล็ก ๆ บนนั้น
รู้สึกเหมือนมีอะไรแปลก ๆ นี่ความรู้สึกของหลูมู่หยานเมื่อได้เห็นรายการประมูลชิ้นนี้ ก่อนที่นางจะค่อย ๆ ปล่อยคลื่นจิตสำนึกทางวิญญาณไปที่โล่
ทันทีที่นางสัมผัสกับโล่ เสียงคำรามของสัตว์ร้ายก็ดังขึ้นในหัว รวมไปถึงความรู้สึกที่จิตของนางที่กำลังเผชิญหน้ากับมัน หากหลูมู่หยานไม่มีจิตวิญญาณที่แข็งแกร่ง นางคงได้รับบาดเจ็บภายในไปแล้ว
หนี่จุนทำท่าหยุด ผู้คนที่ส่งเสียงโห่ร้องก็เงียบทันที พร้อมกับมองไปที่โล่ที่อยู่บนเวที
“ในเมื่อโล่นี้สร้างโดยปรมจารย์หยาน ด้วยมูลค่าคงต้องเป็นรายการชิ้นสุดท้ายหรือไม่? และเมื่อมีการนำออกมาประมูล มันมีอะไรเกิดขึ้นกับตัวโล่หรือไม่?” หลูมู่หยาน และคนอื่น ๆ ได้ยินคำถามที่ลอดออกมาจากห้องข้าง ๆ
“มันคือจักรพรรดิดาบที่แข็งแกร่ง” หยุนซินอดไม่ได้ที่จะพูด ห้องที่เขาอยู่นั้นเคยเป็นห้องส่วนตัวของนาง
หนี่จุนเหมาะสมกับการเป็นผู้ประมูลมืออาชีพ ไม่เพียงแต่รับมือกับคำถามที่ได้รับมาเท่านั้น แต่เขายังใช้โอกาสนี้พูดในสิ่งที่เขาอยากพูดอีกด้วย
“แขกผู้มีเกียรติท่านนี้พูดถูก แม้ว่าโล่นี้จะเป็นอาวุธทางจิตวิญญาณที่ดีที่สุดของปรมจารย์หยาน แต่ก็มีข้อเสีย นั่นก็คือความแข็งแกร่งของธาตุจะไม่สามารถควบคุมได้เมื่อเผชิญหน้ากับศัตรู”
หนี่จุนอธิบายว่าเขาถ่ายเทพลังชีวิตให้กับโล่ขนาดเล็ก เมื่อนั้นมันก็ค่อย ๆ หมุนอยู่ในมือของหนี่จุน ก่อนจะที่โล่จะถูกปกคลุมด้วยแสงสีทองสว่างในทันที ตอนนี้ทุกคนได้แต่รอเวลาให้โล่แสดงพลังออกมา แต่มันก็ไม่ได้ตอบสนองเท่าใดนัก
“โล่นี้ยังราชาดาบหลายท่านจากองการค้าหมิงเหมิงลองด้วย และเราจะตอบกลับในครั้งต่อไป” หนี่จุนดึงพลังงานของเขาออกมาจากโล่ให้คืนสู่สภาพเดิม “ฉะนั้นผู้ประเมินหลายคนจากหอการค้าของเราหลายท่านเห็นพ้องต้องกันว่ามันเหมาะสำหรับผู้ที่ถูกกำหนดให้มีความสัมพันธ์ล่วงหน้าเท่านั้น หากมีใครที่สามารถควบคุมโล่นี้ได้ ความสามารถในการป้องกันของมันยังต้านทานการโจมตีจากจักรพรรดิดาบได้แน่นอน”
ริมฝีปากของหลูมู่หยานเหยียดยิ้มเล็กน้อย เหมาะกับผู้ที่มีโชคชะตางั้นหรือ? ราชาดาบผู้ประเมินเหล่านั้นยังไม่เคยพบแม้แต่วิญญาณของสัตว์ร้ายที่อยู่ในโล่เลย