ตอนที่ 72 บุปผามรณะคนใหม่
ตอนที่ 72 บุปผามรณะคนใหม่
“อืม...ตกลง ข้าเข้าใจแล้ว” ซูอันดูผิดหวังไม่น้อย แต่เขาพยักหน้าเชื่อฟังแล้วถอยกลับไปที่มุมห้องเงียบๆ
รูปลักษณ์เช่นนี้ยิ่งทำให้มู่หนิงเจินรู้สึกผิดมากกว่าเดิม
“เจ้าเข้าใจก็ดีแล้ว” นางพูดจบก็หันหลังเดินออกไปทันที
หากมองตามด้านหลังจะให้ความรู้สึกกำลังหนีหน้าจริงๆ
“อายุหลายร้อยปี แต่จริงๆ แล้วยังเป็นสาวน้อยที่ไม่เคยมีความรัก!” เมื่อเห็นมู่หนิงเจินจากไปแล้ว ซูอันส่ายหน้าและพูดด้วยสีหน้าสบายๆ
ไม่ดูน่าสงสารเหมือนเมื่อครู่แล้ว
“คืนนี้…เรียกใครดีนะ?”
“พี่อัน” ศีรษะเล็กๆ โผล่พ้นประตูออกมา
นั่นคือเซียวอวี่ลั่ว
เมื่อเห็นว่าไม่มีใครอยู่ในห้องอีก นางจึงเดินเข้ามากอดซูอันด้วยความดีใจ
“พี่อัน ขอบคุณมาก” นางกำลังพูดถึงเรื่องของตระกูลเซียว
การแก้แค้นแทนท่านพ่อท่านแม่ทำให้อารมณ์ขุ่นมัวในอกของนางสลายหายไป ราวกับเมฆดำแยกออก หมอกควันจางหาย
แต่หากนี่คือความมืดมิด ถ้าได้แก้แค้นแล้วจะให้จมอยู่กับมันก็ไม่สำคัญ
“ขอบคุณข้าหรือ? แต่การขอบคุณดูไม่จริงใจเลยนะ”
ซูอันลูบหลังของหญิงสาวเบาๆ เช่นเดียวกับการลูบขนแมว วิธีการที่อ่อนโยนเช่นนี้ทำให้หญิงสาวครางรับโดยไม่รู้ตัว
“ถ้าเช่นนั้นนายท่าน~ต้องการให้อวี่ลั่วทำอย่างไร”
นางเลียนแบบรูปลักษณ์ของสตรีในหนังสือนิทานที่มีภาพประกอบ โดยแสดงตัวตนที่ดิบเถื่อนและกล้าหาญเต็มไปด้วยความเย้ายวนใจ
เสมือนแอปเปิลที่ยังไม่สุกเต็มที่จึงมีรสหวานอมเปรี้ยวเป็นเอกลักษณ์ซึ่งอาจไม่หวานเหมือนแอปเปิลสุกจัด แต่ยังทำให้คนอยากลิ้มลองเรื่อยๆ
ปัง!
ประตูห้องปิดลง
“คืนนี้เจ้าต้องสวมบทบาท เข้าใจหรือไม่?”
เซียวอวี่ลั่วผงะ นางตกอยู่ในความสับสนและไม่รู้ตัวจนกระทั่งซูอันกระซิบคำสองสามคำในหูของนาง
“…อืม” หลังจากตกตะลึงแล้วนางก็พยักหน้าโดยไม่รู้ตัว
หน้าแดงด้วยความเขินอาย แต่ก็รู้สึกกังวลแปลกๆ เช่นกัน
สวมบทบาทนี้จะดีจริงหรือ?
……
นอกลานบ้าน
มู่หนิงเจินกลับมาหาซูอันอีกครั้ง แต่คราวนี้มีแสงที่มืดครึ้มบนหน้าผากของนาง
นางยืนนิ่งอยู่ที่เดิมและกระตุกมุมปากขณะฟังเสียงจากในห้อง
“เสี่ยวอัน ดีหรือไม่ อาจารย์เก่งหรือไม่?”
“อาจารย์ ท่านเก่งมาก!”
“เสี่ยวอัน จงตั้งใจเรียน อย่าเกียจคร้าน”
“อาจารย์ ตรวจข้อนี้ให้ข้าหน่อย”
ขณะที่กำลังร่วมรักกัน พวกเขาพูดสิ่งที่น่าอายขนาดนั้นและยังใช้ชื่อของนางด้วย
เนรคุณ!
ไม่รักดี! บ้าตัณหา!
……
อาทิตย์ขึ้นทางตะวันออก จันทรารู้สึกละอายใจต่อการกระทำของทั้งสองจึงหลบลี้หนีหายไปจากท้องฟ้า
เมื่อแสงแดดส่องเข้ามาในห้อง การสวมบทบาทที่เหลวไหลนี้จึงจบลง
เซียวอวี่ลั่วเดินออกจากประตูด้วยความรู้สึกสดชื่น
นางเตรียมกลับไปยังยอดเขาอวี่เฟิงแต่ชนเข้ากับมู่หนิงเจินที่เฝ้าประตูอยู่
ฉากเมื่อคืนผุดเข้ามาในสมองของนาง นางจับคู่ใบหน้าของอาจารย์กับตัวเองที่สวมบทบาทเมื่อคืนและเมื่อนึกถึงภาพที่ซูอันตรึงอาจารย์เอาไว้ใต้ร่าง นางรีบส่ายหน้าแรงๆ ทันที
นางจะคิดภาพอาจารย์เช่นนี้ไม่ได้ เพราะท่านอาจารย์บริสุทธิ์สูงส่ง อาจารย์จะทำเหมือนนางได้อย่างไร
นางเองก็เหลือเกิน เหตุใดต้องยอมทำตามคำสั่งที่น่าอายขนาดนั้นด้วย
นางไม่กล้าสบตากับมู่หนิงเจินเพราะกำลังมีความคิดไม่บริสุทธิ์
“อาจารย์” นางทักทายออกมาเบาๆ แล้วหันหลังวิ่งกลับเข้าบ้านทันที
นางวิ่งเข้าไปได้ไม่นาน ซูอันจึงเดินออกมา
มู่หนิงเจินมีสีหน้าจริงจังและยังคงเงียบ
“โอ้ คารวะท่านอาจารย์!”
ซูอันกล่าวทักทายเช่นเคย ใบหน้าของเขามีรอยยิ้มน้อยๆ จากรูปลักษณ์ที่อ่อนโยนเหมือนหยกนี้ ไม่มีนัยว่าเขาสนุกสนานแค่ไหนเมื่อคืนนี้เลย
สีหน้าของมู่หนิงเจินดูไม่เป็นธรรมชาติ ยิ่งเมื่อได้ยินเด็กคนนี้เรียกนางว่าอาจารย์ นางพลันนึกถึงคำพูดที่น่าอายเมื่อคืนอีกครั้งและรู้สึกว่าร่างกายผิดปกติ นางไม่สบายใจที่ได้ยินคำเหล่านั้น
เด็กคนนี้ไร้ยางอายจริงๆ!
“อาจารย์ ท่านเป็นอะไรไป เหตุใดท่านไม่พูดล่ะ?” ซูอันก้าวไปข้างหน้าแล้วยกมือโบกตรงหน้าของมู่หนิงเจิน
“ไม่ได้เป็นอะไร” มู่หนิงเจินตอบด้วยความแข็งขัน
ผู้ชายคนนี้หน้าด้านจริงๆ เห็นได้ชัดว่าเมื่อคืนเขาทำแบบนั้น แต่ตอนนี้เขายังสามารถตีหน้าซื่อได้อีก
แต่นางไม่หยิบยกเรื่องนี้มาพูด เพราะไม่รู้ว่าซูอันจะอายหรือเปล่า แต่นางอายแน่นอน
“คือว่ากระดิ่งเหอฮวนปนเปื้อนลมหายใจของเจ้าด้วย ข้าจึงอยากให้เจ้าช่วยขัดเกลามันด้วยกัน” มู่หนิงเจินเปลี่ยนหัวข้อก่อน
ตอนที่นางชะล้างพลังวิญญาณในกระดิ่งเหอฮวนได้ครึ่งทาง ธิดาเทพแห่งนิกายเหอฮวนได้สละตัวเองและทำให้นางกับซูอันร่วมรักกันในถ้ำ
บางทีด้วยเหตุนี้จึงทำให้ต้นกำเนิดของกระดิ่งเหอฮวนเต็มไปด้วยลมหายใจของซูอัน ทำให้มู่หนิงเจินไม่สามารถขัดเกลาใหม่สำเร็จ เมื่อวานนี้จึงไม่ได้ใช้มันในการต่อสู้
“นั่นสินะ!” ซูอันตระหนักได้ทันทีและพยักหน้าตกลง “ไม่มีปัญหา ข้ามีหน้าที่ช่วยอาจารย์ขัดเกลามันอยู่แล้ว”
“อืม”
มู่หนิงเจินพยักหน้า แต่นางมักรู้สึกว่าคำพูดของซูอันมีความผิดปกติแฝงอยู่ แต่เมื่อนางไตร่ตรองแล้วก็คิดว่ามันไม่ผิดปกติ
“ไม่ต้องรีบหรอก เจ้าทำงานของตัวเองก่อน แล้วคืนนี้ค่อยมาที่ห้องของข้า”
นางมองไปที่ลานบ้านและทิ้งคำพูดไว้เช่นนั้น
เมื่อมู่หนิงเจินจากไปแล้ว เซียวอวี่ลั่วเดินออกจากห้องแล้วชะเง้อคอมอง จากนั้นจึงถอนหายใจด้วยความโล่งอก
ดูเหมือนว่าอาจารย์จะไม่ได้ยินเรื่องเมื่อคืน เพราะด้วยนิสัยของอาจารย์ หากได้ยินแล้วจะไม่ปล่อยนางไว้แน่ๆ
ครั้งต่อไป...ครั้งต่อไปที่สวมบทบาทแบบนี้ต้องระวังให้มาก
“พี่อัน ข้าอยากไปกับท่าน” เซียวอวี่ลั่วพูดกับซูอัน
“ไปกับข้า? ไม่ยอมห่างจากข้าเลยหรือ?”
“ไม่ใช่ ข้าแค่อยากช่วยงานท่าน” นางคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูด
ซูอันช่วยนางแก้แค้น ดังนั้นนางอยากช่วยแบ่งเบาภาระให้ซูอันบ้าง
เช้านี้นางสนุกมากจนลืมพูดถึงและเพิ่งจำได้ตอนนี้
“อืม มีสถานที่หนึ่งค่อนข้างเหมาะกับเจ้า” ซูอันจ้องมองเซียวอวี่ลั่ว
“ที่ใดหรือ?” เซียวอวี่ลั่วถามด้วยความสงสัย
“หน่วยบุปผามรณะ”
“หน่วยบุปผามรณะ!” เซียวอวี่ลั่วอ้าปากค้าง
นางเคยติดต่อกับองค์กรนี้มาก่อน แต่นางรู้แค่ว่านี่คือหนึ่งในหน่วยข่าวกรองและนักฆ่าชั้นนำของต้าซาง ไม่คิดเลยว่ามันจะเกี่ยวข้องกับซูอัน
ร่างของบุปผามรณะปรากฏถัดจากซูอันและเซียวอวี่ลั่วจำได้ว่านี่คือผู้แข็งแกร่งระดับหยางผู้บริสุทธิ์ที่เคยปกป้องซูอันมาก่อน
“นางคือผู้คุมกฎของหน่วยบุปผามรณะ เจ้าสามารถเรียกนางว่าบุปผามรณะหมายเลขหนึ่งได้” ซูอันแนะนำ
บุปผามรณะต้องปกป้องเขาเป็นการส่วนตัว มีหลายครั้งที่ออกไปทำงานนอกไม่สะดวก จึงต้องมีคนเข้ามาช่วยแบ่งเบา
เซียวอวี่ลั่วเป็นตัวเลือกที่ดี แม้ว่าปัจจุบันนางจะอยู่ในระดับจื่อฝู่เท่านั้น แต่พรสวรรค์ของนางไม่ธรรมดา
หลังจากถูกเขาปลดล็อกแล้ว นางก็ละทิ้งความเมตตาโง่ๆ ไป ดังนั้นนางมีคุณสมบัติที่จะเป็นผู้ดูแลหน่วยบุปผามรณะภายใต้คำสั่งของซูอัน
เซียวอวี่ลั่วเห็นด้วยเพราะอยากช่วยงานซูอันจริงๆ
ถ้าการเป็นบุปผามรณะสามารถช่วยซูอันได้ นางก็จะเป็นบุปผามรณะ
“เอาล่ะ ข้าต้องฝึกตนเพื่อซ่อมแซมความบอบช้ำจากการต่อสู้เมื่อวานนี้ เจ้ากลับไปก่อนเถอะ” ซูอันบอกนาง
เซียวอวี่ลั่วตกตะลึง เมื่อวานนี้ซูอันได้ลงมือต่อสู้ด้วยหรือ?
“ช้าก่อน”
ขณะที่นางก้าวออกไป ซูอันกลับหยุดนางไว้อีกครั้ง