ตอนที่ 6 ทำตามสัญญา
ตอนที่ 6 ทำตามสัญญา
หลี่ว่านหลูยังไม่ยอมแพ้ “ได้โปรดเถอะนะ ฉันยอมทุกอย่างแล้ว ขอแค่อาหารไปช่วยปู่ก็พอ… ได้โปรด!”
ซ่งเจิงใจอ่อนตั้งนานแล้ว ยิ่งเห็นว่าอีกฝ่ายกำลังจะร้องไห้อีกครั้ง เขาก็ยิ่งสงสารจับใจ
ความลับของกระทะเหล็กก็ยังไม่ถูกเปิดเผยออกไป แต่การแบ่งอาหารเพื่อช่วยชีวิตคน ๆ หนึ่งมันไม่ได้ยากเย็นสำหรับเขาเลย แต่ผู้หญิงคนนี้จะสามารถไว้ใจได้จริงไหม?
ซ่งเจิงคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะเริ่มเปิดปากพูด “งั้นเธอพาฉันไปดูปู่เธอหน่อย ถ้ายืนยันได้ว่าทั้งหมดเป็นเรื่องจริง ฉันก็จะแบ่งให้”
แววตาของหลี่ว่านหลูทอประกายอย่างมีความหวัง เธอเช็ดน้ำตาพร้อมตอบรับ “ได้ ฉันจะพานายไปดูเดี๋ยวนี้!”
หญิงสาวไม่รอช้าพร้อมกับพุ่งไปที่ประตูอย่างรวดเร็ว แต่เป็นเพราะเธอก็ไม่ได้กินอะไรมาหลายวันจนร่างกายซูบผอมจึงเกิดอาการหน้ามืดในทันที
ซ่งเจิงคว้าร่างบางของอีกฝ่ายไว้อย่างรวดเร็ว พร้อมกับพยุงเธอขึ้นและทั้งสองจึงเริ่มเดินไปตามทาง… จนหยุดยืนอยู่หน้าประตูห้อง ๆ หนึ่ง
หลี่ว่านหลูและปู่ได้อยู่ในห้องชุด ห้องนี้กว้างกว่าห้องของซ่งเจิงนิดหน่อย ทันทีที่เขาเดินเข้ามาก็เห็นชายชราคนหนึ่งนอนอยู่บนเตียงริมหน้าต่าง ร่างกายผ่ายผอม ลมหายใจรวยรินราวกับว่า เขาพร้อมจะตายได้ทุกวินาทีต่อจากนี้ ดูเหมือนว่าสายตาของชายชราจะเริ่มฝ้าฟาง ทันทีที่ได้ยินเสียงประตูเขาพยายามลุกขึ้นนั่งอย่างยากลำบาก เสียงสั่นกล่าวทัก “เสี่ยวหลูกลับมาแล้วเหรอ? ซุปเนื้อที่ได้มาวันนี้ปู่ยังไม่ได้กินเลย หลานรีบมากินสิ มันกำลังร้อนเชียว รสชาติต้องดีมากแน่ รีบมากินเร็ว…”
สิ้นประโยค ดวงตาหลี่ว่านหลูพลันแดงก่ำ เธอโผเข้าหาชายชราพร้อมกับสะอื้นอย่างหนัก “ปู่...”
ตอนนี้ซ่งเจิงเริ่มมั่นใจว่าหลี่ว่านหลูคนนี้ไม่ได้โกหก ชายชราซูบผอมพร้อมร่างที่สั่นงันงกอย่างควบคุมตัวเองไม่ได้ตลอดเวลา น้ำเสียงของเขาแหบพร่าจนแทบจะไม่ได้ยิน
ซ่งเจิงเลิกลังเลพร้อมกับควักขนมเปี๊ยะทอดอีกครึ่งออกมาส่งให้หลี่ว่านหลู “เธอเอาอันนี้ไปกินนะ ฉันมีแค่นี้แหละ”
ขนมเปี๊ยะทอดโรยหัวหอมเหลืองอร่ามส่งกลิ่นหอมไปทั่วห้อง แววตาหลี่ว่านหลูพลันวูบไหวพร้อมกับอดไม่ได้ที่จะกลืนน้ำลายอึกใหญ่ อย่างไรซะเธอก็ไม่แสดงออกผ่านสีหน้าใดและรีบส่งมันให้ปู่ทันที “ปู่! รีบกินนี่เร็ว ส่วนฉันกินข้าวที่ทีมสำรวจให้มาแล้ว…”
คงเป็นเพราะกลัวชายชราจะปฏิเสธ หลี่ว่านหลูจึงต้องโกหก
ชายชราได้ยินอย่างนั้นจึงรับขนมเปี๊ยะทอดไว้ในมือและเริ่มดมกลิ่นมัน จากนั้นเขาเงยหน้าขึ้นมองซ่งเจิงพร้อมถามว่า “เสี่ยวหลู เขาเป็นใครเหรอ?”
“เขาชื่อซ่งเจิง คือว่า…” หลี่ว่านหลูเม้มริมฝีปากแน่น เธอคล้ายจะพูดอะไรแต่ก็หยุด ใบหน้าขาวพลันแดงเรื่อจนถึงใบหู
เธอเองก็ไม่รู้จะแนะนำซ่งเจิงว่ายังไง ซึ่งมันเป็นเรื่องที่ยากลำบากพอสมควร แต่ท่าทางผิดปกติของเธอกลับทำให้ชายชราเข้าใจผิด “อ๋อ… หลานมีแฟนแล้วหรือ? ก็ดีเหมือนกันนะ เจ้าหนุ่มนี่ดูแข็งแรงใช่ย่อย เสี่ยวหลูต้องดูแลเขาดี ๆ ล่ะ”
เมื่อถึงวันสิ้นโลก ไม่ว่าจะเป็นผู้หญิงหรือคนแก่ที่รอดชีวิตจะต้องดำรงชีพต่อไปทั้งสิ้น ยังไงซะหากต้องการมีชีวิตอยู่ก็ต้องหาผู้ชายที่แข็งแกร่งพอให้พึ่งพาอาศัย อีกทั้งเรื่องแบบนี้ยังถูกกระทำอย่างเปิดเผยในกลุ่มผู้รอดชีวิต แม้กระทั่งในตัวเมืองก็เช่นกัน มันกลายเป็นธรรมเนียมปฏิบัติไปแล้วที่มนุษย์พันธุ์ใหม่จะโอบกอดหญิงสาวไว้ในอ้อมแขนได้หลายคน
หลี่ว่านหลูรอดชีวิตจากวันสิ้นโลกมานานหลายปีและเคยได้ยินปู่พูดถึงเรื่องนี้บ้าง แต่เธอมองว่าผู้ชายคนนี้ดูจริงใจและไม่ได้คิดเรื่องนั้นเลย แต่ในมุมมองของชายชรา ซ่งเจิงถึงกับนำอาหารล้ำค่านี้ให้กับหลานสาวตน นั่นแสดงให้เห็นว่าเขาจริงใจกับเธอมากแค่ไหน
หลังจากได้ยินคำพูดของชายชรา ทั้งซ่งเจิงและหลี่ว่านหลูต่างก็หน้าขึ้นสีพร้อมกัน
หลี่ว่านหลูเหลือบมองซ่งเจิงก่อนจะพูดเสียงค่อย “ปู่ไม่ต้องพูดมากหรอกหน่า…”
ซ่งเจิงเห็นปู่กับหลานคุยกันอย่างนั้นจึงนึกได้ว่าตัวเองเป็นคนนอกและค่อย ๆ ถอยหลังออกมา
หลังจากเขาพ้นประตูและเดินออกมาได้ไม่กี่ก้าว หลี่ว่านหลูก็วิ่งตามออกมา
หญิงสาวจับเสื้อของซ่งเจิงไว้แน่นก่อนจะกล่าว “ซ่งเจิง… ขอบคุณมากนะ นายช่วยชีวิตปู่เอาไว้… ฉันจะรักษาสัญญา!”
ซ่งเจิงยิ้มแห้งพร้อมตอบกลับ “ไม่เป็นไรหรอก เรื่องเล็กน้อยน่ะ… เธอรีบกลับไปดูแลปู่เถอะ”
ความกตัญญูก็เป็นเรื่องสำคัญ ยิ่งในวันสิ้นโลกอย่างนี้ด้วย… เป็นเพราะคนแก่และเด็กไม่สามารถช่วยตัวเองได้จึงถูกมองว่าไร้ประโยชน์ หากต้องหลบหนีจากอันตราย พวกเขาจะเป็นตัวเลือกแรกที่จะถูกทอดทิ้ง
ผ่านพ้นวันสิ้นโลกมาหลายสิบปีแล้ว ผู้คนจำนวนมากถูกสัตว์กลายพันธุ์ด้านนอกฆ่าตายไม่น้อย จำนวนคนที่รอดชีวิตจึงมีน้อยมาก
แม้จะอยู่ในสถานการณ์แบบนี้แต่หลี่ว่านหลูก็ยังไม่มีความคิดที่จะทอดทิ้งปู่ ซ่งเจิงมองเห็นความกตัญญูของเธออย่างชัดเจนจึงมอบขนมเปี๊ยะทอดที่เหลืออยู่ให้ แต่ถ้าพูดถึงเรื่องที่เธอจะตอบแทน เขาไม่มีความคิดแบบนั้นในหัวเลยจริง ๆ
“ไม่! ฉันสัญญาแล้ว ฉันจะทำ!”
เธอก้มหน้าลงอีกครั้งพร้อมพูดเสียงเบา “นายวางใจเถอะ เดี๋ยวฉันจัดการปู่ให้เรียบร้อยก่อนแล้วจะไปหาที่ห้องนะ!” ขณะกล่าวออกมาอย่างนั้น แววตาของเธอวูบไหวอย่างประหลาดในขณะเงยหน้าขึ้นสบตาซ่งเจิง
ซ่งเจิงยิ้มออกมาอย่างไม่ใส่ใจนักก่อนจะเดินกลับออกมา
ขณะเดินกลับห้อง ในหัวของเขาก็คิดหาวิธีเอาตัวรอดขั้นต่อไป
ขนมเปี๊ยะทอดก็เอาให้หลี่ว่านหลูไปแล้ว ตอนนี้เขาไม่มีอาหารติดตัวสักอย่าง แม้กระทะเหล็กจะผลิตขนมเปี๊ยะทอดเพื่อบรรเทาความหิวได้ก็จริง แต่ตอนนี้มันไม่มีแล้วและพรุ่งนี้เขาก็จะไม่มีอะไรกิน คงจะมีเพียงผักกาดดองและบิสกิตแท่งที่ได้รับแจกจ่ายมาจากหัวหน้าเฉินเท่านั้น
ไม่รู้เลยว่ามันจะทำให้เขาอิ่มได้ไหม แต่รสชาติของมันต้องห่วยมากแน่นอน แถมยังไม่มีสารอาหารที่เป็นประโยชน์แม้แต่น้อย ถ้ากินในระยะยาวมันไม่ดีต่อสุขภาพ
แล้วถ้าจะให้กระทะเหล็กผลิตอาหารออกมาก็ต้องใช้น้ำยาวิวัฒนาการจากสมองซอมบี้ด้วย อย่างนั้นเขาต้องเริ่มหาน้ำยาวิวัฒนาการเพิ่ม… ใกล้ ๆ กับโรงแรมก็ไม่มีซอมบี้เลย อย่างนี้ก็เท่ากับว่าเขาก็จะหาน้ำยาวิวัฒนาการไม่ได้เหมือนกัน
ยิ่งคิดก็ยิ่งปวดหัว หรือว่าเขาต้องเข้าร่วมกับทีมสำรวจเพื่อออกไปฆ่าซอมบี้? แน่นอนว่าการทำอย่างนั้นมันอันตราย แต่ถ้าต้องการจะมีชีวิตอยู่ต่อไปอย่างอิ่มท้อง ก็มีแต่ทางนี้เท่านั้น!
ด้วยตัวเขาเองเป็นคนเด็ดขาดและไม่ลังเล หลังจากคิดได้แล้วก็ตัดสินใจอย่างรวดเร็ว พรุ่งนี้เขาจะไปหาหัวหน้าเฉินและขอสมัครเข้าทีมสำรวจ!
หกโมงเย็น ฟากฟ้าถูกย้อมด้วยสีดำ ภายในโรงแรมมืดมิด
หลังวันสิ้นโลก ไฟฟ้ากลายเป็นทรัพยากรที่ขาดแคลน ในเมืองก้อนหินน้อยมีโรงไฟฟ้าเพียงแห่งเดียว มันสามารถจ่ายไฟให้กับเมืองหลวงเท่านั้น แต่เมืองรอบนอกใช้ได้เพียงพลังงานสำรองที่โรงแรมมีให้เพียงเล็กน้อย การทำอาหารจะต้องก่อไฟและจำกัดการใช้ไฟฟ้าในห้องส่วนตัวของโรงแรม แค่นี้ก็อยู่กันอย่างยากลำบากแล้ว ดังนั้นในทุกวันหลังหกโมงเย็น ทั้งโรงแรมจะตัดไฟและทั้งเมืองจะเข้าสู่ความมืด
แต่วันสิ้นโลกผ่านพ้นมานานกว่าสิบปี ตอนนี้ทั้งโทรศัพท์และอุปกรณ์ไฟฟ้าก็ไม่มีอีกแล้ว ทุกคนเริ่มคุ้นเคยกับสภาพแวดล้อมเช่นนี้และรู้สึกว่ามันเป็นเรื่องปกติ
ซ่งเจิงนั่งอยู่ในห้องพร้อมกับมองดูแสงที่ค่อย ๆ หมดลง เขาเอนตัวลงเพื่อจะนอนแต่ก็ได้ยินเสียงเปิดประตู…
เงาตะคุ่มสาดเข้ามาพร้อมกับเดินมาที่เตียงของเขาอย่างเชื่องช้า