ตอนที่แล้วตอนที 4 ชนะอย่างเด็ดขาด 
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 6 ตบหน้า 

ตอนที่ 5 เหตุสุดวิสัย


ตอนที่ 5 เหตุสุดวิสัย

เมื่อได้ยินมาว่าจะมีการช่วยประธานจางย้ายของ   นี่จึงเป็นโอกาสที่ดีในการเข้าไปประจบประแจง ซุนเย่จึงไม่หลีกเลี่ยงที่จะทำงานนี้ และเขาบอกว่าจะไปทำด้วยตัวเอง  แต่อีกคนที่กระตือรือร้นมาก ๆ กลับเป็นเฉินอันหัวหน้าแผนกต้อนรับ หรือให้พูดก็คือคนใหญ่คนโตสองคนในบริษัทเหวินหว่าที่เป็นใหญ่เป็นโตแบบนี้ได้ก็เพราะมีสิ่งสำคัญก็คือความสามารถของพวกเขาที่สามารถจัดการเรื่องต่าง ๆ ได้ดี

ไม่มีทางเลือกอื่นแล้วไปด้วยกันนี่แหละ !

คนทั้งสามคนเดินมาแล้วเคาะประตูหน้าห้องทำงานของจางชูหยา หลังจากได้รับอนุญาตจากจางชูหยา ทั้งสามคนก็เดินเข้าห้องมา   เมื่อเห็นว่าซ่งลุ่ยพาคนเดินเข้ามา จางชูหยาก็ยิ้มแย้มแล้วพูดว่า

“มาแล้วเหรอ ลำบากพวกนายหน่อยนะ มาช่วยฉันย้ายโต๊ะทำงานไปที่ทิศตะวันออกเฉียงใต้ทีนะ เพราะว่าทางทิศนั้นมีฮวงจุ้ยเรียกทรัพย์และความรุ่งเรืองที่ดีกว่า”

“ได้ครับ ประธานจาง !” ซุนเย่และเฉินอันแทบจะพยักหน้าและโค้งคำนับแสดงการตอบรับในคำสั่งพร้อมกัน

การแสดงออกในเรื่องนี้นั้นจางชูหยาดูเหมือนจะพอใจและพยักหน้าให้เล็กน้อย หลังจากนั้นก็ชี้ไปที่โต๊ะในห้องเก็บของ

“งั้นพวกนายย้ายตัวนี้ก่อน ฉันจะไปเปลี่ยนเสื้อผ้า”

หลังจากพูดจบ จางชูหยาก็บิดสะโพกอันงอนงามของเธอแล้วหมุนตัวเข้าไปในห้องเก็บของ

เมื่อเห็นฉากนี้เข้า หัวใจดวงน้อย ๆ ของซ่งลุ่ยก็กระโดดโลดเต้นอย่างอย่างดีใจถึงขีดสุด เขาเองนั้นไม่ได้คาดหวังว่าจะได้รับผลพลอยได้จากการมาช่วยงานประธานจางในครั้งนี้ด้วย

ด้วยความตื่นเต้นและความตึงเครียด ซ่งลุ่ยก็ใช้สายตาเพ่งมองไปที่ในห้องเก็บของนั่นและมองทะลุผ่านผนังหนา ๆ ของกำแพงเข้าไป ซ่งลุ่ยก็มองเห็นว่าจางชูหยานั้นกำลังค่อย ๆ ถอดเสื้อเชิ้ตออกเผยให้เห็นบราสุดเซ็กซี่ที่อยู่ด้านใน หลังจากนั้นเธอถอดกางเกงยีนส์ออกจากสะโพกที่สวยงามสมส่วนของเธอออก และต่อด้วยถุงเท้าสีขาวสะอาดที่เท้าของเธอด้วยท่วงท่าที่ชวนหลงใหล  และการก้มลงไปถอดนั้น….

การกระทำนี้ทำให้ซ่งลุ่ยไม่อยู่กับเนื้อกับตัวเหมือนกับถูกล่อลวงวิญญาณไปเลย   ถ้าบอกว่าความงามของจางชูหยาและความงามของหลินหลินนั้นไม่เหมือนกันตรงไหน ก็พบว่าต่างคนต่างมีสไตล์ความงดงามที่แตกต่างกัน แน่นอนหลินหลินนั้นสวยงามและน่ารัก แต่กับท่วงท่าเยื้องย่างกรีดกรายของประธานจางสูงสง่าดูมีลักษณะเฉพาะตัวทำให้ผู้คนหลงใหลได้

ดูเหมือนว่าตราบใดที่เธอเต็มใจ เธอก็สามารถทำให้ใครก็ตามยินยอมพร้อมใจมาสวามิภักดิ์ที่แทบเท้าของเธอได้เลย

ซ่งลุ่ยรู้สึกว่าที่ท้องน้อยที่เป็นจุดศุนย์กลางของความวูบวาบเหมือนโดนไฟลนโดยไม่รู้ตัว เขารู้สึกเพียงแค่ว่าปากของเขาแห้งผากและน้องชายในกางเกงของเขาก็ขยายตัวขึ้น  แม้แต่ซุนเย่ที่เรียกให้เขาช่วยยกโต๊ะ เขาก็ยังไม่ได้ยินเสียงเลย ! และนั่นทำให้ซุนเย่รู้สึกโกรธมาก  เขาจึงตบไปที่หัวของซ่งลุ่ยทันที

“แกหนูหนวกรึไง ! ถึงไม่ได้ยินที่ฉันเรียกให้แกมาช่วยเนี่ย !”

และพอดีกับที่ซุ่งลุ่ยเห็นจางชูหยากำลังสวมถุงน่องพอดี ทันใดนั้นก็ถูกฝ่ามือของซุนเย่ตีลงมาทำให้เกิดดาวระยิบระยับด้านหน้าของเขา ชั่วพริบตาเดียวภาพของจางชูหยาที่ชวนมองก็หายวับไปจากสายตาของเขาทันที

ผ่านไปสักพัก ความโกรธของซ่งลุ่ยก็ก่อตัวขึ้นมา เขาหันหน้าไปหาซุนเย่ด้วยความโกรธ

“คุณทำเองไม่ได้เหรอ ? !”

เสียงตะโกนนี้ทำให้ซุนเย่และเฉินอันดูเป็นคนโง่งมทันที ตามความเข้าใจของพวกเขา ในเวลาปกติซ่งลุ่ยสมควรที่จะต้องรีบทำตามคำสั่ง แต่ทำไมวันนี้เขาถึงได้เปลี่ยนไป ?

บนใบหน้าของซุนเย่เต็มไปด้วยความเสียหน้า ถึงอย่างไรก็ตามเมื่ออยู่ต่อหน้าเฉินอัน เขาก็ยังมีความกระดากใจอยู่บ้าง  อีกทั้งเมื่อวานนี้เขาก็ยังได้เสียเงินพนันไปให้กับซ่งลุ่ยจนเงินหมดตัวอีกด้วย  เขาก็จึงรู้สึกโกรธสุด ๆ ขึ้นมาทันที เขาจึงได้ใช้เท้าเตะไปที่ก้นของซ่งลุ่ยอย่างรวดเร็ว

“ถ้าแกไม่อยากทำแล้ว แกก็ไสหัวออกไปซะ !”

ด้วยความแรงของลูกเตะนี่แรงไม่เบาเลย ทำให้ซ่งลุ่ยล้มลงไปข้างหน้าและดันบังเอิญไปปัดเอาแจกันดอกไม้บนโต๊ะทำงานหล่นลงมา

“เพล้ง” เมื่อเสียงนี้ดังขึ้น  แจกันก็แตกอยู่บนพื้นแล้ว

หลังจากนั้นทั้งสามคนก็ตกอยู่ในอาการตะลึงจนตาค้าง !

เป็นที่รู้กันดีว่าสิ่งของทุกชิ้นในห้องทำงานของประธานจางนั้นมีราคาแพงมากขนาดไหน แล้วถ้าแจกันดอกไม้นี่เป็นของเก่าที่มีคุณค่าทางวัฒนธรรมด้วยละก็ พวกเขาทั้งสามคนต้องตายแน่ ๆ หรืออาจจะต้องซื้อมาชดใช้คืน ถ้าเป็นอย่างนั้นจริง ๆ คงชดใช้ค่าเสียหายไม่ไหวแน่นอน

ตอนที่ทั้งสามคนยังคงตกตะลังกับเสียงแจกันที่หล่นแตกดัง “เพล้ง” อยู่นั่น จางชูหยาที่เข้าไปเปลี่ยนเสื้อผ้าด้านในก็เดินออกมา พร้อมถามขึ้นด้วยความประหลาดใจ

“นี่ ..... นี่มันเกิดอะไรขึ้น ?”

ซ่งลุ่ยอยากจะอธิบายให้ประธานจางฟัง แต่กลับถูกซุนเย่แย่งชิงตัดหน้าไปเสียก่อน  เขาชี้ไปที่จมูกของช่งลุ่ยแล้วด่าออกมา

"ทำงานยังไงถึงได้ไม่ระวังมือระวังเท้าจนไปทำให้แจกันดอกไม้ของประธานจางหล่นแตก แล้วนายจะชดใช้ยังไงไหว ! "

ซ่งลุ่ยถูกซุนเย่ใส่ร้ายป้ายสีซึ่ง ๆ หน้าแบบนี้ ก็ทำให้เขาตกตะลึงนิ่งงันจนยืนเซ่อไปในทันทีทันใด เขาคิดไม่ถึงเลยว่าซุนเย่จะพูดแบบนี้ออกมา  แต่นั่นก็ยังไม่เท่ากับเฉินอันที่ยืนอยู่ข้าง ๆ ก็ได้ที่พูดขึ้นมาอย่างหน้าตาเฉยจนทำให้เขารู้สึกโกรธมากจนอยากกระอักเป็นเลือดออกมาทันที

“ไอ้หยา น้องซ่ง ทำไมไม่ระวังเลยล่ะ”

ในขณะที่เขาพูดไปด้วยนั้น เฉินอันก็คุกเข่าลงไปบนพื้นและเอื้อมมือไปหาเศษแก้วที่เป็นชิ้นส่วนของแจกัน เขามองแล้วมองอีกที่ลายบนเศษแจกันนั่น

" ว้าว นี่เป็นแจกันในยุคสมัยของเฉียนหลงด้วย นาย .... เฮ้อ ! ”

เมื่อมองไปที่คนสองคนที่อยู่ข้างหน้าของจางชูหยาที่ใส่ร้ายป้ายสีตัวเขาอยู่นั้น ซ่งลุ่ยก็อยากจะอธิบายออกมาสักหน่อย แต่มันก็สายเกินไปแล้ว นอกจากนี้ซุนเย่และเฉินอันก็เป็นหัวหน้าอยู่ดี แต่เขาเป็นเพียงแค่เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยที่ตำแหน่งเล็กกระจ้อยร่อย ในใจของจางชูหยาย่อมเลือกจะเชื่อใครและเลือกที่ไม่เชื่อใครล่ะในสถานการณ์เช่นนี้

มันไม่สำคัญว่าจะเสียงานไป แต่เมื่อซ่งลุ่ยได้ยินว่าเป็นของในยุคสมัยของเฉียนหลง ชั่วพริบตาเดียวสมองของเขาก็ว่างเปล่า !

นี่………

ต้องชดใช้เป็นเงินเท่าจำนวนไหร่กัน !

ซ่งลุ่ยเพ่งมองไปที่พื้นกระเบื้องที่เต็มไปด้วยเศษซากจากแจกันดอกไม้อย่างไม่รู้ตัว  ในเวลานี้ซ่งลุ่ยรู้สึกเป็นกังวลขึ้นมา ในที่สุดก็มีเสียงหนึ่งดังขึ้นมา นั่นก็คือเสียงทื่อ ๆ ของระบบนั่นเอง

"เนื่องจากการจ้องมองอย่างใจจดใจจ่อไม่ละสายตาเป็นระยะเวลาที่กำหนด ทำให้ภารกิจแรกและเงื่อนไขการอัพเกรดสำเร็จ กำลังตรวจสอบจำนวนฮอร์โมน โปรดกรุณารอสักครู่ ... "

"การหลั่งฮอร์โมนมีความสมบูรณ์ ทำให้ระบบทำงานเป็นปกติ โอ้ ขอแสดงความยินดีด้วย คุณจะได้อัพเกรดระบบเป็นระดับ 1 รับรางวัลการอัพเกรด โปรดเลือก"

"1 จำแนกและระบุสมบัติล้ำค่า / 2 การมองทะลุผ่านทางการแพทย์"

ซ่งลุ่ยมองดูแจกันลายดอกไม้นั่นและไม่ลังเลที่จะเลือกรับรางวัลในการจำแนกและระบุสมบัติล้ำค่า แม้ว่ารางวัลนี้อาจไม่ช่วยเหลือหรือเปลี่ยนแปลงสถานการณ์ปัจจุบันของเขาก็ตาม แต่อย่างน้อยเขาก็ต้องรู้ว่ามันแจกันใบนี้ราคาเท่าไหร่ !

“ขอแสดงความยินดี ทำการเปิดคุณสมบัติย่อยของระบบมองทะลุซุปเปอร์ก็อดเพื่อจำแนกและระบุสมบัติล้ำค่าแล้ว หวังว่าคุณลูกค้าที่รักจะได้รับประสบการณ์ที่น่าพึงพอใจ”

หลังจากเสียงของระบบหายไป ซ่งลุ่ยก็ก้มเก็บเศษชิ้นเล็กชิ้นน้อยขึ้นมา พลิกกลับไปกลับมาเพื่อสังเกตเศษชิ้นนั่น   เฉินอันที่ยืนอยู่ด้านข้าง แสยะยิ้มมุมปากด้วยความเย้ยหยัน ในใจของเขาคิดว่า

‘เมื่อวานนี้นายเข้ามาขัดจังหวะเรื่องดีดีของฉัน  มันสมควรแล้วที่นายต้องเจอแบบนี้ ! ’

อย่างไรก็ตามซุนเย่ก็ยังไม่เข้าใจการกระทำของซ่งลุ่ย เขาจึงด่าออกมาอย่างหยาบคาย

“ทำอย่างกับว่านายดูมันแล้วนายจะดูออกอย่างนั้นเหรอ ? นายมันก็แค่เด็กหนุ่มที่มาจากบ้านนอก จะเคยเห็นของที่มีความสำคัญต่อประวัติศาสตร์แบบนี้มาก่อนได้อย่างไรล่ะ  แจกันใบนี้มันมีค่ามากนะ !”

ในทางตรงกันข้าม จางชูหยาที่เป็นเจ้าของแจกันกลับไม่เอ่ยปากพูดใด ๆ ออกมา แต่กลับมุ่งความสนใจไปที่ซ่งลุ่ยแทน

ในตอนที่สายตาของเธอก็มองไปยังการกระทำของซ่งลุ่ย ก็รู้สึกชื่นชมในการตรวจสอบและพินิจพิเคราะห์คุณค่าจากเศษแจกันนั้นอย่างจริงจังจนดูเหมือนเป็นสไตล์ของผู้ที่เชี่ยวชาญที่น่าเคารพนับถือมาก

ผ่านไปครู่ใหญ่ ซ่งลุ่ยจึงวางเศษแจกันไว้ในมือ หลังจากนั้นก็ดวงดาของเขาก็เห็นชัดเจนขึ้น ดังนั้นเขาจึงพยักหน้าเพื่อเป็นการแสดงความขอโทษแก่จางชูหยาและพูดว่า

“ขออภัยครับประธานจาง แจกันดอกไม้ใบนี้ของคุณเป็นของที่ทำเลียนแบบขึ้นมาจากของเก่านะครับ”

“นายพูดอะไรน่ะ ? !”

“นายอย่ามาพูดมั่ว ๆ เพื่อหาเรื่องที่จะชักดาบนะ ! !” ซุนเย่และเฉินอันเกือบจะพูดออกมาพร้อมกัน

แต่จางชูหยากลับยิ้มเล็กน้อยและไม่แม้แต่จะชายตามองไปที่ซุนเย่และเฉินอัน เธอพูดกับซ่งลุ่ยด้วยใบหน้าที่ชื่นชม

“ฮ่าฮ่า น่าสนใจจริง ๆ ผู้ดูแลร้านของเก่าในบริษัทเหวินฮว่ายังดูไม่ออกเลยว่าแจกันของฉันเป็นของที่ทำเลียนแบบขึ้นมาจากของเก่า นายดูออกไปอย่างไรกัน ?”

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด