ตอนที่แล้วตอนที่ 45 กลัว
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 47 สามกลยุทธ์ที่แตกต่างกันสําหรับการเคลียร์เกม

ตอนที่ 46 สองหัวใจที่แตกต่าง


มนุษย์คืออะไร? ผีคืออะไร?

อะไรที่ทําให้มนุษย์แตกต่างจากผี?

เกาหมิงไม่รู้จริงๆ พวกเขาต่างกลัวซึ่งกันและกัน แต่ไม่ใช่ด้วยเหตุผลทั่วไป

ในอดีตเกาหมิงมักมองว่า การที่โลกเงาพยายามหลอมรวมโลกความเป็นจริงคือโศกนาฏกรรม และคิดมาเสมอว่าเกมที่เขาพัฒนาขึ้นอาจสร้างหายนะให้กับคนทั้งเมืองหรือกระทั่งคนทั้งโลก แต่ตอนนี้เกาหมิงเริ่มมีมุมมองที่ต่างออกไป

ตอนที่จ้าวซีกลับมา เขานำพาความหวาดกลัวผ่านผู้คนในอพาร์ตเมนต์ทั้งหมด อากาศเต็มไปด้วยคําสาปแช่ง เสียงร้องขอความช่วยเหลืออย่างสิ้นหวังจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น แต่ที่นี่เวลานี้กงซีกลับมา โดยไม่ก่อให้เกิดอันตรายต่อผู้อื่น แม้ยายของเขาจะสับสนอย่างเห็นได้ชัดและเธอจําเขาไม่ได้ แต่เธอก็ยังคงอดทนรอเขาต่อไปด้วยความหวังที่ไม่เปลี่ยนแปลง

เกาหมิงไตร่ตรองกับตัวเอง ใครจะเป็นผู้รับผิดชอบต่อความโกลาหลทั้งหมดนี้ ใครที่เป็นคนที่ผิดตัวจริง

ในขณะเดียวกัน กงซีปล่อยมือหญิงชราและเริ่มจัดเก็บรูปถ่ายต่างๆรอบห้อง "ผมต้องรีบไป ผู้จัดการอาคารอาจจะมาอีกเมื่อไหร่ก็ได้!"

เกาหมิงตั้งสติอีกครั้ง "คุณจะย้ายไปชั้นอื่นไหม?"

"ไม่ ผมจะไปซ่อนตัวในห้องที่มีโคมไฟสีขาว ผู้จัดการอาคารไม่กล้าเข้าไปในห้องเหล่านั้น" กงซีลากกระเป๋าใบใหญ่ออกมา เขาเก็บของและรูปภาพทั้งหมดไว้ ก่อนเสนอโอกาสให้เกาหมิงตามมาด้วย "พวกคุณอยากมาด้วยกันไหม ตอนที่พวกคุณช่วยผมก็อาจจะโดนหมายหัวจากเขาแล้ว"

"ตกลง" เกาหมิงเคยเห็นห้องจํานวนมากที่มีโคมไฟสีแดง แต่เขากลับไม่เคยเห็นโคมไฟสีขาวเลย

หลังจากเก็บของทุกอย่างเสร็จแล้ว กงซีก็อุ้มยายของเขาขึ้นหลังก่อนลากกระเป๋าใบใหญ่ไปทางประตู

เขายื่นหัวออกไปช้าๆ มองซ้ายและขวา เมื่อเห็นว่าไม่มีใครอยู่ในทางเดิน ก็ส่งสัญญาณให้เกาหมิง "เร็ว! พวกเราไม่สามารถให้ใครเห็นได้ว่าเข้าไปในห้องที่ติดโคมไฟขาว"

พวกเขาวิ่งไปตามทางเดิน ระหว่างทางกงซีดึงเงินกระดาษออกจากถุงแล้วเผาทิ้ง เคลื่อนตัวอย่างรวดเร็วผ่านทางเดินที่มีแสงสลัว

เถ้าเงินกระดาษกระจัดจายอยู่ในเงามืด หลังจากวิ่งกลับไปกลับมารอบที่สี่ จู่ๆโคมไฟสีขาวก็ปรากฏขึ้น แขวนอยู่นอกห้องเช่าที่ตั้งอยู่กึ่งกลางโถงทางเดิน

"รีบเข้าไป!"

เมื่อประตูถูกผลักเปิดออก อากาศหนาวเย็นก็ระเบิดออกมา เกาหมิงตัวสั่นโดยไม่ได้ตั้งใจ สูดอากาศหนาวเย็นเข้าเต็มปอด

"นี่... นี่คือห้องที่ทั้งสองครอบครัวถูกฆาตกรรม!" จูเหมียวเซียวกระชับขวานในมือแน่น ร่างกายสั่นอย่างควมคุมไม่ได้

"ใช่ มันเป็นห้องที่เคยเกิดการฆาตกรรม" สีหน้าของกงซีมืดลง หลังจากที่เขาเข้าไปในห้องความมีชีวิตชีวาของเขาหายไป ผิวเริ่มซีดลงอย่างเห็นได้ชัด เขาวางกระเป๋าเดินทางลงบนพื้นและเริ่มนําเครื่องเซ่นไหว้พิธีกรรมต่างๆออกมา โดยจัดเรียงอย่างพิถีพิถันที่หน้าประตูห้องนอน จากนั้นคุกเข่าลงด้วยสีหน้าเคร่งขรึมและเริ่มท่องบทสวดออกมาด้วยความเคารพ "ห้องนี้มีเจ้าของ ขอแจ้งแก่ทุกทิศ ด้วยความเคารพ ผู้ที่ควรจากไป จงออกไป ผู้ที่ควรมา จงมา เทพประจําบ้านกลับคืนสู่ที่ของท่าน วิญญาณที่ไม่ต้องการต้องหลีกเลี่ยง ธัญพืชและอาหารที่นํามาอีกหลายชั่วอายุคน"

หลังจากกงซีโค้งคํานับด้วยความเคารพหลายครั้ง เขาก็นำป้ายไม้ออกมาวางอย่างระมัดระวังท่ามกลางเครื่องเซ่นมากมายที่วางอยู่ตรงหน้า

"คุณกําลังรออะไรอยู่? มาสวดร่วมกันเถอะ" กงซีกระตุ้นในขณะที่จุดเทียนเพิ่มอีกสองชุด "ทุกครอบครัวที่นี่ต่างมีความเชื่อแตกต่างกัน แต่ตอนนี้อนุญาตให้มีเพียงเทพแห่งเลือดและเนื้อเท่านั้น ถ้าใครกล้าบูชาเทพเจ้าองค์อื่นที่นี่ จะต้องเจอกับชะตากรรมอันเลวร้าย"

จูเหมียวเซียวตั้งข้อสงสัย "แต่ตอนนี้พวกเราไม่ได้ทำพิธีบูชาเทพแห่งเลือดนี่?" เธอชี้ให้ไปทางป้ายไม้ที่ถูกสลักว่า'เทพประจําบ้าน'

"ห้องที่มีโคมไฟสีขาวเป็นข้อยกเว้น คนที่เคยอาศัยอยู่ที่นี่ต่างบูชาเทพเจ้าองค์อื่น ดังนั้นพวกเราจึงต้องบูชาเทพเจ้าองค์อื่นที่นี่" อย่างไรก็ตาม ก่อนที่กงซีจะอธิบายจบ จู่ๆแผ่นไม้ก็แตกออกเป็นชิ้นเล็กๆกระจายไปทั่ว ต่อหน้าต่อตาทุกคน

ขณะที่เทียนริบหรี่ลง ลมหนาวที่เย็นยะเยือกพัดผ่านห้อง ม่านสีดําหนาที่แยกห้องนั่งเล่นออกจากห้องนอนเริ่มแกว่งไปมาเบาๆ ตุ๊กตากระดาษที่สร้างขึ้นให้ดูเหมือนเด็กผู้หญิงตัวเล็กๆ แอบมองออกมาจากห้องนอนด้านหน้าพวกเขาอย่างน่าขนลุก

กงซีตอบสนองอย่างรวดเร็ว เขาทิ้งตัวคุกเข่าลงอย่างรวดเร็ว ก้มหน้ากราบต่อ

เมื่อม่านสีดำตกลงมา ก็เผยให้เห็นห้องหนึ่งที่มีโต๊ะกลมขนาดใหญ่ รอบๆมีตุ๊กตากระดาษเจ็ดตัวนั่งอยู่ แต่ละตัวเป็นตัวแทนของกลุ่มคนที่อายุแตกต่างกัน ด้านหน้าแต่ละตัวมีชามที่เต็มไปด้วยข้าวสีแดง

ภายใต้แสงสลัวๆจากเปลวเทียน ร่างกระดาษทั้งเจ็ดที่นั่งอยู่ก็ค่อยๆหันหน้ามองมาอย่างช้าๆ!

ตามความเชื่อแต่โบราณ มนุษย์กระดาษไม่ควรวาดดวงตา ม้ากระดาษไม่ควรยกแผงคอ ในขณะที่ช่างฝีมือหลายคนใช้เข็มเจาะรูแทนที่ดวงตา แต่มนุษย์กระดาษทั้งแปดกลับถูกวาดดวงตาลงไป!

"ดูเหมือนพวกเราจะมารบกวนมื้ออาหารของพวกเขาแล้ว" เกาหมิงพูดอย่างประหม่า ก้าวถอยหลังโดยสัญชาตญาณ ขณะที่รับรู้ถึงสายตาที่แหลมคมของร่างกระดาษทั้งแปดที่จ้องมองมา

ตุ๊กตากระดาษที่มีลักษณะคล้ายเด็กหญิงตัวเล็กๆ เดินโซเซออกจากห้องนอนมาทางเกาหมิง ใช้มือล้วงเข้าไปในกระเป๋าเสื้อของเขาดึงสายรัดข้อมมือของไป๋เสี่ยวและเครื่องรางที่ลุงอู๋มอบให้ออกมา

เกาหมิงไม่กล้าหยุดเธอ หญิงสาวกางยันต์ที่ถูกพับออก เขย่ารูปที่ถูกหั่นฝอยเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยออกมา ดูเหมือนจะเป็นภาพครอบครัว และเป็นเพราะภาพเหล่านี้เองที่ทําให้เครื่องรางได้รับพลังบางอย่าง

"นี่คือรูปของพวกคุณเหรอ" เกาหมิงเงยหน้าขึ้น ก่อนพบว่าร่างกระดาษทั้งเจ็ดมายืนอยู่ต่อหน้าแล้ว แผ่นหลังของเกาหมิงชุ่มเหงื่อทันที พวกเขายืนเรียงกันเหมือนครอบครัวโดยมีเศษข้าวแดงอยู่ในปาก การแสดงออกของพวกเขาเหมือนจริงอย่างน่าขนลุก

เกาหมิงผ่านประสบการสยองขวัญมามากมาย แต่กลับรู้สึกไม่สบายตัวอย่างยิ่ง ภายใต้การจ้องมองของมนุษย์กระดาษทั้งแปด

เด็กหญิงกระดาษโยนเครื่องลางลงเตาอั้งโล่ ก่อนจับมือเกาหมิงเดินเข้าไปในห้องนอน ที่นั่นเขาพบชายชราคนหนึ่งสวมเสื้อผ้าขาดรุ่งริ่งนอนหลบอยู่ที่มุมหนึ่ง

"ลุงอู๋?" เกาหมิงจําอีกฝ่ายได้อย่างรวดเร็ว "การที่ลุงสามารถรอดจากเหตุการณ์ระดับสี่ได้ ลุงนี่ไม่ธรรมดาจริงๆนะ"

ลุงอู๋ต้องการแสร้งทําเป็นไม่รู้จักเกาหมิง แต่เกาหมิงดันมีเครื่องรางของขลังที่เขามอบให้ "พวกแกชอบแสวงหาความตายหรือไง!"

"พวกเรามาที่เพื่อช่วยเหลือผู้คน" เกาหมิงช่วยดึงลุงอู๋ขึ้น "อีกเรื่อง ลุงไม่ได้บอกความจริงกับผมด้วย"

"ทุกสิ่งที่ฉันพูดคือความจริง!" ลุงอู๋ปกป้องตัวเอง "มนุษย์กระดาษเหล่านี้เป็นตัวแทนของวิญญาณจากคดีสังหารหมู่ ฉันทำพิธีกรรมบูชาพวกเขาทุกปี ในทางกลับกันพวกเขาก็ปกป้องฉัน" ลุงอู๋ผลักเกาหมิงออกไป แสดงสีหน้ารังเกียจ "มันเหมือนกับเรื่องที่หลี่วตงปิน*ถูกสุนัขกัด ฉันเตือนพวกมันแล้ว แต่ไม่มีใครสนใจคำพูดของฉันเลย แล้วดูสิ สุดท้ายก็อย่างที่เห็น"

"คุณเห็นเจ้าหน้าที่คนอื่นอีกไหม" เกาหมิงถามด้วยความทึ่งกับการเปิดเผยของลุงอู๋

"พวกมันกินเนื้อ คงจะตายไปหมดแล้ว" ลุงอู๋คาดเดา ก่อนเคลื่อนตัวไปที่ประตู ด้านหน้าเขามีแท่นบูชาที่เรียบง่ายซึ่งบ่งบอกถึงพิธีกรรมที่ทำเป็นประจําอยู่ทุกปีของเขา เดิมทีเขาทําสิ่งนี้เพียงเพื่อแสวงหาความสงบทางจิตใจ แต่ไม่คาดคิดเลยว่าสิ่งที่เขาทำอยู่เป็นประจำทุกปีกลับกลายเป็นทางรอดของเขา

"เกิดอะไรขึ้นกันแน่ในอพาร์ตเมนต์แห่งนี้? ทําไมชาวบ้านบางคนถึงกลายร่างพิลึกพิลั่นแบบนั้น บางคนก็กลายเป็นผี แล้วทําไมพนักงานสอบสวนบางคนถึงถูกจับและปฏิบัติเหมือนสัตว์ในร้านขายเนื้อ!" ในที่สุดเกาหมิงก็พบคนเป็นและพูดรู้เรื่อง วันนี้เขาจะไม่มีทางปล่อยลุงอู๋ไปแน่ ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นก็ตาม!

"โอ้ย ซวยฉิบหายที่เจอพวกแก!" ลุงอู๋บ่น ห่อเสื้อโค้ทขาดรุ่งริ่งไว้รอบตัวให้แน่นขึ้นภายในห้องที่หนาวเหน็บ "งั้นก็ดูเอง" เขากล่าว พลางดึงกล้องตัวเก่าออกมาจากใต้แท่นบูชา

กล้องแสดงภาพครอบครัวสี่คนกำลังฉลองวันเกิด พ่อกําลังถ่ายทําช่วงเวลาที่พิเศษ พวกเขาจุดเทียนวันเกิด แต่จู่ๆเสียงเคาะประตูที่ไม่คาดคิดดังขึ้นขัดจังหวะพวกเขา

คนแม่เดินไปเปิดประตู ไม่นานเสียงกรีดร้องก็ดังขึ้น พ่อทิ้งกล้องในมือลง เสียงวุ่ยวายที่บ้าคลั่งดังขึ้น ฉากที่น่าสยดสยองตามมา

กล้องบันทึกภาพเหตุการณ์ภายในบ้านทั้งหมด เลือดมีอยู่ทุกหนทุกแห่ง ครอบครัวสี่คนนอนไร้ชีวิตภายในบ้านของพวกเขาเอง เพื่อนบ้านที่ได้ยินเสียงต้องการตรวจสอบ แต่สุดท้ายก็ตกเป็นเหยื่อของฆาตกรเช่นกัน

สองครอบครัวแปดชีวิต เสียชีวิตอย่างไม่เป็นธรรมในอพาร์ตเมนต์ของตัวเอง

หลังจากที่ฆ่าทุกคน แทนที่ฆาตกรจะหลบหนีออกจากที่เกิดเหตุ กลับเริ่มวาดสัญลักษณ์แปลกๆมากมายทั่วบ้าน สุดท้ายก็จบชีวิตของตัวเองในที่สุด

"คดีสังหารหมู่ครอบครัว? คุณได้วิดีโอนี้มาได้ยังไง!" ในฐานะคนที่เคยทํางานในเรือนจําอาญาสูงสุดก็ต้องรู้สึกตกใจเมื่อเห็นวิดีโอนี้

"ฉัน... ลาดตระเวนในคืนนั้น เมื่อฆาตกรขึ้นบันได เขาก็เดินผ่านฉันไป" ลุงอู๋พูดด้วยความรู้สึกผิด "ถ้าฉันสังเกตเห็นอะไรบางอย่าง โศกนาฏกรรมนี้ก็คงไม่เกิดขึ้น"

"แล้วทําไมคุณไม่ส่งวิดีโอนี้ให้ตํารวจล่ะ" เกาหมิงงุนงงเล็กน้อย

"ดูต่อไปเรื่อยๆ" วิดีโอยังคงเล่นอยู่ คนแรกที่มาถึงที่เกิดเหตุไม่ใช่ตํารวจ แต่เป็นคนจากองค์กรการกุศล ดูเหมือนว่าพวกเขาจะรู้ว่าสิ่งนี้จะเกิดขึ้น พวกเขาเข้าไปในห้องและหยิบของบางอย่างจากร่างของฆาตกร

"เห็นใช่ไหม สิ่งนี้เชื่อมโยงกับองค์กรการกุศล แต่ก็ไม่มีหลักฐานโดยตรง นอกจากกล้องวีดีโอนี้" ลุงอู๋กลัว "ฆาตกรเสียชีวิต คดีก็ถึงทางตัน ถ้าฉันไม่เก็บกล้องวิดีโอนี้ไว้ เรื่องนี้อาจหายไปอย่างลึกลับตลอดกาล แกไม่เข้าใจถึงอิทธิพลขององค์กรการกุศลฮั่นไห่ พวกเขาสร้างโรงเรียนและโรงพยาบาลหลายแห่ง พวกเขาคือความหวังของคนจนนับไม่ถ้วน"

"นั่นอาจจะเป็นเรื่องจริงในอดีต แต่ตอนนี้..." เกาหมิงไม่ได้มุ่งเป้าไปที่สมาคมกุศลแต่กําลังคิดถึงรองประธานสมาคมซิตูอัน!

"นับตั้งแต่อพาร์ตเมนต์ซือสุ่ยสร้างเสร็จ องค์กรการกุศลได้แอบขนสิ่งของต่างๆมากมายเข้าไปในอาคาร ส่วนใหญ่เป็นสิ่งของที่เกี่ยวข้องกับผู้เสียชีวิต" ลุงอู๋เปิดเผยความลับนี้ ซึ่งแสดงให้เห็นถึงระดับความเฉลียวฉลาดมากกว่ารูปลักษณ์ภายนอกที่เขาเป็นอยู่ในตอนนี้ เขาเฝ้าติดตามกิจกรรมทั้งหมดมาโดยตลอด

ลุงอู๋จัดเทียนสีแดงสองเล่มและเทียนสีขาวสี่เล่มอย่างระมัดระวัง "เจ้าหน้าที่จากองค์กรการกุศลจงใจเรียกวิญญาณมาที่นี่ ความพยายามของพวกเขาประสบความสําเร็จแล้ว วิญญาณที่มุ่งร้ายที่สุดในอาคารหลังนี้ มีทั้งหมดสองตน หนึ่งคือฆาตกรสังหารหมู่ครอบครัวและมีหัวใจที่มีเลือดเนื้อ ส่วนอีกตน... คือเทวรูปดินเหนียวสีเลือด! ที่พวกชาวบ้านทุกคนในอพาร์เม้นท์นับถือ มันเคลื่อนไหวด้วยความเชื่อและความคิดร่วมกันของพวกเขา ก่อตัวเป็นหัวใจขึ้น"

"นอกจากสองตนนี้ ผู้อยู่อาศัยที่นี่สามารถแบ่งออกเป็นสี่กลุ่มที่แตกต่างกัน" อู๋ป๋อหันมาสนใจเทียนสีขาว "พวกเขาได้รับอิทธิพลภายใต้เทพแห่งเลือดและเนื้อ แต่ละกลุ่มแสดงลักษณะที่แตกต่างกัน คือ ชีวิต ความตาย ความปรารถนาและการแก้แค้น"

"กลุ่มชีวิตก็เหมือนพวกเรา คนนอกที่ยังคงรักษาแก่นแท้ของมนุษย์ไว้ กลุ่มความปรารถนาคล้ายกับไอ้หนุ่มนายหน้าคนนั้น ซึ่งความปรารถนาที่ลึกที่สุดถูกปลุกให้ตื่นขึ้น เนื้อหนังของพวกเขาเปลี่ยนแปลงไป ถูกผูกมัดไว้ที่นี่ชั่วนิรันดร์ในฐานะนักโทษของเทพแห่งเลือดและเนื้อ ต่อมาคือกลุ่มความตายคือผู้ที่ใกล้จะถึงวาระสุดท้ายของชีวิต จะถูกห่อหุ้มด้วยความมืดมิดและถูกตัวอักษรสีดําทําเครื่องหมายไว้ ดํารงชีวิตอยู่โดยการบริโภคเครื่องบูชาจากแท่นบูชาของเทพแห่งเลือดและเนื้อเท่านั้น และสุดท้ายแก้แค้นประกอบด้วยวิญญาณที่เศร้าโศกจํานวนมากของเหยื่อที่ติดอยู่ที่นี่และถูกมองว่าเป็นลางร้าย

ลุงอู๋จึงย้ายเทียนสีขาวออกไปด้วยความระมัดระวัง "ผู้อยู่อาศัยพวกนี้ไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คิด ฉันเชื่อว่าตราบใดที่พวกเราฆ่าผีสองตัวนั้นได้ พวกเราก็จะหลุดพ้นจากที่นี่"

"ลุงอู๋มีอีกปัจจัยหนึ่งที่คุณอาจจะมองข้ามไป" เกาหมิงเอื้อมมือไปหยิบเทียนสีแดงเล่มหนึ่ง "ชิตูอันรองประธานสมาคมการกุศลฮั่นไห้ ก็อยู่ในอาคารนี้ด้วย"

*เหลี่วตงปิน เป็นเซียนองค์ที่ 3ในจำนวน 8องค์ หรือที่ทุกคนรู้จัก โป๊ยเซียน ท่านเป็นเทพเจ้าแห่ง โชคลา�

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด