ตอนที่ 380
ตอนที่ 380
ร่างกายของมันเต็มไปด้วยหนาม
ยิ่งกว่านั้น สัตว์อสูรตนนี้ยังมีเขาสองเขาบนหัวและมีอีกเขาหนึ่งตรงจมูกเช่นเดียวกับนอแรด
สิ่งที่น่ากลัวยิ่งกว่านั้นคือเขี้ยวทั้งสองข้างของปากซึ่งยกขึ้นสูง
มุมแหลมคมที่ด้านบนของเขี้ยวทั้งสองนี้ยื่นสูงเกือบจะทิ่มศีรษะ
มองไกลๆจะดูเหมือนมันมีอยู่ห้าเขา
ตรงข้อศอกงอของแขนทั้งสองมีหนามยื่นออกมา
พวกมันทั้งหมดดูเหมือนคริสตัลสีม่วงเข้ม
คริสตัลมีความโปร่งใส และดูเหมือนว่าจะมีพลังที่น่ากลัวอย่างยิ่ง
กรงเล็บด้านหน้าทั้งสองของมันหนา ทรงพลัง และคมเป็นอย่างมาก
เพียงแค่มองก็ทำให้ผู้คนสั่นสะท้านด้วยความกลัว
การโจมตีทุกครั้งของสัตว์อสูรตนนี้สามารถฉีกช่องว่างทั้งหมดออกจากกันได้ด้วยกรงเล็บ
ออร่าความมืดอันไร้ขอบเขตโผล่ออกมาจากรอบตัวมัน
พลังจิตวิญญาณสีดำปกคลุมบริเวณโดยรอบ มันพลุ่งพล่านเป็นอย่างมาขณะที่ปกคลุมไปทั่ว
คนที่มันกำลังต่อสู้อยู่ในขณะนี้สมควรเป็นคนที่อยู่บนเรือลำเดียวกันกับเต๋าซุนก่อนหน้านี้
แม้ว่าคนเหล่านี้จะมีจำนวนเหนือกว่า แต่พวกเขาไม่ใช่คู่มือของสัตว์อสูรตัวนี้เลย
ทุกครั้งที่สัตว์อสูรโจมตีออกไป ก็จะมีคนได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิตไม่มากก็น้อย
“เราควรถอยดีกว่า เราไม่ใช่คู่ต่อสู้ของสัตว์อสูรตัวนี้” คนในฝูงชนก็ตะโกน
“หากเป็นเช่นนี้ต่อไป เราทุกคนได้ถูกฆ่าตายแน่”
“พวกเราเสียสละคนไปมากมาย และไหนๆก็มาถึงขนาดนี้แล้ว เจ้าคิดจะจากไปทั้งอย่างนี้จริงรึ ?
นอกจากนี้ สัตว์อสูรตัวนี้ก็ดูเหมือนใกล้จะหมดแรงเต็มทน เราควรอยู่ต่อไม่ดีกว่ารึ ”
ก็ยังมีคนที่ไม่เต็มใจที่จะจากไป ซึ่งนี่ทำให้ทุกคนเริ่มลังเล
เต๋าซุนยืนอยู่บนต้นไม้ที่ตายแล้วในบริเวณใกล้เคียง โดยเท้าของเขาอยู่บนกิ่งไม้ด้านบน
เขายังคงมองดูสถานการณ์ด้านล่าง
อย่าว่าแต่การต่อสู้ระหว่างกลุ่มคนกับสัตว์อสูรตอนนี้เลย
เต๋าซุนยังพบว่ามีทุ่งดอกไม้ด้านอยู่ด้านหลังสัตว์อสูรตนนี้ด้วย ทุ่งดอกไม้อยู่ภายใต้พุ่มไม้หนาทึบ
พุ่มไม้ล้อมรอบแปลงดอกไม้ และแม้แต่บริเวณโดยรอบก็ปกคลุมไปด้วยไม้เลื้อย แผ่ขยายปกคลุมแปลงดอกไม้
มีสมุนไพรลึกลับมากมายถูกปลูกอยู่ในสวนดอกไม้แห่งนี้
เต๋าซุนไม่เคยเห็นการปรากฏของสมุนไพรลึกลับมากมายเพียงนี้มาก่อน และแต่ละอย่างก็ดูเหมือนจะเป็นสมุนไพรที่หาได้ยากอย่างยิ่ง
บางอันแม้กระทั่งสูญพันธุ์ไปแล้วในยุคปัจจุบันด้วยซ้ำ
แต่ท่ามกลางทุ่งสมุนไพรและดอกไม้เหล่านี้ มีดอกไม้ที่ดูโดดเด่นเป็นพิเศษอยู่ดอกหนึ่ง
ตามลักษณะของดอกไม้ เต๋าซุนก็เห็นว่ามันเป็นดอกตูมสีแดง
เหง้าของดอกมีความยาวเพียงประมาณ 20 เซนติเมตร เส้นผ่านศูนย์กลางมีหนามแหลมคมปกคลุม
ดอกไม้มีสี่กลีบ และกลีบมีสีม่วงแดง
ในขณะนี้ ดอกไม้นี้เต็มไปด้วยพลังจิตวิญญาณชั่วร้ายและวิญญาณแข็งแกร่งที่น่ากลัวอย่างยิ่ง
ท่ามกลางออร่าปีศาจเหล่านี้ เสียงคำราม เสียงตะโกน และเสียงครวญครางก็ดังขึ้นอยู่ตลอดเวลา
และบนกลีบแต่ละกลีบก็มีใบหน้าปรากฏ
มีจมูก ตา และปาก
การแสดงออกบนใบหน้าเหล่านี้แตกต่างกันออกไป
กลีบสี่กลีบ แสดงถึงความสุข ความโกรธ ความเศร้าและความแค้น ตามลำดับ
เต๋าซุน มองไปที่กลีบดอก และเขาก็พบว่ากลีบดอกกำลังมองมาที่เขาเช่นกัน
การแสดงออกพวกมันราวกับว่ากำลังล้อเลียนเขาอยู่
แต่ละการแสดงของใบหน้าเหล่านี้ประกอบไปด้วยแนวคิดที่แตกต่างกัน
ก่อนที่เต๋าซุนจะมีเวลาเข้าใกล้ ผู้คนที่ต่อสู้ด้านล่างก็สังเกตเห็นเขา
“สหาย โปรดช่วยเราด้วย ยิ่งเรามีคนเยอะเท่าไหร่ พวกเราก็ยิ่งแข็งแกร่ง” มีคนตะโกนจากด้านล่าง
“ฆ่าสัตว์อสูรตัวนี้เสียก่อน จากนั้นค่อยแบ่งสมบัติเท่าๆกัน”
เมื่อได้ยินสิ่งที่ชายคนนั้นพูด เต๋าซุนก็ยืนนิ่งและไม่ขยับ
เขายิ้มแล้วพูดว่า "ข้าก็แค่ผ่านมาเท่านั้น ใครอยากได้สมบัติก็เชิญเลย"
เต๋าซุนพูดและก้าวถอยหลัง
เมื่อเห็นร่างของ เต๋าซุนหายไปจากสายตา ผู้คนเหล่านั้นก็ผ่อนคลาย
ท้ายที่สุดแล้ว ก็ไม่มีใครอยากให้มีคนมาจ้องมองดูการต่อสู้ที่ต้องเสี่ยงชีวิตและความตายของตน
-
“เจ้าเห็นสิ่งนั้นไหม” หลังจากเดินมาถึงสถานที่รกร้าง เต๋าซุนก็เรียกไป่เหมินและถาม
“สัตว์อสูรตัวนั้นคืออสูรเพลิงหัวใจม่วง” ไป่เหมินตอบ
“เป็นสัตว์อสูรจากยุคสูญสิ้น
พวกมันสมควรจะสูญพันธุ์ไปแล้วก่อนที่ยุคจะสิ้นสุดยุคสูญสิ้น
ข้าไม่คิดเลยว่าจะได้เจอมันอีกในยุคนี้ ”
“ดอกไม้นั้นคืออะไร” เต๋าซุน ถามต่อ
“ข้าไม่เคยเห็นมันมาก่อนเช่นกัน กลิ่นอายของมันแปลกเป็นอย่างมาก” ไป่เหมินส่ายหัวแล้วพูด
“น่าสนใจ” เต๋าซุนหัวเราะเบา ๆ
เขากล่าวต่อ: "สิ่งมีชีวิตที่ควรจะสูญพันธุ์ไปแล้วได้ปรากฏขึ้นอีกครั้ง… ดูเหมือนว่าจะมีความลับมากมายเลยทีเดียวบนเกาะนี้!"
“นายท่านต้องการดอกไม้ดอกนั้นหรือ ?”ไป่เหมินถาม
“การที่มันปรากฏขึ้นเช่นนี้ มันย่อมถูกกำหนดไว้แล้วว่าให้เป็นของใครสักคน และข้าก็คิดว่าดอกไม้นั่นจะต้องเป็นของข้า ” เต๋าซุน ตอบ
“แล้วทำไมเราถึงถอยออกมา?” ไป่เหมินถามอย่างสงสัย
ตอนนี้ เต๋าซุน สามารถฆ่าคนเหล่านั้นและสัตว์อสูรเพลิงหัวใจม่วงได้อย่างง่ายดาย และก็สามารถเดินเข้าไปเอาดอกสีแดงนั่นได้เลย
แต่เมื่อครู่เขากลับเลือกที่จะจากมาเสียอย่างนั้น…. ไป่เหมินจึงอดไม่ได้ที่จะสงสัย
“จะเป็นอย่างไรถ้าดอกไม้นั้นตกอยู่ในอันตราย” เต๋าซุนตอบ
“ขณะที่ดอกไม้นั่นรู้สึกถึงอันตราย มันย่อมต้องทำอะไรบางอย่างแน่นอน และนั่นอาจต้องมีใครสักคนที่รับเคราะห์ไป”
“นายท่านหมายความว่า…?” ไป่เหมินดูเหมือนจะคิดอะไรบางอย่างออก
“ตอนนี้เจ้าสามารถใช้พลังของตัวเองที่นี่ได้หรือไม่” เต๋าซุนก็ถามขึ้น
“ไม่กี่ส่วนจากที่มีอยู่ขอรับ มิเช่นนั้นอาจเป็นการฝืนกฏสวรรค์มากเกินไป ”ไป่เหมินพูดเบา ๆ
“แค่ลงมือได้ก็นับว่าเกินไปแล้ว เจ้าแยกจิตสำนึกของเจ้าออกไปฆ่าสัตว์อสูรเพลิงหัวใจม่วงตัวนั้นซะ ส่วนที่เหลือก็ปล่อยให้คนเหล่านั้นดำเนินต่อไป” เต๋าซุน พูดเบา ๆ
“ปล่อยให้คนเหล่านั้นพิสูจน์สิ่งที่ข้าคาดการณ์”
“ข้าเข้าใจแล้ว”ไป่เหมินพยักหน้าเล็กน้อย
พลังปีศาจลอยออกมาจากร่างของเต๋าซุนบางๆ จากนั้นมันก็พุ่งออกไปไกลในพริบตา
เต๋าซุน ยืนอยู่สูงบนท้องฟ้า มองไปยังทิศทางของสัตว์อสูรเพลิงหัวใจม่วง และสังเกตทุกสิ่ง
-
ในขณะนี้ สถานการณ์ต่อสู้เห็นได้ชัดเลยว่าทุกคนนั้นได้หมดแรงไปแล้วและไม่อาจสู้ต่อไหว
“ข้าบอกแล้วให้ถอย เจ้ายังดื้อดึงจะเอาสมบัตินั้นอีก” ก็มีคนบ่นขึ้นมา
“วันนี้เราต้องมาตายอยู่ที่นี่จริงๆรึ?”
ในขณะที่ทุกคนหมดหวัง พวกเขาก็เห็นว่าจู่ๆมีบางอย่างเกิดขึ้นกับสัตว์อสูร
พลังปีศาจบางเบาโจมตีสัตว์อสูรเพลิงหัวใจม่วงอย่างแรงที่ด้านหลัง
สัตว์อสูรกรีดร้องด้วยความเจ็บปวด มันคำรามขึ้นไปบนท้องฟ้าและหันไปมองด้านหลัง
ทันทีพลังที่ไม่รู้จักก็พุ่งลงมาจากท้องฟ้า
สัตว์อสูรเพลิงหัวใจม่วงที่เห็นเช่นนั้นก็สั่นเล็กน้อย
ด้วยสัญชาตญาณ มันก็รู้สึกกลัวเป็นอย่างมาก
มันต้องการหลบหนี แต่ทว่าคลื่นพลังอันยิ่งใหญ่ก็กวาดเข้ามาจากท้องฟ้าแล้ว
พลังระเบิดไปทั่วพื้นที่
ทุกอย่างถูกทำลาย
สัตว์อสูรเพลิงหัวใจม่วงล้มลงกับพื้น นอนโรยรินอยู่กับพื้น
ไป่เหมินส่งเสียงอย่างเย็นชา และพลังปีศาจกับเปลวไฟปีศาจก็รวมเข้าด้วยกัน
กลายเป็นมีดเพลิงเล่มหนึ่ง
จากนั้นมีดเพลิงก็ทะลุผ่านความว่างเปล่าพุ่งลงไปทำลายทุกสิ่ง
ในพริบตา
ผู้คนด้านล่างก็เห็นเพียงแสงสีดำแวบหนึ่งตรงหน้าเท่านั้น และในขณะที่พวกเขายังไม่ทันได้รู้สึกตัว
สัตว์อสูรเพลิงหัวใจม่วงก็ถูกแบ่งออกเป็นสองส่วนตั้งแต่หัว
ร่างใหญ่ถูกแบ่งออกตรงกลาง
เลือดสีดำพุ่งออกมา และมีกลิ่นเหม็นอบอวลไปทั่วพื้นที่
เมื่อเห็นฉากดังกล่าว ไป่เหมินก็ตะคอกเบา ๆ
จากนั้น ร่างเงาที่สวมเสื้อคลุมสีดำก็ถูกม้วนขึ้น และก็หายไปจากท้องฟ้าอย่างไร้ร่องรอย
เหตุการณ์ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว
ใบหน้าของทุกคนที่ดูการต่อสู้เมื่อครู่ก็กลายเป็นมืดมน
พวกเขายืนอยู่กับที่ มองดูสัตว์อสูรที่ตายแล้วกับพลังปีศาจที่ยังหลงเหลืออยู่บนท้องฟ้า และแข็งค้างไปชั่วขณะหนึ่ง
“สัตว์อสูรนั่น…ตายแล้วรึ” ใครบางคนก็พึมพำด้วยไม่ความแน่นอนหลังจากผ่านไปสักพัก