ตอนที่แล้วตอนที่ 1: ฉันไม่ได้เดินทางข้ามเวลา แต่เป็นพวกคุณที่เดินทางข้ามเวลา
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 3: กลายเป็นไอ้สารเลว

ตอนที่ 2: ทุกคนล้วนเก่งการแสดง


ตอนที่ 2: ทุกคนล้วนเก่งการแสดง

“????”

“ที่มาของวันสิ้นโลก?”

“หนึ่งร้อยยี่สิบปีก่อน?”

เมื่อได้ยินบทสนทนาระหว่างโครงกระดูกทั้งสอง หวังยวนจึงรู้สึกเศร้าโศกอย่างอธิบายไม่ถูก

กลายเป็นว่าทหารโครงกระดูกทั้งสองนี้มาจากผู้เล่น <<ดอว์นเบรกกิ้ง>> เมื่อหนึ่งร้อยยี่สิบปีต่อมา

แต่ว่าในช่วงหนึ่งเดือนต่อมา โลกคล้ายกับประสบกับบางสิ่งที่น่าสะพรึงเพราะ <<ดอว์นเบรกกิ้ง>> แม้กระทั่งมนุษย์ก็ไม่สามารถปกป้องบ้านเกิดจนถูกทำลายสิ้นซาก

หวังยวนผู้ทราบข่าวค่อนข้างทำใจเชื่อลำบากขณะรู้สึกตื่นตระหนกอย่างอธิบายไม่ได้

แต่หวังยวนไม่อาจถามสิ่งที่เกิดขึ้นได้

ถึงอย่างไรเขาต้องแสร้งทำเป็นไม่ได้ยินคำพูดของโครงกระดูก หาไม่แล้วด้วยพละกำลังอ่อนแอในตอนนี้ มีหวังถูกเจ้าสองคนนี้ที่เต็มไปด้วยความทะเยอทะยานฆ่าตายเป็นแน่

ดูเหมือนว่าโลกจะมาถึงจุดจบในอีกสามปี

ตนเองต้องแข็งแกร่งให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้เพื่ออยู่รอดในสภาพแวดล้อมหลังวันสิ้นโลก หวังยวนไม่สนใจว่ามนุษยชาติจะถูกทำลายภายในหนึ่งร้อยยี่สิบปีหรือไม่ แต่อย่างน้อยมันก็ยังไม่ถูกทำลายตอนที่ตนเองยังมีชีวิตอยู่

“หากเป็นเมืองซีเป้ยที่เพิ่งเปิดใหม่ วัตถุศักดิ์สิทธิ์น่าจะยังอยู่ในมือของนายกเทศมนตรีฮาก” ต้าไป๋เหลือบมองนายกเทศมนตรีขณะเอ่ยคำอย่างแผ่วเบา

“บัดซบ! NPC ไร้สมองคนนี้ที่ชื่อซิก้าถึงกับเสียวัตถุศักดิ์สิทธิ์ไป หากฉันเจอเขาเมื่อไหร่ มีหวังได้จับเขาแทงสิบแปดครั้งแน่นอน” คำพูดของเสี่ยวไป๋เต็มไปด้วยความไม่พอใจยามพูดถึงวัตถุศักดิ์สิทธิ์

“คุณคิดว่าพวกเราจะช่วยให้เจ้าโง่คนนี้ได้รับวัตถุศักดิ์สิทธิ์มายังไงดี?” ต้าไป๋สอบถามด้วยน้ำเสียงครุ่นคิด “เขาเป็นเนโครแมนเซอร์ยอดฝีมือที่หายากมากหลังจากเกิดวันสิ้นโลก หากเขาได้รับวัตถุศักดิ์สิทธิ์ พวกเราก็จะสามารถฟื้นคืนพลังกลับมาได้ ด้วยความแข็งแกร่งของกองทัพอันเดด ประวัติศาสตร์อาจจะถูกเขียนขึ้นใหม่ก็ได้”

“หา? แล้วจะช่วยให้เขาได้มันมายังไง? เจ้าโง่คนนี้ไม่ได้ยินเสียงพวกเรา แล้วพวกเราจะบอกเขายังไงว่าผู้แฝงตัวของเผ่ามารคือริคในโรงเตี๊ยม” เสี่ยวไป๋พึมพำ “แถมตอนนี้ปัญหาสำคัญคือวิธีรับภารกิจต่างหาก นี่เป็นภารกิจประเภททริกเกอร์ ตามบันทึกทางประวัติศาสตร์ ภารกิจวัตถุศักดิ์สิทธิ์จะต้องถูกยกเลิกหลายครั้งติดต่อกันก่อนถึงจะรับภารกิจมือใหม่ได้ แล้วพวกเราจะทำให้เขายกเลิกมันได้ยังไง”

“ง่ายจะตาย ตอนเขารับภารกิจ พวกเราก็โจมตีผู้เล่นที่อยู่ข้างเขาเพื่อเข้าสู่โหมดต่อสู้ แล้วบทสนทนาก็จะถูกยกเลิกใช่ไหมล่ะ? ที่นี่มีผู้คนอยู่มากมาย เขาไม่มีทางรับได้หรอก” ต้าไป๋เอ่ยคำ

“บัดซบ มีเหตุผล สมแล้วที่ถูกเรียกว่าผู้อาวุโสหวูซวง… อาจารย์ ต้องเป็นคุณนี่แหละ” เสี่ยวไป๋อดไม่ได้ที่จะชื่นชม

“ใช่แล้ว ฉันเป็นนักเวท ไม่ใช่อาชีพที่ใช้สมองน้อยอย่างคุณสักหน่อย”

“ชิ! แบบนี้ก็เล่นด้วยกันไม่ได้สินะ” เสี่ยวไป๋รู้สึกหดหู่

“วัตถุศักดิ์สิทธิ์คืออะไร? ฟังดูแล้วทรงพลังไม่เบา”

“เนโครแมนเซอร์จะหายากในอนาคตงั้นเหรอ?”

“กลายเป็นว่าริคในโรงเตี๊ยมคือเป้าหมายของสิ่งที่เรียกว่าภารกิจวัตถุศักดิ์สิทธิ์นี่เอง”

“สองคนนี้ช่างโง่เง่าเสียจริง ถึงกับระดมความคิดเช่นนั้นเพื่อช่วยเรารับภารกิจ…”

หลังจากได้ยินบทสนทนาระหว่างทหารโครงกระดูก หวังยวนยังคงไม่แสดงสีหน้าขณะเบียดเสียดเข้าไปในฝูงชนพร้อมกับตะโกนออกมา "ทำไมผู้คนถึงมากมายขนาดนี้... กางเกงแทบจะเบียดเสียดกันอยู่แล้ว"

ทหารโครงกระดูกทั้งสองมองหน้ากันแล้วหัวเราะคิกคัก

หลังจากเบียดเสียดท่ามกลางฝูงชน หวังยวนจึงมาถึงตรงหน้านายกเทศมนตรีฮาก

“นี่มันหนิวต้าลี่ไม่ใช่เหรอ? ได้ยินมาว่าคุณอัญเชิญผู้พิทักษ์โครงกระดูกเป็นของตัวเองจนได้รับพลังในการควบคุมคนตายมาแล้ว ยามโลกภายนอกไม่สงบสุขเท่าไหร่ คุณช่วยฉันทำบางอย่างได้หรือเปล่า?”

"ฉัน..."

"ฉึ่ก!"

หวังยวนกำลังจะเอ่ยคำ แต่ต้าไป๋ผู้ยืนอยู่ด้านหลังแสร้งแทงผู้เล่นที่อยู่ด้านหลังโดยไม่ตั้งใจ

บทสนทนาภารกิจของหวังยวนถูกยกเลิก แล้วระบบแจ้งเตือนจึงปรากฏขึ้นตรงหน้า

ระบบแจ้งเตือน: คุณกำลังเข้าสู่โหมดต่อสู้…

“????”

เมื่อเห็นเช่นนี้ หวังยวนจึงแสร้งทำเป็นสับสนแล้วตะโกนออกมา "ไอ้บ้าที่ไหนตีฉัน? ปล่อยให้รับภารกิจก่อนไม่ได้หรือไง?"

ช่างเป็นการแสดงที่ตีบทแตกมาก

ผู้เล่นที่อยู่ใกล้เคียงต่างมีสีหน้าสับสน

ยี่สิบวินาทีต่อมา หวังยวนจึงออกจากโหมดต่อสู้ก่อนจะไปคุยกับนายกเทศมนตรีฮาก แล้วต้าไป๋จึงฟันขาของผู้เล่นอีกคนจนทำให้ภารกิจของหวังยวนถูกขัดจังหวะอีกครั้ง

สามครั้ง…

สี่ครั้ง…

หลังจากถึงครั้งที่สิบ ในที่สุดน้ำเสียงของนายกเทศมนตรีฮากจึงเปลี่ยนไป "ดูเหมือนคุณต้าลี่จะไม่สนใจภารกิจธรรมดาสินะ"

“อา…”

เมื่อได้ยินเช่นนี้ หวังยวนจึงรู้สึกยินดีขึ้นมาด้วยทราบว่ามันคือภารกิจลับ จากนั้นจึงแสร้งทำเป็นสับสนแล้วตอบคำ "อา ใช่ใช่ใช่... จะฆ่าไก่ไยต้องใช้มีดฆ่าวัว [1] ฉันคือผู้มีพรสวรรค์ในหมู่คนทั่วไป เพราะงั้นคุณนายกเทศมนตรีควรมอบหมายภารกิจที่เหมาะกับฉันมาน่าจะดีกว่า”

“หมอนี่หน้าไม่อายเหลือเกิน!!”

หลังจากได้ฟังคำของหวังยวน หากโครงกระดูกทั้งสองมีปากก็คงสามารถอ้าไปจนถึงหลังศีรษะได้

“เฮ่... เด็กดี!”

นายกเทศมนตรีฮากมองหวังยวนขณะเอ่ยคำชื่นชม "ตอนนี้โลกถูกรุกรานโดยพลังมาร เผ่ามารที่ถูกผนึกโดยทวยเทพมานานนับพันปีพร้อมที่จะลงมือ ซึ่งเมื่อวานนี้มีสายลับบุกเข้ามาในเมืองของพวกเรา"

ระบบแจ้งเตือน: คุณทริกเกอร์ภารกิจลับ “สายลับเผ่ามาร” ต้องการรับหรือไม่?

"รับ!"

หวังยวนพยักหน้าอย่างหนักแน่น

“จริงเหรอ? บอกได้หรือเปล่าว่าเกิดอะไรขึ้น?” หวังยวนมีสีหน้าสงสัย

“เมืองซีเป้ยของพวกเราเป็นเมืองป้องกันชายแดน แต่เมื่อคืนกลับมีใครบางคนแอบเข้าไปในห้องทำงานของฉันเพื่อพยายามขโมยแผนที่ชายแดน แต่ฉันดันมาเจอเข้าพอดี ระหว่างที่พวกเราสู้กัน มันใช้เวทมืดของเผ่ามาร แม้ว่ามันจะหลบหนีไปได้ แต่มือของมันได้รับบาดเจ็บเพราะฝีมือของฉัน คงน่าจะยังซุ่มอยู่ในเมือง หวังว่าคุณจะสามารถช่วยฉันหาตัวมันจนเจอได้”

ระบบแจ้งเตือน: คุณรับภารกิจลับระดับ S “เปิดโปงเผ่ามาร” รายละเอียดภารกิจ: ตามหาสายลับเผ่ามารในเมือง รางวัลภารกิจ: ไม่ทราบ

“นี่คือยาเปิดเผย!”

หลังจากนั้น นายกเทศมนตรีฮากหยิบขวดยาสามขวดออกมาจากกระเป๋าแล้วส่งให้หวังยวน "นี่คือ "ยาเปิดเผย" ที่ถูกหลอมโดยนักเล่นแร่แปรธาตุผู้ยิ่งใหญ่นามว่าไคลด์ มันสามารถทะลวงการปลอมแปลงของเผ่ามารได้ จำนวนมีเพียงสามขวดเท่านั้น ขอให้คุณใช้อย่างระมัดระวัง"

“สามขวดเหรอ?” หวังยวนขมวดคิ้ว

ภารกิจครั้งนี้คงยากพอสมควร

นี่ยังไม่รวมเรื่องเงื่อนไขการทริกเกอร์ที่ต้องปฏิเสธภารกิจมือใหม่ของนายกเทศมนตรีถึงสิบครั้ง

กระบวนการภารกิจเพียงอย่างเดียวยังค่อนข้างยากจนน่าขบขัน

แม้เมืองซีเป้ยคือพื้นที่มือใหม่ แต่อย่างน้อยก็มี NPC อยู่ในเมืองหลายพันคน

โชคยังดีที่ตอนนี้ตนเองทราบว่าใครคือสายลับ หาไม่แล้วตนเองจะไปหายาสามขวดมาจากไหน

“ในเมื่อได้รับภารกิจแล้ว ทีนี้พวกเราจะพาเขาเข้าไปในโรงเตี๊ยมได้ยังไง?” เมื่อเห็นหวังยวนได้รับไอเทมภารกิจแล้ว เสี่ยวไป๋จึงเอ่ยถามด้วยความวิตกกังวล

“หลังจากนี้เขาน่าจะเดินผ่านโรงเตี๊ยม แล้วพวกเราจะแกล้งขวางทางเพื่อทำให้หยุดอยู่ตรงนั้นสักพัก… จากนั้นก็ขึ้นอยู่กับความเข้าใจของเขาแล้ว” ต้าไป๋เอ่ยคำ

แต่ก่อนที่ต้าไป๋จะเอ่ยคำจบ หวังยวนกลับพึมพำกับตัวเอง "โรงเตี๊ยมเป็นสถานที่ที่ NPC รวมตัวกันมากที่สุดในเมือง มีความเป็นไปได้สูงที่คนต้องสงสัยจะอยู่ในโรงเตี๊ยม"

สิ้นคำ หวังยวนจึงเดินตรงไปที่โรงเตี๊ยม

“ไอ้หยา... หมอนี่ฉลาดกว่าที่ตาเห็นเสียอีก”

“นั่นสิ ฉลาดกว่าที่ฉันคิดเอาไว้มาก”

ทหารโครงกระดูกทั้งสองรู้สึกตื่นเต้นเมื่อได้ยินเช่นนี้ ใครเล่าจะคาดคิดว่าหวังยวนจะฉลาดขนาดนี้

หลังจากนั้น หวังยวนกับทหารโครงกระดูกจึงมาถึงโรงเตี๊ยม

โรงเตี๊ยมไม่ได้มีชีวิตชีวาอย่างที่หวังยวนคาดเอาไว้

ถึงอย่างไรเกมก็เพิ่งเปิดให้บริการ ทำให้ผู้เล่นมัวแต่ยุ่งกับการทำภารกิจจนไม่มีใครมีเวลาหรือเงินมาใช้บริการโรงเตี๊ยม

“เป็นหนิวต้าลี่นี่เอง อยากดื่มเพลิงนรกถึงเพิ่งมาใหม่สักแก้วไหม ราคาแค่หนึ่งเหรียญทองเท่านั้น” เจ้าของโรงเตี๊ยมนามว่าบลูยืนอยู่ด้านหลังเคาน์เตอร์ขณะกล่าวทักทายหวังยวน

หวังยวนเหลือบมองชื่อเหนือศีรษะของบลูแล้วพึมพำกับตัวเอง

“เห็นบอกว่าสายลับคือริคผู้อยู่ในโรงเตี๊ยมไม่ใช่เหรอ? ชื่อของสหายคนนี้ก็ไม่ใช่ริคด้วย หรือว่าจะมีบางอย่างผิดปกติกับความทรงจำของทั้งสองกัน?”

“หืม? คนนี้คือริคไม่ใช่เหรอ? มีอะไรผิดปกติกับบันทึกประวัติศาสตร์หรือเปล่า?” เสี่ยวไป๋ประหลาดใจเช่นกัน

ต้าไป๋เอ่ยคำอย่างหนักแน่น "ไม่มีทาง! ผ่านมาแค่หนึ่งร้อยยี่สิบปีเท่านั้นเอง ทุกเหตุการณ์สำคัญที่ส่งผลกับปมประวัติศาสตร์ที่อยู่ในหนังสือประวัติศาสตร์ไม่มีทางผิดพลาดได้! ถึงหนังสือจะบอกว่าริคอยู่ในโรงเตี๊ยม แต่ไม่ได้บอกว่าเจ้าของจะชื่อริคสักหน่อย”

“…”

เมื่อได้ยินคำพูดของต้าไป๋ หวังยวนจึงขมวดคิ้วขณะหยิบเหรียญทองแดงสิบเหรียญออกมาจากกระเป๋าแล้วโยนไปให้เจ้าของโรงเตี๊ยม จากนั้นเอ่ยคำด้วยความใจกว้าง "เอาไวน์มอลต์ที่ถูกที่สุดมาให้ฉันสักแก้ว! ฉันมีเรื่องอยากจะถามหน่อย"

สิ้นคำ หวังยวนจึงนั่งอยู่ตรงมุมหนึ่งของโรงเตี๊ยม

เมื่อเห็นเหรียญทองแดงอยู่บนบาร์ เจ้าของโรงเตี๊ยมจึงเผยสีหน้าเหยียดหยันขณะเก็บเหรียญทองแดงแล้วตะโกน "ริค เอาไวน์มาให้แขกหน่อย"

"นั่นไง!!"

หวังยวนคลี่ยิ้มบาง

โครงกระดูกทั้งสองตกตะลึงเช่นกันหลังจากได้ยินเช่นนี้ หวังยวนถึงขั้นรู้สึกถึงความชื่นชมจากทหารโครงกระดูกทั้งสองที่มีต่อตนเองชั่วขณะ

แต่วินาทีต่อมา เสียงดูถูกของทั้งสองกลับดังขึ้นในใจ

“หมอนี่เสแสร้งเก่งเหลือเกิน...”

“นั่นสิ เข้าโรงเตี๊ยมด้วยเหรียญทองแดงสิบเหรียญแล้วยังอยากจะถามอะไรเพิ่มเติมอีก”

“แต่ด้วยความโชคดีโดยบังเอิญที่ทำให้ตัวการที่แท้จริงออกมา”

[1]: เปรียบเปรยว่าทุ่มสุดกำลังแต่ได้ไม่คุ้มเสีย

0 0 โหวต
Article Rating
1 Comment
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด