บทที่ 49 หุบเขาจันทร์เสี้ยว
ที่ด้านนอกของโถงหลักตระกูลหลัว เป็นจัตุรัสกว้างและถูกประดับตกแต่งด้วยสวนบุปผา อันงดงามตระการตายิ่ง
ขณะนี้ มีผู้คนจำนวนมากต่างมายืนรวมกันยังจัตุรัส โดยสองคนที่อยู่ตรงกลางคือหลัวหงและหลัวเหิง
ทุกคนล้วนมีใบหน้าเปี่ยมด้วยเคร่งขรึมเล็กน้อย เพราะในงานชุมนุมล่าสัตว์ครั้งนี้ ล้วนเกี่ยวข้องกับผลประโยชน์ของสามตระกูลทั้งสิ้น
อาจเรียกได้ว่า การแข่งขันครั้งนี้คืออนาคตของตระกูลก็มิผิด!
“ท่านพ่อ ท่านลุงเหิง!”
หลัวเฉิงและอีกสองคนเดินเข้ามาพร้อมประสานมือกล่าว
จากนั้นหลัวหงกล่าวว่า “การแข่งขันล่าสัตว์ครั้งนี้ขึ้นอยู่กับพวกเจ้าแล้ว จงพยายามอย่างสุดความสามารถ”
หลัวเหิงกล่าวเสริมว่า “อันดับในการแข่งขันล่าสัตว์หาใช่สิ่งที่เราต้องการ เป้าหมายของพวกเจ้าคือการเอาชนะตระกูลฉี หากคว้าอันดับสองเอาไว้ได้ ผลกระทบต่อตระกูลจะมีน้อยมาก”
“ท่านลุง ไฉนพวกเราต้องเป็นที่สองรองผู้อื่นด้วยเล่า” หลัวเฉิงกล่าวขึ้น
จากนั้นเขาแสดงรอยยิ้มมุ่งมั่นแล้วกล่าวว่า “อันดับหนึ่งต้องเป็นของตระกูลหลัว!”
อันดับหนึ่ง!
เมื่อได้ยินสิ่งนี้ ผู้คนโดยรอบก็พลันสะดุ้งเล็กน้อย และใบหน้าของพวกเขาก็แสดงรอยยิ้มเจื่อน
เขายังเด็กและไม่รู้ฟ้าสูงแผ่นดินต่ำ จึงได้กล่าววาจาเช่นนั้นออกมา
เนื่องจากพวกเขาได้ยินว่าฉีถิงแห่งตระกูลฉี เพิ่งทะลวงเข้าสู่ขั้นหลอมกายาระดับเก้า และหลินอวิ๋นจากตระกูลหลินก็ทะลวงเข้าสู่ขั้นหลอมกายาระดับเก้าเมื่อไม่กี่เดือนก่อน ทั้งยังมีวิญญาณยุทธ์ระดับหกดาวอีกต่างหาก
เมื่อเปรียบเทียบกับคนของตระกูลหลัว หลัวเฉิง หลัวจื่อซิง และหลัวชิงหว่านซึ่งเป็นผู้ที่มีรากฐานการฝึกฝนด้อยกว่าผู้อื่นอย่างเห็นได้ชัด
“อันดับหนึ่งงั้นหรือ”
หลัวเหิงพลันผงะอยู่ครู่ จากนั้นแสดงรอยยิ้มมุมปาก แล้วกล่าวว่า “ในเมื่อเจ้ากล่าวเช่นนั้น ลุงจะรอฟังข่าวดีจากเจ้า”
แม้นเขาจะกล่าวเช่นนั้น แต่ในใจเขาไม่อาจเชื่อได้เลยว่า หลัวเฉิงและคนอื่นๆ จะสามารถคว้าอันดับหนึ่งได้ เพียงแต่ในเวลานี้ คงมิอาจตำหนิพวกเขาได้เพราะเกรงจะเสียการใหญ่
หลัวจื่อซิงและหลัวชิงหว่านมองหน้ากัน ทั้งคู่รู้สึกว่าหลัวเฉิงอาจกล่าววาจาเกินจริงไปหน่อย
แม้ว่าเขาจะทะลวงเข้าสู่ขั้นหลอมกายาระดับเก้าแล้ว แต่นั่นก็ยังถือเป็นการยากนักที่จะเอาชนะตระกูลหลินและตระกูลฉี
หลัวเฉิงไม่ได้อธิบายสิ่งใดอีกต่อไป เพราะความจริงจะเป็นสิ่งพิสูจน์ ว่าวาจาของเขานั้นจริงเท็จหรือไม่
“ฮ่าฮ่า ในเมื่อพวกเจ้าทุกคนอยู่กันพร้อมหน้าแล้ว พวกเราก็ออกเดินทางกันเถอะ!”
เสียงหัวเราะพลันดังขึ้นอย่างทันใด พร้อมกับหลัวหมิงซานที่เดินเข้ามาอย่างรวดเร็ว ดังว่าอาการบาดเจ็บนั้นหายเป็นปลิดทิ้งแล้ว
หลัวหงมองไปยังหลัวหมิงซานด้วยสีหน้าประหลาดใจ “ท่านพ่อ อาการบาดเจ็บของท่าน…”
หลัวหมิงซานแย้มยิ้มกล่าวว่า “ข้าหายดีแล้ว! ไม่เพียงเท่านั้น ข้ายังสามารถทะลวงเข้าสู่ขั้นเขตแดนลึกลับระดับสูงสุดได้อีกด้วย!”
ใบหน้าของหลัวหมิงซานเปลี่ยนเป็นแดงระเรื่อ และน้ำเสียงของเขาก็แข็งแกร่งและเต็มเปี่ยมไปด้วยพลังอันล้นหลาม
โอสถวิญญาณของศาลาหลิงอวิ๋นช่างมีพลังที่แข็งแกร่งจริงๆ ในเวลาเพียงสองวัน อาการบาดเจ็บของเขาไม่เพียงแต่หายเป็นปลิดทิ้งเท่านั้น แต่ระดับพลังยุทธ์ก็ก้าวหน้าขึ้นเช่นกัน
“ขั้นเขตแดนลึกลับระดับสูงสุด!”
ทุกคนที่อยู่ ณ ที่นั่นต่างยืนตะลึงลานแข็งทื่อประหนึ่งรูปปั้น ไม่ช้าความสุขก็เริ่มปรากฏบนใบหน้าพวกเขา
ในสามตระกูลหลัก มีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่มีความแข็งแกร่งในขั้นเขตแดนลึกลับ และคนที่สามารถไปถึงระดับสูงสุดของขั้นเขตแดนลึกลับมีเพียงหลินชางหลางผู้นำตระกูลหลิน!
“ยินดีกับผู้นำตระกูลที่สามารถทะลวงได้สำเร็จ!”
“ขอแสดงความยินดีกับท่านปู่!”
หลัวเฉิงก็มีใบหน้าที่เปี่ยมด้วยความสุขเช่นกัน เขาไม่คิดเลยว่าโอสถเกล็ดมังกรจะมีพลังมหาศาลมากถึงเพียงนี้
“ท่านพ่อ เกิดอะไรขึ้นกับท่านงั้นหรือ”
หลัวเหิงและคนอื่นๆ ต่างรู้สึกฉงนสงสัยเป็นที่สุด
หลัวหมิงซานยิ้มและกล่าวว่า “ไว้ข้าจะเล่าให้ฟังทีหลัง แต่ตอนนี้ทุกคนอยู่พร้อมหน้าแล้ว พวกเรารีบออกเดินทางกันดีกว่า!”
ในไม่ช้า หลัวเฉิงพร้อมทั้งคนของตระกูลหลัวก็ออกเดินทางสู่นอกเมืองทันที
สถานที่จัดงานชุมนุมล่าสัตว์ทุกครั้ง จะถูกจัดอยู่ที่หุบเขาจันทร์เสี้ยว ซึ่งอยู่ห่างจากเมืองฉีซานออกไปราวยี่สิบลี้
หุบเขาจันทร์เสี้ยวเป็นหุบเขาขนาดใหญ่ มีรูปร่างดั่งพระจันทร์ข้างแรม ครอบคลุมพื้นที่ป่าดึกดำบรรพ์หลายสิบลี้ ทั้งมันยังเชื่อมต่อกับหุบเขาเมฆาทมิฬอีกด้วย ซึ่งภายในนั้นมีสัตว์อสูรระดับหนึ่งดาวจำนวนมาก
เป้าหมายชัยชนะของการแข่งขันล่าสัตว์ คือการให้อัจฉริยะวัยเยาว์ของสามตระกูลหลัก เข้าสู่หุบเขาจันทร์เสี้ยวเพื่อล่าสัตว์อสูรภายในเวลาที่กำหนด ผลการแข่งขันจะถูกจัดตามจำนวนของสัตว์อสูรที่ล่าได้ หากตระกูลใดล่าสัตว์อสูรได้มากสุดจะถือเป็นผู้ชนะ!
จุดเริ่มต้นของการแข่งขันคืออยู่ตรงเนินเขาขอบหุบเขาจันทร์เสี้ยว
ด้านบนของเนินเขามีหอสูงตระหง่านซึ่งภายในมีโถงหลายห้อง ซึ่งแต่ละห้องล้วนเห็นพื้นที่ของหุบเขาจันทร์เสี้ยวทั้งหมดได้อย่างไม่มีสิ่งกีดขวาง
“ที่นี่คือหุบเขาจันทร์เสี้ยว…”
นี่เป็นครั้งแรก ที่หลัวเฉิงได้เข้าร่วมงานชุมนุมล่าสัตว์ ขณะนี้เขายืนอยู่บนหอสูงแล้วทอดสายตามองไปตามพื้นที่โดยรอบของหุบเขา
เมื่อประจักษ์ต่อสิ่งที่เห็นเบื้องหน้า ก็ราวกับว่าขุนเขาขนาดใหญ่เล็กลงไปทันตา หุบเขานี้มีมวลพฤกษาเขียวชอุ่ม พร้อมด้วยยอดเขาสูงตระหง่านตั้งเด่นอยู่ด้านข้าง มองอย่างไรก็คล้ายดั่งพระจันทร์ข้างแรม โดยเบื้องล่างนั้นมีเสียงสัตว์อสูรคำรามเป็นบางครั้งคราว