บทที่ 45 เจ้าเรียกมันว่ารอยประทับร้อยกระบี่มิใช่หรือ
"สายลับ!"
เสียงตะโกนดังก้องดึงดูดความสนใจของปีศาจกว่าสิบตนที่อยู่รอบๆ เข้ามาใกล้พวกเขาอย่างรวดเร็วด้วยคมดาบและคมกระบี่
ปีศาจวัวไม่สนใจมองชูเหลียงอีกต่อไปแล้ว
ปีศาจลาดตระเวนกล่าวเสียงดัง “เจ้ามาจากภูเขาใด ถ้ำแห่งใดกัน”
ถ้าสายลับวัวตนนี้ตอบผิด พวกเขาก็พร้อมที่จะโจมตีทันที
"ข้ามาจากถ้ำของยายเจ้าอย่างไรเล่า!" ปีศาจวัวโต้กลับด้วยความโกรธและโจมตีด้วยหมัดอย่างรุนแรงจนทำให้ทุกคนประหลาดใจ
ตูม!
หมัดของเขามีพลังมหาศาล มันพุ่งเข้าที่หน้าอกของปีศาจลาดตระเวนอย่างแรง จนร่างของปีศาจลาดตระเวณพุ่งกระเด็นเข้าไปที่ปีศาจสิบกว่าตนอย่างแรง และกระแทกเข้ากับผนังถ้ำ แรงกระแทกนั้นแรงมากจนดูเหมือนว่าร่างของเขาจะฝังอยู่บนผนังไปอย่างนั้น
หมัดของปีศาจวัวมีพลังมาก และเมื่อเขาสบัดตัวเพื่อเหวี่ยงหมัด เขาขนาดใหญ่ทั้งสองข้างของเขาก็หลุดออกมา แสดงให้เห็นว่าร่างปีศาจวัวตัวนี้เป็นแค่การปลอมตัว
อีกเสียงหนึ่งตะโกนเสียงดัง "มนุษย์!"
"..มนุษย์งั้นหรือ" ในที่สุดชูเหลียงก็เข้าใจการกระทําของปีศาจวัวเมื่อครู่แล้ว
เขาอาจจะพยายามแอบเข้าไปในห้องด้านใน แต่ไม่รู้รหัสผ่าน เขาจึงพยายามหารหัสจากปีศาจแถวนี้
โชคร้าย คนฉลาดคนนี้จบลงด้วยการถูกจับได้ไปเสียแล้ว
เมื่อเห็นว่าเขาถูกเปิดเผยแล้ว เขาจึงเลิกปลอมตัวและกระชากผมปลอมออกจากศีรษะของเขา จากนั้นได้สะบัดแขนและทุบร่างกายปลอมท่อนบนออก เผยให้เห็นร่างกายที่แข็งแรง กล้ามโต
เสื้อผ้าของเขาขาด!
เขาถูกล้อมรอบด้วยปีศาจที่ตะโกนและรีบกรูเข้าหาเขาเพื่อโจมตี เขาจัดการกับปีศาจพวกนั้นอย่างไม่ยากเย็น หมัดแล้วหมัดเล่าและปีศาจหลายตัวก็ค่อยๆ ทยอยกระเด็นออกไป พวกมันกระอักเลือดและกระดูกหัก ขณะที่ปลิวไปก็ทิ้งรอยเลือดแห่งความเจ็บปวดไว้ตามทาง
ดาบและกระบี่ของปีศาจพวกนั้น ไม่สามารถแตะต้องเขาได้เลย
ชูเหลียงมองจากด้านหลังพบว่าชายคนนี้ใช้เพียงศิลปะการต่อสู้เท่านั้น
ผู้ใช้ศิลปะการต่อสู้มุ่งเน้นไปที่ทักษะการต่อสู้ขั้นพื้นฐานในขั้นตอนแรกของการฝึกฝนของพวกเขา หากผู้ฝึกตนคนสองคนมีความเร็วและความแข็งแกร่งใกล้เคียงกัน คนที่ได้รับการฝึกฝนศิลปะการต่อสู้อาจได้เปรียบในการต่อสู้และอาจได้รับชัยชนะที่เด็ดขาดมากกว่า
พลังชี่ที่พวกเขาผลิตโดยความแข็งแกร่งภายในนั้นแตกต่างจากชี่ที่มาจากการบ่มเพาะที่กลุ่มสามชุดความคิด [1] ใช้เล็กน้อย แม้ว่าพลังชี่อาจขาดความยืดหยุ่นบ้าง แต่ก็แข็งแกร่งและมีประสิทธิภาพเลยทีเดียว
เมื่อเทียบผู้ฝึกตนในสามชุดความคิดหลัก ผู้ฝึกตนที่เน้นศิลปะการต่อสู้ที่มักจะมีพลังการต่อสู้มากกว่าผู้บ่มเพาะทั่วไปในระดับเท่ากัน
แต่ถึงกระนั้น เหล่าผู้ฝึกตนในกลุ่มสามชุดความคิดก็มักจะมุ่งเน้นไปที่เส้นทางแห่งเต๋าและการบ่มเพาะ เพราะเส้นทางบ่มเพาะเต๋านั้นรวดเร็วและเรียบง่ายและไม่ซับซ้อนเท่าการฝึกศิลปะการต่อสู้ เพราะอย่างไรเสีย เป้าหมายหลักของการฝึกของพวกเขาคือการเพิ่มกำลังรบให้กับสังกัดของพวกเขาโดยเร็วที่สุด
นิกายดาราอมตะ หนึ่งในเก้านิกายอมตะ เป็นนิกายที่เชี่ยวชาญด้านการฝึกศิลปะการต่อสู้ ศิษย์ของพวกเขามีชื่อเสียงในด้านความแข็งแกร่งมาโดยตลอด
ทูตศักดิ์สิทธิ์ตนนั้นได้กล่าวไว้ว่าง้าวครองโลกนั้นถูกเขาแย่งมาจากคนของนิกายดาราอมตะ.. หลังจากคิดอยู่ครู่หนึ่ง ชูเหลียงก็มีความเข้าใจคร่าวๆ เกี่ยวกับความเป็นมาของชายผู้แข็งแกร่งคนนี้แล้ว
ผู้ชายคนนี้ดูไม่แก่ แต่การฝึกฝนศิลปะการต่อสู้ของเขาอย่างน้อยก็ถึงระดับที่สี่เลยทีเดียว
ในชั่วพริบตาเขาจัดการและสังหารปีศาจไปหลายสิบตัว ชายแกร่งคนนี้ยังคงบุกทะลวงต่อไปเรื่อยๆ จนไปถึงห้องโถงด้านหลังและทิ้งรอยเลือดไว้ข้างหลังมากมาย
จนในที่สุด เขาก็ไปถึงง้าวนั่นจนได้
นั่นเป็นเป้าหมายของเขาจริงๆ ตามที่ชูเหลียงคิด
เมื่อชูเหลียงเห็นปีศาจมากมายนอนกองอยู่ตามพื้น เขาก็อยากจะอยากชกหมัดสุดท้ายอย่างแรงเพื่อจัดการปีศาจพวกนั้นให้จบ ถ้าไม่ใช่เพราะสถานการณ์ที่ไม่แน่นอนและเสี่ยงต่อการเปิดเผยตัวตนของเขาอย่างไม่ฉลาด เขาอาจได้เข้าร่วมการต่อสู้และต่อสู้เคียงบ่าเคียงไหล่กับชายแกร่งคนนั้นเป็นแน่
"มนุษย์อย่างเจ้า กล้าดีอย่างไรที่บุกมาถึงภูเขาอินรินของเรา!"
เสียงคำรามของเสือที่โกรธเกรี้ยวทำให้เกิดเสียงสะท้อนทำให้ถ้ำสั่นสะเทือนไม่หยุด
ไม่ใช่ใครที่ไหน มันเป็นราชาเสือ และเขากำลังโกรธมาก
ราชาปีศาจจับง้าวครองโลก แกว่งไปแกว่งมาอย่างแรงและแทงเข้าไปที่มนุษย์ผู้เป็นศัตรู
สายลมร้อนพัดกระจายและปีศาจทั้งหมดในบริเวณนั้นต่างก็กระเด็นขึ้น!
“เจ้าปีศาจน่ารังเกียจ ส่งของของข้าคืนมา!” ชายแกร่งตะโกนด้วยความโกรธ ทันใดนั้นเขาก็ยกแขนขึ้นและเดินไปข้างหน้าหนึ่งก้าวพร้อมด้วยฝ่ามือที่กางออก
ตูม
เขาก้าวไปข้างหน้าและจับง้าวยักษ์ด้วยมือเปล่าอย่างน่าอัศจรรย์และประสบความสําเร็จในการหยุดการโจมตีที่ทรงพลังนั้น
"ฮ่า!!"
พญาเสือโคร่งที่มีรูปร่างคล้ายหอคอย และชายแกร่งที่แข็งดุจหินผาต่างส่งเสียงโห่ร้องดังสนั่นและเปิดศึกชิงง้าวกันอย่างดุเดือด พื้นดินสั่นไหว และเริ่มมีก้อนหินที่สั่นสะเทือนออกจากผนังถ้ำราวกับกับว่ามันอาจยุบตัวได้ตลอดเวลา
เหล่าปีศาจบางตนรู้สึกถึงปัญหาและรีบหนีไปอย่างตื่นตระหนก
ดังคำกล่าวที่ว่า เมื่อเทวดาต่อสู้ ปุถุชนธรรมดาจะประสบความหายนะ
เนื่องจากยักษ์ใหญ่ทั้งสองกำลังปล่อยพลังอย่างเต็มที่ ใครก็ตามที่อยู่ใกล้เคียงจะต้องลําบากอย่างไม่ต้องสงสัย
ชูเหลียงเองก็ตั้งใจจะหลบหนีเช่นกัน
ระหว่างที่ทั้งราชาเสือและชายแกร่งจับง้าวแน่น ราชาเสือใช้จังหวะทีเผลอ.. หางของเขา
หางของราชาเสือนั้นเหมือนแส้ มันทรงพลัง มันถูกตวัดพุ่งเข้าไปที่เอวของชายแกร่ง
โครม!
การโจมตีครั้งนี้ทําให้ชายแกร่งกระเด็นไปในแนวนอนและกลิ้งไปหลายครั้ง
แต่ชายแกร่งคนนี้แสดงให้เห็นถึงความอึดที่ไม่ธรรมดาและพุ่งตัวลุกขึ้นยืนอีกครั้งโดยไม่คํานึงถึงอาการบาดเจ็บ อย่างไรก็ตาม การไล่ล่าของราชาเสือนั้นรวดเร็วมาก เมื่อง้าวถูกกวัดแกว่งอีกครั้ง แสงวาบก็ปรากฏบนท้องฟ้า
"ว้ากก!” จู่ ๆ ชายแกร่งก็ส่งเสียงคำรามและยกหมัดขวาขึ้นระหว่างเอวและแทงขึ้นสู่ท้องฟ้าอย่างทรงพลัง กำปั้นยักษ์ที่เต็มเปี่ยมไปด้วยพลังกำลังเผชิญหน้ากับพลังง้าวจากท้องฟ้า
ตูม
ราวกับว่าเขาได้แหวกท้องฟ้าด้วยหมัดขวาและกลายเป็นมังกร!
จากนั้นเขาก็พุ่งตัวเตะกลางอากาศ 1 จังหวะเข้าที่หน้าอกราชาเสือพอดี
แสงสีทองส่องแสงระยิบระยับ อากาศเต็มไปด้วยพลังงานปีศาจ
"กรรร!" ราชาเสือคำรามด้วยความโกรธบิดร่างกายและกลายเป็นสัตว์ขนาดใหญ่ในอากาศ
เขาเปิดเผยตัวตนที่แท้จริงของเขา เสือดำ
ในชั่วพริบตาเสือดำปรากฏ เงาดำก็ปรากฏปกคลุมถ้ำพร้อมด้วยตาสีทองระยิบระยับและเขี้ยวคล้ายดาบ หนุ่มแกร่งที่เผชิญหน้ากับราชาเสือจู่ๆ ก็ดูราวกับตัวเล็กลงไปทันที
ราชาเสือก้มหน้าก้มตาปล่อยพลังปีศาจของเขา
การเปลี่ยนแปลงอย่างฉับพลันนี้ทําให้คนแกร่งตั้งตัวไม่ทันอย่างเห็นได้ชัด
กรรร!!
คลื่นเสียงที่รุนแรงกระแทกเข้ากับชายแกร่งอย่างจัง บรรยากาศอันชั่วร้ายครอบงำทุกสิ่งทุกอย่าง เขาดูเหมือนจะตกเป็นเหยื่อของการโจมตีทางจิตใจและแข็งทื่อไปในทันที
และในวินาทีนั้น รายแกร่งคนนี้ก็กำลังถูกกลืนกินโดยปากที่เปิดกว้างของเสือดำ
“อึก..”
อย่างไรก็ตาม เสือดำอุทานเสียงทุ้มต่ำ
ฉากเลือดสาดที่คาดหวังไม่เป็นจริง
ปรากฏว่าชายแกร่งผู้นี้กลับมามีสติได้ทันเวลาและใช้มือผลักและใช้เท้ายันสู้กับฟันของราชาเสือดำได้อย่างไม่น่าเชื่อ มันทรงพลังจนหยุดแรงกัดของราชาเสือได้เลยทีเดียว
กรรร!
ราชาเสือคำรามอย่างต่อเนื่อง แต่ด้วยแรงต้านอันทรงพลังทำให้เขากลืนคู่ต่อสู้ที่ไม่ยอมแพ้รายนี้ไม่ได้เสียที
“'อ้ากก!” เมื่อกล้ามเนื้อของเขาขยายตัวในระดับที่น่ากลัว ชายแกร่งคนนี้ก็ส่งเสียงร้องออกมา
รอยสักสีแดงเลือดจางๆ ปรากฏขึ้นบนหลังของเขาราวกับว่าร่างกายของเขาเต็มไปด้วยพรศักดิ์สิทธิ์บางอย่าง
ในภาวะชะงักงันนี้ เขาติดอยู่ตลอดเวลาและไม่สามารถหลุดพ้นได้เป็นระยะเวลาหนึ่ง
เสือดำยักษ์ ร่างจริงของพญาเสือโคร่ง ซึ่งมีอานุภาพเขย่าหินแยกภูเขา การที่มนุษย์เพียงคนเดียวสามารถทนต่อการโจมตีของราชาเสือได้นั้นเป็นเรื่องที่น่าทึ่งมาก
สังเกตได้ว่าสถานการณ์ย้อนกลับไปสู่การต่อสู้ระหว่างทั้งสองอีกครั้งและเห็นได้ชัดว่าหากสิ่งต่างๆ ยังคงเป็นเช่นนี้ปีศาจที่เพิ่งหนีไปอาจกลับมาอีกครั้ง และสถานการณ์นี้จะเสียเปรียบมากสำหรับชายแกร่ง
ชูเหลียงที่แอบเฝ้าดูมาตลอด ในที่สุดก็ไม่สามารถนิ่งดูดายได้อีกต่อไป
เขาคิดอยู่ครู่หนึ่งและจึงรีบหยิบเพชฌฆาตสีชาดออกมาจากเจดีย์ขาว
เพชฌฆาตสีชาดส่งอารมณ์อย่างรุนแรงพอสมควรนับตั้งแต่ครั้งแรกที่เขาได้พบกับราชาเสือ
และเมื่อชูเหลียงได้เรียกมันออกมา มันก็เปล่งพลังอย่างสุดฤทธิ์ทันที
"แยกแสงและเงา จงเชื่อฟังข้า.."
หลังจากผู้ทรงพลังทั้งสองเผชิญหน้ากันอย่างดุเดือดแบบตัวต่อตัว การใช้รอยประทับร้อยกระบี่ก็ดูเกินจริงน้อยลง
ชูเหลียงไม่ได้มุ่งหวังจะฆ่าราชาเสือ เขาแค่ต้องการสร้างความแตกต่างเล็กๆ น้อยๆ
ตราบเท่าที่เขาสามารถทำให้ราชาเสือไขว้เขวได้ ชายแกร่งคนนั้นก็มีโอกาสที่จะเอาชิงง้าวที่ตกอยู่แล้วหนีไปได้
"รอยประทับร้อยกระบี่"
เมื่อชูเหลียงตะโกน เพชฌฆาตสีชาดก็แยกตัวขึ้นอย่างทวีคูณ พลังของมันเปล่งแสงแยกออกมาเหมือนกระบี่จํานวนมากและเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว
ขณะที่ราชาเสือกำลังจดจ่ออยู่กับการเผชิญหน้ากับแขนขาของคู่ต่อสู้ที่อยู่ตรงหน้า ทันใดนั้นเขาก็ได้ยินเสียงเรียกรอยประทับกระบี่ที่ชัดเจนจากด้านข้าง
เขาเห็นจากหางตาว่า พลังกระบี่กำลังใกล้เข้ามา
เขาอยากหัวเราะจริงๆ
หลังจากหลายศตวรรษของการดำรงอยู่และประสบการณ์มากมาย เขามีความรู้ที่ลึกซึ้งเกี่ยวกับรอยประทับกระบี่มาแล้ว
ผู้ฝึกตนผู้นั้นเชื่อหรือว่าพลังที่อ่อนแอเช่นนี้จะทำร้ายข้าได้
อย่างไรก็ตาม ในช่วงเวลาต่อมา หางตาของเขาก็กะพริบด้วยความกลัว
เดี๋ยวก่อนนะ..
เจ้าเรียกมันว่ารอยประทับร้อยกระบี่มิใช่หรือ
1.สามชุดความคิดหลักอันได้แก่ ลัทธิเต๋า ลัทธิขงจื๊อ และพุทธศาสนา