บทที่ 250 เผชิญหน้ากับเหล่าวิญญาจารย์จากสี่สิบหกอาณาจักร
นางมองหยางเสี่ยวเทียนที่เริ่มเคลื่อนไหวและกำลังเดินใกล้เข้ามาหานางเรื่อยๆ ท่าทีเฉินจื่อหานพลันตื่นตระหนก ปรากฏความหวาดกลัวประดับทดแทนความงามหมดจดบนดวงหน้าบอบบางดุจหยกเนื้อดี
ยิ่งเขาใกล้เข้ามา นางก็ยิ่งก้าวถอยอย่างหวั่นเกรง ขณะสติสัมปชัญญะจวนหลุดลอย นางถึงนึกขึ้นได้ พร้อมเผยอ้าปากหมายยอมรับความพ่ายแพ้ต่อเขาด้วยบริสุทธิ์ใจ แต่ทันใดนั้น หยางเสี่ยวเทียนกลับหายวับไป ก่อนพลันปรากฏตรงหน้านางในพริบตา
หยางเสี่ยวเทียนพุ่งกำปั้นออกไป ขณะส่งเสียงแหวกอากาศคำรามลั่นอีกครั้ง
บูม!
ก่อนหมัดอสูรเหี้ยมจะทะลวงหน้าท้องราบเรียบของนางจนสาหัส หยางเสี่ยวเทียนกางกำปั้นเปลี่ยนใช้ฝ่ามือระเบิดนางเพื่อลดความรุนแรงของมัน
ร่างบอบบางของเฉินจื่อหานพุ่งกลับออกไปเบื้องหลัง ก่อนกระแทกเข้ากับขอบจัตุรัสอย่างแรง พลิกกลิ้งลงมาตามพื้นน่าสงสาร และสภาพ ไม่ต่างจากเฉิงหลงในรอบแรกเลยแม้แต่น้อย
จัตุรัสสั่นสะเทือน
แม้นหยางเสี่ยวเทียนจะควบคุมความรุนแรงจากเพลงหมัดอสูรเหี้ยม โดยใช้กำลังกับนางไม่ถึงหนึ่งส่วน แต่ด้วยทักษะนี้มีความทรงพลัง อวัยวะภายในทั้งห้าของนางจึงยังเจ็บสาหัสจวนถูกทลายอย่างต่อเนื่อง
ดวงหน้ามนเรียวงามดั่งเทพธิดาของเฉินจื่อหาน บิดเบี้ยวด้วยปวดร้าวจนเกร็งเสียรูปโฉม
ครั้นนางเปิดปาก เลือดก็พร้อมพุ่งออกมาคำใหญ่ ซึ่งนอกจากเลือดแล้วยังมีของเหลวสีเขียวปนออกมาด้วย
หยางเสี่ยวเทียนเหลือบมองสตรีผู้นี้อย่างเย็นชา
เพราะก่อนการแข่งขันวันนี้ มีข่าวลือแพร่สะพัดไปทั่วเมืองหลวง กล่าวหาว่าเขาติดสินบนเฉิงเซิ่งและเติ้งอี้ชุน ซึ่งผู้เสนอความคิดริเริ่มคือนางกับเฉิงหลง
ทั่วทั้งจัตุรัส ทุกคนต่างยืนแข็งค้างขณะสายตาจับจ้องเฉินจื่อหานซึ่งนอนแน่นิ่งหลังถูกผลักออกมาไม่นาน พวกเขาล้วนส่ายศีรษะอย่างเห็นอกเห็นใจ
การประลองรอบสอง หยางเสี่ยวเทียนเป็นฝ่ายชนะอย่างมิมีผู้ใดคิดแปลกใจเลยแม้แต่น้อย
หลังการประลองรอบสามและสี่ต่อมา
หยางเสี่ยวเทียนก็เข้าสู่สิบอันดับแรกได้สำเร็จ ซึ่งนอกจากเขาแล้ว ยังมีเหล่ยจื่อ เฉินไห่หลินและเฉิงหวู่ชนะเป็นหนึ่งในสิบอันดับแรกด้วยเช่นกัน
ในบรรดาเก้าคน มีห้าคนที่เคยได้ลิ้มรสพลังหมัดของหยางเสี่ยวเทียน ณ ดินแดนสัตว์อสูร
ไม่นานหลังการแข่งขันอีกสองรอบ สามอันดับแรกก็คือหยางเสี่ยวเทียน เหล่ยจื่อและเฉินไห่หลินจากสำนักเหล่ยถิง
ซึ่งรอบต่อไป หยางเสี่ยวเทียนต้องประลองยุทธ์กับทั้งสอง เพื่อชิงอันดับหนึ่งในการแข่งขันระดับสำนักครั้งนี้
เดิมที ทุกคนตั้งตารอคอยแลคาดหวังจะได้เห็นการต่อสู้ระหว่างเหล่ยจื่อกับหยางเสี่ยวเทียนอย่างสมศักดิ์ศรี แต่เมื่อเหล่ยจื่อและเฉินไห่หลินพบกับเขา ทั้งคู่ก็พร้อมยอมรับความพ่ายแพ้ทันที
แม้นทุกคนจะค่อนข้างผิดหวัง แต่ลึกๆ พวกเขาก็เข้าใจทั้งสองว่าเหตุใดถึงตัดสินใจไปเช่นนั้น
ท้ายที่สุด ผู้ชนะเป็นอันดับหนึ่งในการแข่งขันระดับสำนักครั้งนี้ ก็ตกเป็นของหยางเสี่ยวเทียนไปโดยบริบูรณ์
เมื่อทุกคนมองหยางเสี่ยวเทียนกลางลานประลองหลัก พวกเขาก็ต่างทอดถอนหายใจด้วยไม่อยากเชื่อ ใครจะคิดว่าเด็กอายุแปดหรือเก้าขวบเช่นเขา จะชนะเป็นอันอับหนึ่งในการแข่งขันระดับสำนักแห่งอาณาจักรเสินไห่ครั้งนี้
ถึงอย่างนั้น ก็ไม่มีผู้ใดใคร่สงสัยในพรสวรรค์ด้านความแข็งแกร่งเขาแล้ว แม้นมันจะดูน่าเหลือเชื่อและเป็นไปได้ยากอยู่ไม่น้อย หากมิได้ประจักษ์ต่อสายตาตนเอง
หยางเสี่ยวเทียนยืนรับรางวัลจากเฉิงไค องค์ราชาผู้ยิ่งใหญ่แห่งอาณาจักรเสินไห่
แต่เมื่อเฉิงไคต้องการมอบตำแหน่งเจ้าเมืองให้เขา หยางเสี่ยวเทียนกลับส่ายศีรษะปฏิเสธตำแหน่งที่มิมีผู้ใดใคร่ต้องการ
เพราะตำแหน่งซึ่งเป็นบ่วงพ่วงมากับชื่อเสียงแลอำนาจอันยุ่งเหยิงในภายหลัง สำหรับเขาแล้วมันเปล่าประโยชน์
ซึ่งการมีชื่อเสียงเช่นนี้ อาจไม่ใช่เรื่องดี
เฉิงไคขมวดคิ้ว ประหลาดใจในความคิดเด็กเช่นหยางเสี่ยวเทียน ที่กล้าปฏิเสธตำแหน่งอันทรงเกียรติซึ่งจะช่วยเสริมบารมีเขาในภายภาคหน้า ท้ายสุด เฉิงไคก็ไม่บังคับหรือพยายามยัดเยียดมัน พร้อมกับชื่นชมในความไม่มักใหญ่ใฝ่สูงของเขา
จากนั้น การแข่งขันระดับสำนักก็สิ้นสุดลง
เหล่าวิญญาจารย์ผู้แข็งแกร่งแลผู้มีอำนาจจากทั่วทุกสารทิศ ก็จากไปพร้อมกับความรู้สึกแปลกๆ
หยางเสี่ยวเทียนและทุกคน กลับถึงลานหลักของสำนักเสินเจี้ยนสาขารองด้วยความสุขสำราญเต็มเปี่ยมบนใบหน้า ระหว่างงานเลี้ยง หลินหยง เจ้าสำนักเสินเจี้ยนได้แสดงการร่ายรำเพลงกระบี่ให้ทุกคนได้ชื่นชมอย่างมีความสุข พร้อมเสียงโห่ร้องรื่นเริง
ระหว่างร่ายรำเพลงกระบี่ แสงพร่างพราวจากปราณกระบี่ ส่งชายชราอย่างหลินหยงกลายเป็นชายหนุ่มผู้เคยทรงเสน่ห์อีกครั้ง
ค่ำคืนอันเงียบสงัด
หลังงานเลี้ยงจบลงทุกคนก็ต่างแยกย้ายกันไปพักผ่อน ส่วนหยางเสี่ยวเทียนยังยืนอยู่ยังลาน ขบคิดถึงหนทางข้างหน้า
ยังมีเวลาอีกสามเดือน ก่อนที่สำนักเทียนโต้วจะเปิดรับศิษย์ผู้มีสิทธิ์เข้าร่วม
ด้วยความแข็งแกร่งในปัจจุบัน เขาสามารถผ่านการประเมินของสำนักเทียนโต้วได้แน่นอน แต่ที่เขายังวางใจผ่อนคลายมิได้ เพราะการทดสอบอีกสามเดือนข้างหน้า เขาต้องเผชิญหน้ากับเหล่าวิญญาจารย์จากสี่สิบหกอาณาจักร ที่หมายได้เข้าร่วมเป็นศิษย์สำนักเทียนโต้วเช่นกัน
วันรุ่งขึ้น เฉิงไคเรียกพบหยางเฉากับหวงอิ๋งให้เข้าเฝ้าในพระราชวังหลวง เพื่อมอบตำแหน่งอัครมหาเสนาบดีและยอดฟูเหรินอันดับหนึ่งแก่พวกเขาทั้งคู่
หยางเสี่ยวเทียนกับบิดามารดา เที่ยวเล่นที่เมืองหลวงต่ออีกเป็นเวลาสองวัน ก่อนกลับไปยังเมืองเสินเจี้ยนพร้อมทุกคน
เดิมที เขาหมายจะไปพบเหวินจิงอวี๋ก่อนกลับ แต่สุดท้ายก็ไม่ได้ไปดังหวัง
หลังกลับถึงเมืองเสินเจี้ยน หยางเสี่ยวเทียนก็ยังหมั่นฝึกฝนเพลงกระบี่ เคล็ดวิชาจากทักษะระดับมหาจอมเวทย์และบ่มเพาะปราณมังการแรกเริ่มเหมือนทุกวัน
ในเวลาเดียวกัน ทักษะระดับมหาจอมเวทย์ที่เขาฝึกฝนครั้งนี้คือ "หัตถ์ปีศาจแห่งยมโลก" ซึ่งเขาได้จากเจ้ายักษาเหินเวหาโหยวเสวี่ย
นอกจากนี้ เขายังขัดเกลาหอกเหล็กสามง่ามและดาบของพวกโหยวเสวี่ยให้เป็นอาวุธวิญญาณขั้นมหาสมบัติ ก่อนนำแจกจ่ายให้หลัวชิง เลี่ยวคุนพร้อมคนอื่นๆ
สิบวันต่อมา หยางเสี่ยวเทียนตัดสินใจออกเดินทางไปเยือนป่าพระจันทร์แดงอีกครั้ง ตามล่าหาสัตว์อสูรสักสองตัว กำราบมันเพื่อฝึกให้เป็นสัตว์เลี้ยงพาหนะและค้นหาสมบัติของกริชเทียนหลง
เดิมที อูฉี หลัวชิงพร้อมคนอื่นๆ จะติดตามหยางเสี่ยวเทียน แต่เขาปฏิเสธและตัดสินใจเดินทางครั้งนี้ผู้เดียว เพราะอย่างไร เขาก็ไม่สามารถพึ่งพาพวกเขาไปได้ตลอด
และด้วยความแข็งแกร่งในปัจจุบัน เขาสามารถปกป้องตัวเองได้แล้ว