บทที่ 23 ช็อก
เมื่อหลูมู่หยานปรากฏตัวที่ห้องอาหาร ทั้งฉีอี้ซวนและหยุนจินต่างก็จ้องมองมาที่นาง ตอนนี้หลูมู่หยานเปลี่ยนไปมากจริง ๆ ในอดีตหลูมู่หยานมักจะชอบแต่งกายด้วยเสื้อผ้าที่สวยงาม และมักจะประโคมเครื่องสำอางหนัก ๆ ลงบนใบหน้า และทุกครั้งที่เจอฉีอี้ซวนก็จะเห็นหลูมู่หยานเป็นเรื่องปกติ
แม้ว่าก่อนหน้านางจะเป็นคนที่สวยอยู่แล้วก็ตาม แต่เมื่อเทียบกับชุดสีม่วงที่ดูหรูหรารัดกุม กับใบหน้าที่ไม่ได้ถูกแต่งเติมจนฉูดฉาด กับความฉลาดที่แสดงให้เห็นระหว่างคิ้ว หลูมู่หยานนิสัยเปลี่ยนไปมาก หากใบหน้าไม่เหมือนกันจนแยกไม่ได้ เกรงว่าจะมีคนเข้าใจผิดว่ามีหลูมู่หยานสองคน
“มู่หยานทะลวงเข้าสู่ปรมาจารย์ดาบผู้ยิ่งใหญ่?” หยุนหลันจงใจตรวจสอบแกนระดับพลังยุทธ์ทันที เมื่อหลูมู่หยานเดินเข้ามา นางสามารถเข้าสู่ระดับปรมจารย์ดาบผู้ยิ่งใหญ่ได้ สิ่งนี้ทำให้เห็นได้อย่างชัดเจนแล้วว่าข้อมูลที่ได้รับรู้มาเป็นความจริง และร่างกายของนางที่ด้อยค่าก็ถูกกำจัดออกไปอย่างสิ้นซากแล้ว
ดวงตาของหลูมู่หยานไม่ได้แสดงอะไรออกมามากนัก นางเงยหน้าขึ้นเล็กน้อย ก่อนจะเอ่ยออกไปอย่างถ่อมตน “ก็แค่เรื่องบังเอิญ”
“แม่นางหลูถ่อมตัวเกินไปแล้ว เจ้านั้นโชคดีพอที่จะสามารถทะลวงฐานบ่มเพาะของปรมจารย์ดาบผู้ยิ่งใหญ่ได้ หากเจ้าต้องการร่างกาย เจ้าก็จะโชคดีพอที่จะกำจัดมันได้หรือไม่?” เสี่ยวเซียงเลิกคิ้วก่อนจะส่งยิ้มออกมา เขารู้สึกได้ถึงความผันผวนของพลังจากร่างกายของหลูมู่หยาน และก็มีความเป็นได้สูงที่ร่างกายของนางจะหายกลับมาเป็นปกติ
หลูมู่หยานเหลือบมองไปยังบุรุษผู้มีคิ้วดกหนา และดวงตากลมโตที่อยู่ด้านซ้ายมือ เมื่อเห็นว่าดวงตาของเขาเต็มไปความการพินิจพิเคราะห์และความสนใจ นางจึงได้เอ่ยออกไปว่า “เอาล่ะ โชคก็ถูกกำจัดด้วยเช่นกัน”
ตอนนี้หลูมู่หยานไม่จำเป็นต้องปกปิดเรื่องนี้แต่อย่างใด แต่อย่างไรก็ตามตราบใดที่นางใช้พลังทุกคนก็จะสามารถรู้ได้ว่าร่างกายที่ดูเหมือนจะเสี่ยงอันตรายอยู่ตลอดนั้น ได้ถูกกำจัดออกไปแล้ว
ทันทีที่หลูมู่หยานพูดจบ คนในห้องอาหารแห่งนี้ก็ดูเปลี่ยนไป ทั้งตกใจและคาดไม่ถึง
“ช่างบังเอิญเสียจริง เสี่ยวมู่ก็ชอบเรียนด้านการแพทย์ เจ้าสามารถถามเสี่ยวหลูถึงวิธีการกำจัดโรคที่ยากจะควบคุมของนางได้หรือไม่?”
เสี่ยวเซียงชอบจะเป็นผู้เชี่ยวชาญเรื่องการเล่นแร่แปรธาตุทางการแพทย์ แถมยังมีพรสวรรค์ที่ยอดเยี่ยม และเขายังเป็นนักเล่นแร่แปรธาตุที่เป็นที่ต้องการในแผ่นดินใหญ่อีกด้วย
แม้ว่าเขาไม่อยากจะเชื่อว่าร่างกายและจูไมจะถูกกำจัดไปอย่างสิ้นซาก แต่ความผันผวนด้านพละกำลังของหลูมู่หยานก็เป็นเครื่องยืนยันได้ว่า ทั้งหมดนั้นเป็นเรื่องจริง
ตอนแรกเขาเพียงคาดเดาเท่านั้น แต่เมื่อได้รับการยืนยันจากหลูมู่หยานแล้ว หัวใจของเขาก็เหมือนถูกคมเล็บแมวข่วนไปทั่วทั้งดวงราวกับมันกำลังตกใจ เขาต้องการรู้ว่าหลูมู่หยานใช้วิธีใดในการกำจัดเส้นชีพจรไร้เลือด แม้ว่ามันจะมีอยู่ในตำหรับยาดันจูแต่ก็ไม่ได้ถูกบันทึกไว้ทั้งหมด
หลูมู่หยานหัวเราะออกมาเบา ๆ ก่อนจะเอ่ยถามคู่สนทนาไปว่า “ข้ารู้จักท่านหรือไม่?”
“ไม่ค่อยรู้จักเท่าไหร่” เสี่ยวเซียงตอบกลับ
“แล้วทำไมข้าต้องบอกด้วย” หลูมู่หยานขี้เกียจเกินกว่าจะพูดคุยต่อ นางหันหน้าไปหาหยุนหลันและพูดว่า “ลูกพี่ลูกน้อง ข้าหิวแล้ว”
หยุนหลันพยักหน้ารับด้วยรอยยิ้ม พร้อมหันมองหาใครสักคนที่อยู่ด้านหลัง และเมื่อรู้ตัวคน ๆ นั้นก็รีบไปสั่งอาหารทันที
เสี่ยวเซียงนึกสะอึกจากคำพูดของหลูมู่หยาน เขาจำได้ว่าในอดีตนางเป็นคนสุภาพ เพราะมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อฉีอี้ซวน แต่เขาก็ไม่ได้คาดคิดว่านางจะเปลี่ยนไปได้ขนาดนี้ เสี่ยวเซียงจึงทำได้แค่มองไปยังฉีอี้ซวนด้วยแววตาหดหู่
หลังจากที่เห็นสายตาของเสี่ยวเซียงแล้ว ฉีอี้ซวนก็ไม่ได้ถามอะไรหลูมู่หยานต่อ ตอนนี้นางมีท่าทีเย็นชากับเขาราวกับไม่ได้สนใจในสิ่งที่พูด
ฉีอี้ซวนรู้สึกได้ว่าหลูมู่หยานดูแล้วไม่น่าจะเล่นเกมหึงหวง ตอนนี้หัวใจของเขารู้สึกสับสนและยุ่งเหยิง ความที่ไม่คุ้นเคยนี้ทำให้เขารู้สึกอึดอัดขึ้นมา
“ข้ารู้จักเจ้า ช่วยบอกข้าที” หยุนจินยื่นใบหน้าเข้ามาใกล้กับใบหูของหลูมู่หยาน ก่อนจะสัมผัสถึงกลิ่นหอมจาง ๆ ที่ปลายจมูก ทำให้เขาไม่อยากผละใบหน้าออกในตอนนี้
หลูมู่หยานรู้สึกได้ที่บริเวณปลายหู ตอนนี้หยุนจินอยู่ใกล้นางมาก ลมหายใจของเขาก็รดไปที่คอและหูของนางอีกด้วย
นางขมวดคิ้วก่อนจะผลักให้ใบหน้าของหยุนจินที่แทบจะแนบชิดให้ห่างออกไป นางไม่ได้ชอบให้ใครก็ตามมาอยู่ใกล้นัก
“ข้าก็ไม่รู้จักเจ้าเหมือนกัน”
หยุนจินไม่ได้สนใจหลูมู่หยานที่ผลักหน้าเขาออก ก่อนจะเอ่ยพูดอย่างยิ้มแย้มว่า “ถ้าแบบนั้น อี้ซวนที่รู้จักเจ้ามาตลอดล่ะ?”
เมื่อได้ยินคำถามของหยุนจิน หลายคนบนโต๊ะอาหาร รวมไปถึงฉีอี้ซวน ก็หันมองไปที่หลูมู่หยานและรอฟังคำตอบของนาง
หลูมู่หยานเห็นสายตาที่มองมาด้วยความอยากรู้ ก่อนที่นางจะทำท่าทางเสียดสีออกมา
“ข้ารู้จักเขาหรือ? ทำไมเหมือนไม่รู้สึกแบบนั้น” หลูมู่หยานเหลือบมองไปที่หยุนจินอย่างตั้งใจ ก่อนจะเอ่ยประโยคเย็นชาออกมา
คำพูดของนางทำให้สีหน้าของหลาย ๆ คนเปลี่ยนไป ใบหน้าของฉีอี้ซวนเริ่มตึงขึ้นกว่าเก่า และรอยยิ้มของหยุนจินก็เริ่มกระอักกระอ่วน
หยุนหลันค่อนข้างชอบการเปลี่ยนแปลงของลูกพี่ลูกน้องเขา และคิดว่าหลูมู่หยานในตอนนี้น่าสนใจกว่าแต่ก่อนมาก ส่วนเสี่ยวเซียงก็เริ่มคิดหนักมากขึ้นในใจว่าร่างกายที่อ่อนแอของนางถูกกำจัดได้อย่างไร?
“กินข้าวกัน ไม่หิวกันหรือ?” อาหารที่วางตรงหน้าก็มากันเกือบครบ ก่อนที่หลูมู่หยานจะใช้ตะเกียบคีบไก่หนึ่งชิ้นเข้าปากท่ามกลางบรรยากาศอันแสนกระอักกระอ่วน
เมื่อเห็นว่าใบหน้าของสหายเริ่มไม่สู้ดีนัก หยุนจินรู้สึกประหม่าเล็กน้อย และถึงแม้ว่าเขาจะชอบดูการแสดงดี ๆ มากเพียงใด แต่ก็ยังรู้สึกเสียใจที่เพื่อนของเขาไม่ได้มาด้วย ฉะนั้นเขาจึงใช้ตะเกียบคีบไก่ตามหลูมู่หยาน ก่อนจะหัวเราะแล้วพูดว่า “กินข้าว กินข้าว”
จากนั้นทุกคนก็เริ่มหยิบตะเกียบ และจานรับประทานอาหาร แม้ว่าความคิดจะเริ่มตีกันหยุ่งเหยิงในหัวก็ตาม
หลูมู่หยานรับประทานอาหารไปค่อนข้างมาก เนื่องจากความหิวโหย แต่แม้ว่านางจะรีบทานด้วยความรวดเร็ว แต่ท่าทางของนางยังคงให้ความรู้สึกที่สง่างามแบบไม่มีเหตุผล
เมื่อทานจนเกือบอิ่ม หลูมู่หยานวางตะเกียบลงพร้อมกับหยิบผ้าผืนเล็กออกมาเช็ดปาก ส่วนคนอื่นเมื่อเห็นนางวางตะเกียบลงแล้ว พวกเขาก็เริ่มหยุดด้วยเหมือนกัน
“เออ ในช่วงเย็น เจ้าอยากไปงานประมูลหรือไม่?” หยุนหลันจำได้ว่าพวกเขาจะเดินทางไปที่งานประมูลหลังมือเย็น และคิดว่าอย่างไรตระกูลหลูก็คงจะถูกเชิญด้วย
หลูมู่หยานกะพริบตาด้วยความสงสัย “การประมูลอะไร?” ไม่ใช่งานประมูลครั้งใหญ่ที่นางตั้งตารอหรือ?
“เจ้าไม่รู้เหรอ?” เสี่ยวเซียงเอ่ย “ทุก ๆ สามปี พ่อค้าหมิงเหมิงจะจัดงานประมูลขนาดใหญ่ในเมืองหลวงของจักรวรรดิ แต่ปีนี้เหมือนจะเร็วกว่ากำหนดสองเดือน ตระกูลของจักรพรรดิที่ได้รับการสนับสนุน ก็ได้รับเชิญเข้าร่วมการประมูล เจ้าต้องมีบัตรเชิญเข้าร่วมการประมูล แต่ท่านแม่ทัพของพวกเจ้าไม่ได้รับเชิญงั้นหรือ เป็นไปไม่ได้!”
หลูมู่หยานจำได้เพียงหลูมู่ไป๋ได้ส่งคำเชิญให้นาง ก่อนที่จะเดินทางไปที่เทือกเขาแห่งเพลิงอัคคี ในเวลานั้นเขายุ่งอยู่กับการไปที่สมาคมทหารรับจ้างและก็ไม่ได้ขอเอาไว้ นางนำบัตรเชิญออกมา ก่อนจะเปิดดู
เนื้อหาของคำเชิญที่เขียนอยู่ สอดคล้องกับสิ่งที่เสี่ยวเซียงพูดเอาไว้ นางจำได้เสมอว่าจะมีการประมูลเกิดขึ้นในอีกสองเดือนข้างหน้า แต่ก็ไม่ได้คาดคิดว่าการประมูลที่นางตั้งนารอ จะถูกจัดขึ้นก่อนกำหนด นับว่าเป็นเรื่องโชคดีที่ได้พบกับคนเหล่านี้ ไม่เช่นนั้นคงต้องพลาดงานนี้แน่ ๆ
“ท่านพี่ใหญ่ให้ข้าเอาไว้แล้ว แต่ว่าข้าลืมดู” หลูมู่หยานปิดบัตรเชิญ ก่อนที่ดวงตาของนางจะเต็มไปด้วยความคาดหวัง “แน่นอน ข้าก็อยากไปเหมือนกัน”
หลูมู่หยานต้องลองเสี่ยงโชคดูสักครั้ง เพื่อที่จะดูว่านางจะสามารถรวบรวมหญ้าวิญญาณเพื่อนำไปปรับจีตันได้หรือไม่
“ไปคนเดียวหรือ? พี่ชายของเจ้าทั้งสองคนไม่ได้ด้วยหรือ?” หยุนหลันเอ่ยถาม ทั้งเขาและหลูมู่ถิงมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน และเขาก็ได้ยินมาว่าหลูมู่ถิงก็กลับมาจากชายแดนแล้ว แต่เขาเองก็ยังไม่เห็นเช่นกัน