บทที่ 164 ซื้อภูเขา
[แฟนเพจBamแปลNiyay:ลงแบบราคาถูกโคตรในmy-novel(ลงช้ากว่าThai-novel100ตอน)กับthai-novelเท่านั้น หากอ่านที่อื่นนอกจากสองเว็บนี้คือไม่ใช่ผมนะ ถ้าเจอคนอ่านก็อปดันเยอะกว่าก็ท้อเป็นนะครับ]
[ถ้าอ่านฟรีแบบเถื่อนไม่ว่าจะได้มายังไงนั้น ผมไม่ว่าเลยครับ และต่อให้ไม่มีคนอ่าน ผมก็ยังจะแปลต่อจนจบด้วย แต่ถ้าจะจ่ายเงินให้เว็บหรือคนที่copyไปขายอีกที คุณโคตรแย่เลยครับ]
[หลังแปลจบจะมีการแก้คำอ่านใหม่ตั้งแต่ต้น ดังนั้นถ้าคุณอ่านแบบเถื่อน ก็เชิญเลยครับ เพราะมันไม่มีอัพเดทให้หรอก]
บทที่ 164 ซื้อภูเขา
เมื่อมองไปที่สวี่ชุน ซุนเฉิงก็ค่อย ๆ แสดงความต้องการของเขาด้วยสีหน้าเฉยเมย
ตอนนี้เขามีทั้งเงินและเทคโนโลยี เหตุผลที่เขายินดีร่วมมือกับมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีหนานจิง ก็เพื่อให้ได้มีห้องปฏิบัติการส่วนตัวของพวกเขาเอง
ในประเทศจีน ห้องปฏิบัติการเป็นรูปแบบนิติบุคคลประเภทใหม่ที่แตกต่างจากบริษัทเชิงพาณิชย์ มันอยู่นอกเหนือขอบเขตของสถาบันวิจัยของรัฐบาลและกองทัพ
แม้ว่าจะมีห้องปฏิบัติการที่จัดตั้งขึ้นมานี้จะมีไม่มากนักในประเทศ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่า ห้องปฏิบัติการพวกนี้จะไม่มีคุณค่าต่อประเทศชาติ
ที่จริงแล้ว ห้องปฏิบัติการเชิงพาณิชย์หลายแห่งในยุโรปและสหรัฐอเมริกาได้ค่อย ๆ เข้ามาแทนที่กลุ่มบริษัทขนาดใหญ่และสถาบันวิจัยของรัฐบาล จนกลายเป็นต้นกําเนิดของเทคโนโลยีใหม่ไปแล้ว
ดังนั้นหลังจากเข้าสู่ศตวรรษที่ 21 จีนจึงประกาศใช้ "ข้อบังคับเกี่ยวกับการบริหารสถาบันวิจัย" ในประเทศเป็นครั้งแรกในปี 2002 กฎระเบียบกําหนดไว้อย่างชัดเจนว่าองค์กรใดที่ดําเนินการมาอย่างน้อยสามปีและมีรายได้ต่อปีมากกว่า 50 ล้านหยวน มีสิทธิ์สมัครจัดตั้งห้องปฏิบัติการ
นอกจากนี้ เพื่อส่งเสริมความร่วมมือระหว่างสถาบันมหาวิทยาลัยและบริษัท กฎระเบียบยังระบุด้วยว่าหากบริษัทสามารถขอรับการสนับสนุนด้านเทคนิคจากมหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียง พวกเขาก็สามารถขอจัดตั้งห้องปฏิบัติการได้เช่นกัน
ข้อดีของการจัดตั้งห้องปฏิบัติการนั้นชัดเจน พวกเขาจะได้รับอุปกรณ์ เครื่องจักรกลที่ซับซ้อนจํานวนมากในประเทศที่อยู่ภายใต้การควบคุมอย่างเข้มงวดโดยองค์กรและพ่อค้าทั่วไป แถมห้องปฏิบัติการยังมีข้อจํากัดที่น้อยกว่าด้วย
ในโลกแห่งความเป็นจริง ไทม์ไลน์ได้มาถึงปี ค.ศ. 2016 ซึ่งเร็วกว่าโลกของ "ทรานส์ฟอร์เมอร์ส" เกือบทศวรรษ จงอย่าประเมินช่วงเวลาที่แตกต่างกันระหว่างสองโลกต่ำเกินไป เพราะในโลกแห่งความเป็นจริง เพียงผ่านไปไม่กี่ปี เครื่องจักรขั้นสูงก็ก้าวกระโดดข้ามไปรุ่นหรือสองรุ่นแล้ว
หากซุนเฉิงอยากได้สิทธิ์พิเศษนี้ นั่นหมายความว่าเขาจะเครื่องจักรแบบใหม่มากขึ้นในโลกแห่งความเป็นจริง ที่ไม่สามารถหาได้ในโลก "ทรานส์ฟอร์เมอร์ส" นี่แหละคือสิ่งที่เขาคาดหวัง
ทว่ามันไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะบริษัทอื่นจะมาร่วมมือกับซุนเฉิง ซึ่งไม่ได้มีชื่อเสียงอะไรมากนัก
ทำให้เขามีแต่จะต้องใช้เงินหรือใช้ความรู้ที่มีมา ซึ่งซุนเฉิงยินดีที่จะทําเช่นนั้น ด้วยนําเสนอเทคโนโลยีการจัดเก็บข้อมูลที่มีคุณภาพสูง
เทคโนโลยีการจัดเก็บข้อมูลจากดาวเคราะห์ไซเบอร์ตรอน สมควรได้รับฉายาว่า "สุดยอดเทคโนโลยี" อย่างแท้จริง
ภายในชิปหน่วยความจําที่มีขนาดเท่ากับปลายนิ้วโป้งของผู้ใหญ่ สามารถจัดเก็บข้อมูลได้หลายร้อยเอ็กซาไบต์ ซึ่งเป็นปริมาณที่เกือบจะสามารถครอบคลุมข้อมูลทั้งหมดในประเทศจีนได้
โดยธรรมชาติแล้ว ซุนเฉิงย่อมไม่สามารถนำเทคโนโลยีขั้นสูงดังกล่าวมายังโลกได้ด้วยตัวเอง ทว่าในโลกของ " ทรานส์ฟอร์เมอร์ส" เขาสั่งให้วิศวกรดีเซปติคอนของเขาพัฒนาเทคโนโลยีนี้ขึ้นมาใหม่ โดยใช้เทคโนโลยีการจัดเก็บข้อมูลของโลก
ด้วยการใช้เทคโนโลยีนี้ ข้อจํากัดของเทคโนโลยีการจัดเก็บข้อมูลในโลกแห่งความเป็นจริงซึ่งปัจจุบันกำลังมีปัญหาในการจัดการกับฮาร์ดไดรฟ์ 10TB สามารถยกระดับได้อย่างก้าวกระโดด ซึ่งอาจมีความจุเพิ่มขึ้นสูงถึงหลายสิบเท่า
หากเป็นเช่นนี้ต่อไป ก็มีโอกาสที่มันจะเข้าสู่ยุคของเพตาไบต์ (PB) ในอีกไม่กี่ปี
ลองนึกภาพดูว่า เศรษฐกิจในอินเทอร์เน็ต ประเทศ องค์กรและบุคคลทั่วไปในอนาคต มีแต่จะต้องพึ่งพาเครื่องมือจัดเก็บข้อมูลความจุสูงมากขึ้น
ในปี 2016 ราคาของฮาร์ดไดรฟ์ 1TB มีราคาสูงกว่า 100 หยวนและราคาของฮาร์ดไดรฟ์ 10TB ที่ทันสมัยที่สุดเริ่มต้นที่ 5,000 หยวน
ลองนึกภาพดูสิ เทคโนโลยีใหม่ที่เกิดขึ้นในตลาดอย่างกะทันหัน ได้ทําให้ต้นทุนของฮาร์ดไดรฟ์ 1TB สามารถควบคุมได้ต่ำกว่า 20 หยวน ลดราคาฮาร์ดไดรฟ์ 10TB ให้เหลือน้อยกว่า 1,000 หยวน นอกจากนี้ขนาดทางกายภาพของมันยังถูกบีบอัดให้เหลือเพียงปลายนิ้ว เทคโนโลยีนี้คงเป็นสิ่งที่สามารถทำให้ผู้คนคลั่งกันได้เลย!
ตั้งแต่คอมพิวเตอร์ไปจนถึงโทรศัพท์มือถือ อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์จํานวนมากเริ่มถูกใช้มากขึ้นเรื่อย ๆ ของเหล่านี้ไม่สามารถมีอยู่ได้หากไม่มีที่จัดเก็บข้อมูล ตอนนี้เทคโนโลยีพวกนี้อยู่ในตลาดนี้เกิน 570 ล้าน โดยมีราคาเฉลี่ยต่อหน่วยอยู่ที่ 59 ดอลลาร์ ขนาดรวมของตลาดโลกอยู่ที่เกือบ 34 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งเพียงพอที่จะทําให้บริษัทใด ๆ ก็ตามที่มีเทคโนโลยีอันล้ำสมัย สามารถเจริญรุ่งเรืองและเติบโตไปถึงระดับโลกได้เลย
คําขอของซุนเฉิงทําให้สวี่ชุนประหลาดใจอย่างมาก
เขาไม่อาจปิดซ่อนความประหลาดใจในสายตาของเขาได้เลย ราวกับว่าเขาเพิ่งพบกับซุนเฉิงเป็นครั้งแรก เขาไม่รีบตอบรับหรือปฏิเสธ เพียงก้มหน้าลงดูเอกสารในมืออีกครั้ง!
คราวนี้เขาใช้เวลาครึ่งชั่วโมงเต็มในการอ่านเอกสารอีกครั้งก่อนที่จะวางลงในถุงเอกสารของเขาอย่างเคร่งขรึมและวางไว้บนโต๊ะใกล้ ๆ
"ฉันสามารถที่ช่วยเธอถามเรื่องนี้กับคณะกรรมการได้..."
สวี่ชุนมองไปที่เขาและพูดช้า ๆ ใบหน้าของเขายังคงเต็มไปด้วยความลังเลอยู่บ้าง "แต่ว่ามันอาจเป็นเรื่องยากมากที่จะโน้มน้าวให้มหาวิทยาลัยช่วยเธอสร้างห้องปฏิบัติการแค่เพราะเอกสารนี้เพียงอย่างเดียว..."
ในฐานะอาจารย์ที่ปรึกษาชั้นเรียน สําหรับสาขาวิชาไมโครอิเล็กทรอนิกส์ เขามีความเชี่ยวชาญอย่างมากในสาขานี้ มันทำให้เขารู้ว่าซุนเฉิงจงใจปิดบังข้อมูลสําคัญบางอย่างและถึงขั้นเปลี่ยนเนื้อหาบางอย่างในเอกสารนี้ไป
ซุนเฉิงเข้าใจความหมายของอาจารย์ดี แต่เขาก็ทำเพียงมองและเผยรอยยิ้มพร้อมพูดหยอกล้อว่า "อาจารย์ครับ ทุกอย่างเขียนไว้ชัดเจนแล้ว อาจารย์ต้องการให้ผมทำอะไรอีกครับ!"
ใบหน้าของสวี่ชุนเปลี่ยนเป็นสีแดงเล็กน้อย เขาหลบสายตาที่เต็มไปด้วยรอยยิ้มที่สดใสนี้ทันที
อันที่จริงหลังจากรู้ว่าเนื้อหาภายในนี้มันอาจเป็นจริงได้ เขาก็รู้สึกสนใจอย่างมากกับเทคโนโลยีนี้ที่ซุนเฉิงจะนำมันมาวิจัย
หากว่ามันมีข้อมูลเพิ่มมากกว่านี้อีกหน่อย…ด้วยความสามารถในการวิจัยของมหาวิทยาลัยหนานจิง ในสาขาไมโครอิเล็กทรอนิกส์ มันอาจจะเป็นไปได้ที่จะสร้างบางสิ่งที่สุดยอดขึ้นมาเพิ่ม
เมื่อถึงตอนนั้น มันจะเป็นก้าวสําคัญสําหรับเขา
เขารีบปรับแว่น ถือโอกาสปิดซ่อนความอายลงไป
แต่ว่า สวี่ชุนเป็นอาจารย์ที่ปรึกษาและไม่ใช่คนเลวที่คิดจะขโมยงานวิจัยของลูกศาย์ ใช่ว่าเขาจะถูกความโลภเล็กน้อยแค่นี้ดึงจมลงไปเสียหน่อย
หลังจากพูดกับนักศึกษาอย่างเปิดเผยแล้ว เขาก็เลิกคิดอย่างรวดเร็วและสงบสติอารมณ์ลง
ขณะที่เขากําลังเตรียมคําตอบ เขาก็ได้ยินซุนเฉิงพูดว่า "อาจารย์ครับ อาจารย์ไปพูดกับผู้บริหารระดับสูงแทนผมก็ได้ ผมไม่รีบร้อนเลย ถ้ามหาวิทยาลัยไม่เต็มใจ ผมก็รอได้อีกสองสามปี แต่ว่ามันมีอีกสิ่งหนึ่งที่ผมอยากจะพูด ผมหวังว่าอาจารย์สามารถช่วยผมสื่อสารไปถึงคนข้างบนได้ ผมต้องการเพียงการอนุมัติให้สร้างห้องปฏิบัติการ ส่วนการจัดซื้ออุปกรณ์ การเลือกสถานที่ และเงินทุน ผมจัดการเองได้ครับ..."
หลังจากพูดจบ เขาก็ขอตัวและออกจากห้องทํางานของสวี่ชุนอย่างรวดเร็ว
เขาพยายามมามากมายเพื่อการนี้ ตั้งแต่การรับรองจดทะเบียนบริษัทด้วย ซึ่งมันจะสามารถประหยัดเวลาให้เขาได้หลายปีเลยทีเดียว แต่หากมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีหนานจิงไม่คิดอนุมัติจนพลาดของดีเช่นนี้ไป นั่นก็คือปัญหาของพวกเขา ใช่ว่าจะเป็นปัญหาของซุนเฉิงเสียหน่อย
อย่าลืมสิ ประเทศจีนเป็นประเทศใหญ่ และถึงแม้จะไม่มีพวกเขา ซุนเฉิงก็มีทางเลือกอื่นอีกมากมาย
...
หลังจากออกจากห้องทำงานของสวี่ชุน สวี่ชุนก็ไม่ได้ติดต่อเขาเป็นเวลาหลายวัน ซุนเฉิงจึงไม่รู้ว่าสิ่งต่าง ๆ คืบหน้าไปขนาดไหน แต่เขาก็เข้าใจว่ามันต้องค่อยเป็นค่อยไป เขาจึงตัดสินใจที่จะทําราวกับว่าเขาไม่เคยพูดถึงเรื่องนี้และไปจัดการธุระอื่นต่อ
สํานักงานในอาคารเรียนเก่าของมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีหนานจิงไม่สามารถใช้งานได้อีกต่อไป หลังจากค้นหาในเมืองเป็นเวลาสองวัน ในที่สุดเขาจึงเลือกเช่าทั้งชั้นในอาคารสํานักงานที่ตั้งอยู่ในเขตชานเมืองของเขตซีเซี่ย นี่จะเป็นที่ตั้งสํานักงานในอนาคตของบริษัทของเขา ไซเบอร์ตรอนเทคโนโลยี
เหตุผลสําคัญประการหนึ่งในการเลือกเขตซีเซี่ยที่อยู่ห่างไกลจากศูนย์กลางการบริหารและการค้าของเมืองเป็นเพราะภูมิประเทศที่เป็นภูเขา เขตแถบนี้เป็นชนบท ซึ่งอยู่ห่างจากอาคารสํานักงานที่เขาเลือกประมาณ 30 กิโลเมตร มีภูมิประเทศที่เป็นภูเขาและมีเนินเขาเล็ก ๆ กระจัดกระจายอยู่ทั่ว
ซุนเฉิงเลือกสถานที่นี้เพราะภูเขา ถูกต้องแล้ว เขากําลังวางแผนที่จะซื้อภูเขายังไงล่ะ!