บทที่ 149 ไข่มุกตรึงวิญญาณ
บทที่ 149 ไข่มุกตรึงวิญญาณ
“ออกมา! ออกมา! หลบอยู่แบบนี้มันจะเก่งอะไรนักหนา!”
ซุนหมางหน้าเขียวเขี้ยวงอก ดวงตาลึกโหล ดูคลุ้มคลั่งเหมือนคนเสียสติ
เฉินเต้าเสวียนไม่สนใจคำยั่วยุของซุนหมางแม้แต่น้อย
เมื่อเห็นดังนั้น
ซุนหมางก็กวัดแกว่งกรงเล็บของมันอย่างบ้าคลั่งในม่านฝน แต่สิ่งที่มันฉีกออกเป็นชิ้นๆ ก็เป็นเพียงกายแสงกระบี่ของเฉินเต้าเสวียนเท่านั้น
ยิ่งไปกว่านั้น
ความเร็วในการฉีกของมัน ยังไม่เร็วเท่ากับความเร็วในการสร้างของเฉินเต้าเสวียน
ร่างแปลงปรากฏขึ้นอย่างต่อเนื่อง ราวกับสายฝนภายในรัศมีหลายพันจั้ง
แม้ว่าซุนหมางจะสามารถฉีกกายแสงกระบี่ของเฉินเต้าเสวียนได้หลายสิบหรือหลายร้อยร่าง ในการโจมตีครั้งเดียว แต่เฉินเต้าเสวียนก็สามารถสร้างขึ้นมาใหม่ได้เป็นสิบเท่าในชั่วพริบตา
ต้องยอมรับเลยว่า
กระบวนท่านี้มีประโยชน์มาก ในการรับมือกับศัตรูอย่างซุนหมาง ที่ไม่มีทักษะการโจมตีเป็นวงกว้างและสามารถต่อสู้ระยะประชิดได้เท่านั้น
แน่นอน
กระบวนท่านี้สามารถใช้มรกาีถ่วงเวลาได้เท่านั้น แทบจะเป็นไปไม่ได้เลยที่จะใช้มันเพื่อสังหารศัตรู
เพราะแม้แต่การโจมตีที่แข็งแกร่งที่สุดของเฉินเต้าเสวียน ก็ไม่สามารถทำลายการป้องกันของอีกฝ่ายได้
เขายังคงรู้ตัวเองดีในเรื่องนี้
อีกด้านหนึ่ง
"เจ้ากล้าเสียสมาธิขณะต่อสู้กับข้า?"
ทันทีที่ซุนฝูได้ยินประโยคนี้ มันก็รู้ว่าแย่แล้ว รีบเอียงตัวหลบอย่างรวดเร็ว
ชั่วพริบตาต่อมา
แสงกระบี่เจิดจ้าก็ฟาดผ่านแขนซ้ายของมัน ราวกับผ้าไหมสีขาว ตัดแขนของมันขาดตั้งแต่โคนไหล่
“ตายซะ!”
โจวมู่ไป๋ย่อมไม่ปล่อยให้โอกาสนี้หลุดลอยไป เขาควบคุมกระบี่พุ่งเข้าหาศีรษะของมันอีกครั้ง
แม้ว่าปีศาจซากศพจะคงกระพันและไม่กลัวไฟหรือน้ำ
แต่มันก็ไม่ใช่ว่าจะไม่มีจุดอ่อน อย่างเช่น หากตัดหัวของมันหรือทำลายแก่นปีศาจซากศพ ปีศาจซากศพตนนั้นก็จะถูกทำลายอย่างสมบูรณ์
ซุนฝูไม่กล้ารับกระบี่ของโจวมู่ไป๋อีก
มันรีบเรียกทาสศพขอบเขตคฤหาสน์ม่วงขั้นต้นสามตนมาขวางกระบี่
ทาสศพทั้งสามไม่รู้จักความกลัว เชื่อฟังคำสั่งของจ้านายอย่างเต็มที่ มันพุ่งเข้าชนแสงกระบี่ของโจวมู่ไป๋
ในชั่วพริบตา
ทาสศพขอบเขตคฤหาสน์ม่วงขั้นต้นตนหนึ่ง ถูกกระบี่ของโจวมู่ไป๋ฟันจนขาดครึ่ง!
แม้ว่ากลิ่นอายสังหารโลหิตจากค่ายกลโลหิตหมื่นทาสศพ จะพยายามซ่อมแซมร่างกายของทาสศพตนนั้นอย่างต่อเนื่อง แต่มันก็ไร้ประโยชน์
ซุนฝูเห็นว่า เพียงแค่เผลอไปชั่วครู่ โจวมู่ไป๋ก็ฉวยโอกาสกำจัดผู้ช่วยของมันไปได้หนึ่งตน
มันทั้งตกใจและโกรธเคือง
ไม่ได้! แบบนี้ไม่ดีแน่!
ซุนฝูร้อนใจอย่างลับๆ
จากนั้น
มันก็มองไปที่โจวมู่ไป๋ แล้วมองไปที่เฉินเต้าเสวียนที่กำลังเล่นงานน้องชายของมัน
ในใจของมันก็ตัดสินใจได้แล้ว
สังหารคนที่อ่อนแอกว่าก่อน จากนั้นจึงรวมพลังกันสังหารโจวมู่ไป๋!
เมื่อคิดได้ดังนั้น
ซุนฝูก็หยิบไข่มุกสีขาวขึ้นมา แล้วโยนขึ้นไปบนอากาศ
ไข่มุกดูเหมือนจะมีจิตวิญญาณ มันหมุนไปรอบๆ กลางอากาศ จากนั้นลำแสงก็พุ่งเข้าหาเฉินเต้าเสวียน
ใครจะรู้ว่า
เมื่อโจวมู่ไป๋เห็นฉากนี้
ภาพหนึ่งก็ผุดขึ้นมาในใจของเขาในทันที มันคือบันทึกในตำราโบราณของตระกูล
เสินเจวี๋ยเจิ้นเหริน! ไข่มุกตรึงวิญญาณ!
นี่คืออาวุธวิญญาณที่ทำให้เสินเจวี๋ยเจิ้นเหรินโด่งดังในอดีต ไข่มุกตรึงวิญญาณ!
เล่ากันว่า
ไข่มุกเม็ดนี้ มันสามารถใช้ร่วมกับทักษะลับที่สืบทอดมาจากแดนศักดิ์สิทธิ์เสินเซียนของเสินเจวี๋ยเจิ้นเหรินได้ ทักษะลับนี้มีชื่อว่า… แสงตรึงวิญญาณ
แสงตรึงวิญญาณนั้นทรงพลังอย่างยิ่ง
ด้วยขอบเขตบ่มเพาะแก่นทองคำขั้นปลายของเสินเจวี๋ยเจิ้นเหรินในตอนนั้น มันสามารถใช้ทักษะลับนี้เพื่อตรึงหยวนอิงเจิ้นจวินที่มีขอบเขตบ่มเพาะสูงกว่ามันหนึ่งระดับได้
ต้องรู้ก่อนว่า
ผลลัพธ์ของการที่ผู้ฝึกตนระดับสูงถูกอีกฝ่ายควบคุมระหว่างการต่อสู้ ไม่จำเป็นต้องพูดถึง!
มันคือการสังหารหมู่ข้างเดียว!
ด้วยทักษะลับนี้ บวกกับทักษะหลบหนีและการพรางตัวที่เป็นเอกลักษณ์ของเสินเจวี๋ยเจิ้นเหริน
และความจริงที่ว่า นิกายกระบี่เฉียนหยวนถูกเรื่องภายในรบกวนในตอนนั้น
ทำให้เสินเจวี๋ยเจิ้นเหรินอาละวาดในแคว้นชางโจว และหลายแคว้นโดยรอบเป็นเวลาเกือบร้อยปี!
จนกระทั่งนิกายกระบี่เฉียนหยวนจัดการเรื่องภายในเสร็จ พวกเขาจึงได้จัดการกับมัน
ไม่สิ!
ถ้าพูดให้ถูกต้อง
โจวมู่ไป๋เองก็ไม่แน่ใจว่า เสินเจวี๋ยเจิ้นเหรินถูกฆ่าตายในตอนนั้นหรือไม่?
เพราะนิกายกระบี่เฉียนหยวนไม่ได้นำศพของมันกลับมา เพียงแต่พวกเขาประกาศว่า เสินเจวี๋ยเจิ้นเหรินระเบิดแก่นทองคำตาย จากนั้นนิกายก็ออกจากแคว้นชางโจวไปอย่างรีบร้อน
และตอนนี้ สี่ร้อยปีผ่านไปแล้ว
เรื่องราวของเสินเจวี๋ยเจิ้นเหรินก็ถูกผนึกไว้โดยตระกูลต่างๆ
หากไม่ใช่เพราะผู้ฝึกตนอิสระยังคงเล่าเรื่องราวของมันอยู่ บางทีชื่อของเสินเจวี๋ยเจิ้นเหรินอาจถูกลืมเลือนไปแล้วก็เป็นได้
ในตอนนี้
อาวุธวิญญาณที่โด่งดังของเสินเจวี๋ยเจิ้นเหรินในตอนนั้น มันกลับปรากฏขึ้นอีกครั้งเนี้ยนะ?
เมื่อคิดถึงตรงนี้
โจวมู่ไป๋ก็ร้อนใจขึ้นมาทันที
หากสิ่งที่เกิดขึ้นในดินแดนของตระกูลจ้าว คือฝีมือของเสินเจวี๋ยเจิ้นเหริน
ปฏิกิริยาแรกของโจวมู่ไป๋คือ เขาต้องรีบหลบหนีทันที และรายงานไปยังนิกายกระบี่เฉียนหยวน!
ในฐานะทายาทของตระกูลโจว ความเข้าใจของเขาที่มีต่อเสินเจวี๋ยเจิ้นเหรินนั้นลึกซึ้งกว่าผู้ฝึกตนอิสระทั่วไปมาก
ในตอนนั้น นิกายกระบี่เฉียนหยวนส่งหยวนอิงเจิ้นจวินไปปราบปรามมันถึงสามคน
ผลลัพธ์คือ ไม่เพียงแต่ไม่พบศพของมัน แต่หยวนอิงเจิ้นจวินยังเสียชีวิตไปหนึ่งคน!
ถูกต้อง!
เสินเจวี๋ยเจิ้นเหริน มันได้ทำในสิ่งที่ไม่มีใครในประวัติศาสตร์ของทะเลหมื่นดวงดาวเคยทำได้มาก่อน
ด้วยขอบเขตบ่มเพาะแก่นทองคำ มันได้สังหารหยวนอิงเจิ้นจวินในการต่อสู้แบบหนึ่งต่อสาม!
และตอนนี้ดูเหมือนว่า มันอาจจะยังไม่ตาย!
ท้ายที่สุด อาวุธวิญญาณของมันก็ปรากฏขึ้น และคราวนี้ตระกูลจ้าวก็ถูกทำลายอย่างกะทันหัน
ไม่ว่าจะมองอย่างไร มันก็ดูเหมือนเป็นการแก้แค้นของเสินเจวี๋ยเจิ้นเหรินต่อผู้ฝึกตนในแคว้นชางโจว
เหตุเพราะเสินเจวี๋ยเจิ้นเหรินเอง มันก็ผงาดขึ้นในแคว้นชางโจว
และความคับแค้นใจส่วนใหญ่ของมัน ล้วนมาจากผู้ฝึกตนของตระกูลต่างๆ ในแคว้นชางโจวทั้งสิ้น!
ในเมืองกวงอัน เกือบทุกตระกูลที่มีประวัติศาสตร์อันยาวนาน ล้วนเคยประสบกับความสูญเสียครั้งใหญ่จากเหตุการณ์จลาจลของเสินเจวี๋ย
ตระกูลโจวเคยเป็นตระกูลที่มีจินตันเจิ้นเหริน(แก่นทองคำ) จินตันเจิ้นเหรินของตระกูลก็เสียชีวิตในการต่อสู้เพื่อปราบปรามเสินเจวี๋ยเจิ้นเหริน
“เต้าเสวียน ระวัง!”
โจวมู่ไป๋ตะโกนพร้อมกับปลดปล่อยการโจมตีที่แข็งแกร่งที่สุดของเขา “วิชากระบี่ชิงเหลียน(บัวคราม)! ตายซะ!!”
กลางอากาศ
ดอกบัวสีน้ำเงินบานสะพรั่ง
ดอกบัวนี้ มันได้ห่อหุ้มทาสศพขอบเขตคฤหาสน์ม่วงขั้นต้นสองตนที่อยู่ตรงหน้าเขาไว้
จากนั้น
ดอกบัวสีน้ำเงินก็บานทีละกลีบ สองกลีบ สามกลีบ…
ทุกครั้งที่กลีบบัวบาน ร่างกายของทาสศพขอบเขตคฤหาสน์ม่วงขั้นต้น ก็จะเลือนรางลงเล็กน้อย
ในที่สุด
ทาสศพทั้งสองก็หายไปต่อหน้าทุกคน โดยไม่เหลือแม้แต่ซาก
ในขณะเดียวกัน
แสงจากไข่มุกตรึงวิญญาณก็ส่องไปถึงร่างกายของเฉินเต้าเสวียนแล้ว
ทันใดนั้น
เฉินเต้าเสวียนก็รู้สึกได้ถึงพลังงานแปลกประหลาด มันได้ตรึงทะเลจิตสำนึกของเขาไว้
แต่ทว่า คัมภีร์เต๋าหงเหมิงรู้แจ้ง ที่จารึกด้วยตัวอักษรสีทองที่กดข่มอยู่ในทะเลจิตสำนึกของเขาก็สั่นไหวเล็กน้อย
พลังแห่งการกักขังนี้ จู่ๆ ก็หายวับไปในทันที
จากมุมมองของคนภายนอก
แสงตรึงวิญญาณที่เปล่งออกมาจากไข่มุกตรึงวิญญาณ ไม่มีผลกับเฉินเต้าเสวียน!
“ทำไมถึงไม่ได้ผล?”
และคราวนี้
ซุนฝูถึงกับตกตะลึง นายท่านของมันบอกว่า แม้วไข่มุกตรึงวิญญาณในมือของมันจะเป็นของเทียม แต่มันก็เพียงพอที่จะตรึงผู้ฝึกตนขอบเขตแก่นทองคำได้นานสามลมหายใจ
เฉินเต้าเสวียนเป็นแค่ผู้ฝึกตนขอบเขตสร้างรากฐาน ทำไมเขาถึงไม่เป็นอะไรเลยล่ะ?
หรือนายท่านหลอกลวงมัน?
เป็นไปไม่ได้!
ซุนฝูส่ายหน้าอย่างรวดเร็ว นายท่านไม่มีเหตุผลที่จะต้องหลอกมัน
ถ้าอย่างนั้น ก็มีความเป็นไปได้เพียงอย่างเดียว นั่นคือในทะเลจิตสำนึกของเฉินเต้าเสวียน มีสมบัติวิเศษที่สามารถปกป้องทะเลจิตสำนึกได้
เมื่อคิดถึงตรงนี้
ซุนฝูก็อดไม่ได้ที่จะร้องไห้ในใจ
ถ้ารู้แบบนี้ มันใช้แสงตรึงวิญญาณกับโจวมู่ไป๋ไม่ดีกว่าเหรอ?
ที่มันเลือกเฉินเต้าเสวียนที่ดูเหมือนจะรังแกได้ง่ายกว่า นั่นก็เพราะมันกังวลว่าโจวมู่ไป๋จะมีสมบัติวิเศษป้องกันตัว
ไม่คิดเลยว่า แสงตรึงวิญญาณจะไม่มีผลกับเฉินเต้าเสวียนแม้แต่น้อย!