ตอนที 4 ชนะอย่างเด็ดขาด
ตอนที 4 ชนะอย่างเด็ดขาด
ผ่านไปแล้วหลายสิบตา ซ่งลุ่ยนั้นไม่ได้ต้องการที่จะสู้ตาม แต่รอจังหวะและเปิดไพ่
ที่น่าสนใจก็คือ นึกไม่ถึงเลยว่าจะใช้วิธีการเล่นแบบสตั๊ดเพื่อกระตุ้นให้ผู้เล่นอื่นเพิ่มการเดิมพันให้มากขึ้น พวกเจ้าหน้ที่รักษาความปลอดภัยที่นำโดยซุนเย่ แต่ละคนต่างก็รู้สึกว่ามันมีอะไรไม่ชอบมาพากล พวกเขาต่างพากันจับจ้องมองซ่งลุ่ยและโยนเงินให้เขาไป
ผลคือซ่งลุ่ยไม่เพียงแค่ชดใช้หนี้หนึ่งหมื่นหยวนได้ แถมเขาได้เงินมาเพิ่มอีกสี่พันหยวนเข้ากระเป๋าอีก เพราะว่าเงินของทุกคนในวงได้ถูกซ่งลุ่ยเอาชนะแล้วได้เอาเงินทั้งหมดไป ในการชนะครั้งนี้จึงได้ยอมรับเลยว่านี่เขาสามารถทำได้ตามสัญญาที่พูดด้วยปากเปล่าสุดท้ายของเขาได้เลย
ก่อนที่จะสับไพ่ตาใหม่อีกครั้ง ซุนเย่ที่ได้พ่ายแพ้ให้กับซ่งลุ่ยอย่างราบคาบ เขาจึงได้หยิบบัตรเอทีเอ็มเงินเดือนของเขาขึ้นมา แล้วพูดกับซ่งลุ่ยว่า
"กล้ารึป่าวที่จะเดิมพันก้อนใหญ่กับฉัน แค่เราสองคนเท่านั้น คนอื่นไม่ต้องมายุ่ง ! "
ซ่งลุ่ยมองไปที่บัตรเอทีเอ็มเงินเดือนนั่นแล้วถามด้วยน้ำเสียงปนหัวเราะกลับไปว่า
" จะเดิมพันกันมากแค่ไหนล่ะ ? "
ซุนเย่กัดฟันแน่น เอามือปาดเหงื่อที่เต็มไปทั้งหน้าผาก จับบัตรเอทีเอ็มที่กำลังสั่น พร้อมพูดไปว่า
"เงินเดือนสองเดือนของฉันอยู่ในบัตรใบนี้ ทั้งหมดรวมห้าพันหยวน ฉันขอเดิมพันกับเงินที่อยู่ในมือแกทั้งหมด แกจะกล้ารึป่าวล่ะ ? "
ทั้งหมดต่างดูออกว่าซุนเย่อาจจะแพ้ในเกมนี้ ทุกคนจึงเงียบและไม่กล้าที่จะพูดอะไรออกมา ทันใดนั้นทั้งห้องก็ตกอยู่ภายใต้ความเงียบสงัด เงียบจนพอที่จะได้ยินเสียงหัวใจที่กำลังเต้นของตัวเอง
ซ่งลุ่ยไม่ได้สนใจอะไรมาก เขาหยิบเงินประมาณสี่พันหยวนโยนลงไปในกองเงินเดิมพันแล้วพูดอย่างไม่ใส่ใจว่า
" มาสิ ไม่กลัวอยู่แล้ว"
พูดจบ ซ่งลุ่ยก็เอื้อมมือไปหยิบกองไพ่ที่วางไว้อยู่เป็นโต๊ะ เพื่อจะนำมาสับ แต่ทันใดนั้นก็ถูกหยุดไว้โดยซุนเย่
“อย่าเพิ่ง รอบสุดท้ายนี้ที่เราทั้งคู่ได้เดิมพันกันด้วยเงินก้อนใหญ่ ใครก็ตามที่เป็นคนที่ได้ไพ่ใหญ่กว่า คนนั้นจะชนะ !” ซุนเย่พูดพร้อมกับมองด้วยสายตาอันเกรี้ยวกราด แล้วจั่วไพ่ขึ้นมาและหงายมันขึ้น
"A (เอจ)โพดำ ! "
เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยแต่ละคนต่างร้องพร้อมกันด้วยความตกใจ
ซุนเย่แสยะยิ้มออกมา แล้วพูดว่า "เอาเลย ถึงตาของแกแล้ว! เว้นแต่ว่าแกจะจั่วได้ K (คิง) ล่ะนะ ! "
การที่ซุนเย่นั้นจั๋วได้ไพ่ A (เอจ) โพดำนั้นไม่ใช่เพราะว่าโชคช่วยหรือดวงดี แต่มันเป็นการโกง เพราะเขาจำได้ว่าไพ่ A (เอจ) โพดำนั้นอยู่ที่ตรงไหนเพราะว่าเขาเคยถือมันมาก่อน และการที่ซุนเย่นั้นกล้าที่จะนำเงินเดือนของเขาออกมาเป็นเดิมพัน ก็เป็นเพราะว่าเขานั้นได้มีการเตรียมการมาก่อนแล้วล่วงหน้า
อย่างที่รู้กัน โอกาสที่จะชนะนั้นคือต้องจั่วไพ่ออกมาจากทั้งหมด 54 ใบ ซึ่งนั่นมีเพียงแค่ไพ่สองใบจากทั้งสำรับ โอกาสนั้นช่างริบหรี่ยิ่งนัก ไม่มีใครคิดว่าซ่งลุ่ยนั้นจะสามารถเอาชนะได้ ทุกคนต่างก็คิดว่าถึงแม้จะเป็นคนที่สวรรค์นั้นประทานความโชคดีมาให้ ก็ไม่อาจจะสามารถพลิกมาชนะเกมนี้ได้
อย่างไรก็ตาม เพียงแค่จั่ว K (คิง) มันจะไปยากอะไรสำหรับซ่งลุ่ยที่ได้ครอบครองความสามารถตาทิพย์กันล่ะ
มองไปที่มือของเขาที่หยิบไพ่จากในกองที่วางกระจัดกระจายขึ้นมาหนึ่งใบอย่างรวดเร็ว แล้วหงายมันขึ้นด้วยความมั่นอกมั่นใจ พร้อมกับพูดปนหัวเราะด้วยน้ำเสียงแสดงความสะใจว่า
"ไม่แน่ว่าจะใช่ ! "
"K (คิง) ! ! ! ”
ทุกคนต่างพากันจ้องมองด้วยความตกตะลึง พวกเขามองไพ่ในมือของซ่งลุ่ยอย่างไม่เชื่อสายตา รู้สึกอึ้งจนราวกับจะหยุดหายใจ
"เชี่ย ! ! มันเป็นไปได้ไงวะ "
ในพริบตาเดียวนั้นซุนเย่รู้สึกหมดสิ้นความหยิ่งผยอง ทิ้งตัวลงนั่งอยู่บนเก้าอี้ตัวนั้นราวกับร่างที่ไร้วิญญาณ ปากที่กำลังอ้าค้างอยู่นั้น ไม่มีแม้แต่เสียงใด ๆ เล็ดลอดออกมา
ด้วยเหตุนี้ ซุนเย่หัวหน้าเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยที่เกือบจะชนะในการเดิมพนันครั้งนี้ วันนี้เขาก็ได้พ่ายแพ้ให้กับซ่งลุ่ย แพ้ให้กับเด็กเมื่อวานซืนจนสิ้นเนื้อประดาตัว อีกทั้งยังแพ้อย่างย่อยยับป่นปี้ไปเลย
ความจริงแล้วซ่งลุ่ยต้องการที่จะปล่อยผ่านเรื่องซุนเย่ไปและคืนบัตรเอทีเอ็มให้เขา แต่พอนึกขึ้นได้ถึงตอนที่ซุนเย่เคยทำอะไรแย่ ๆ ไว้กับเขา เขาก็ได้ตัดความรู้สึกลังเลนั้นออกไป และนำบัตรเอทีเอ็มนั้นกลับมาถือไว้ พร้อมพูดกับซุนเย่ด้วยรอยยิ้มว่า
" ขอโทษทีนะครับหัวหน้าซุน รบกวนช่วยบอกรหัสผ่านให้หน่อยได้ไหมครับ"
หลังจากที่ได้ยินคำพูดจบ ซุนเย่ก็รู้สึกโกรธจนแทบกระอักเลือด แต่ตัวเขาเองก็ยอมรับว่าหากเลือกที่จะเดิมพันแล้ว ก็ต้องรับผลที่จะตามมาให้ได้เช่นกัน ทำได้แค่เพียงฝืนใจเขียนเลขรหัสเอทีเอ็ม 6 ตัวลงบนกระดาษ หลังจากนั้นก็วางกระแทกลงตรงหน้าของซ่งลุ่ย
"ได้ ! ในเมื่ออวดดีนักนะ แล้วเราจะได้เห็นดีกัน ! "
เรื่องที่เกิดขึ้น ทุกคนที่อยู่ในเหตุการณ์ล้วนดูออก ซ่งลุ่ยนั้นมองซุนเย่ออกอย่างทะลุปรุโปร่ง ซ่งลุ่ยเองก็ไม่ใช่ไม่เข้าใจเหตุผลนี้ เพียงแต่ว่าในตอนนี้เขามีพลังพิเศษ ระบบมองทะลุที่อยู่ในตัวเขา เขายังใช้มองได้ถึงสีหน้าและท่าทางของซุนเย่ได้อีกด้วย
ในคืนนั้น ซ่งลุ่ยนอนขดตัวอยู่บนที่นอนภายใต้ผ้าห่มและกอดเงินที่ชนะในวันนี้ไว้แน่น คิดถึงอนาคตของตัวเขาเต็มไปด้วยความหวังอันสวยงาม ราวกับตัวเขาได้เห็นถึง รถคันหรู บ้านหลังงาม ผู้หญิงสวยรอบ ๆ กำลังโบกมือทักทายตัวเขา ทั้งที่ก่อนหน้านี้เขารู้สึกว่าชีวิตของเขานั้นมันช่างไร้ความหมาย
เช้าตรู่ของวันรุ่งขึ้น ซ่งลุ่ยก็นำเงินไปคืนหลินหลินและยังซื้ออาหารเช้าไปด้วย นั่นก็ทำให้หลินหลินเกิดความประหลาดใจขึ้น
“เฮ้ คิดไม่ถึงว่านายจะชนะจนได้เงินมา !”
"ก็ใช่นะสิ ผมจะต้องซวยทุกครั้งเลยหรือไง ! " ซ่งลุ่ยยิ้มแล้วพูดว่า "กินเถอะ มันยังร้อน ๆ อยู่เลย ขนมปังร้านนี้แพงมากเลยนะ ! "
หลินหลินดูเหมือนจะรู้ตัวว่าเธอพลั้งปากพูดออกไป เธอจึงก้มหน้าก้มตารีบกินขนมปัง ซ่งลุ่ยก็อยากจะพูดคุยกับหลินหลินด้วย แต่โทรศัพท์ก็ดันดังขึ้นในเวลานี้
"ซ่งลุ่ย เวลางานทำไมนาย ไปไม่ยืนเวรยาม เหลวไหลหาแม่แกเหรอไง ! ”
เมื่อได้ยินเสียงตะโกนด่าของซุนเย่ผ่านโทรศัพท์ เขาก็ก้มลงไปมองภาพผ่านกล้องวงจรปิดในโทรศัพท์พลางขมวดคิ้วไปด้วยแล้วก็เงยหน้ามาพูดกับหลินหลิน
“เธอรีบทานเถอะ ฉันต้องไปเฝ้าเวรและตรวจตระเวน ถ้าประธานจางมา ฉันจะโทรหาเธอแล้วกัน”
หลังจากที่พูดจบ ซ่งลุ่ยก็โบกมือไปทางหลินหลินด้วย แล้วเดินออกจากแผนกต้อนรับไปด้วย
ปัจจุบันนี้อาจที่จะพูดได้ว่า ซ่งลุ่ยมีความสามารถที่จะออกไปจากบริษัทเหวินฮว่าแห่งนี้ได้อย่างแน่นอน และทำไมจะต้องมาทนรับความคับข้องใจที่มาจากซุนเย่ด้วย แต่เขาก็ฝืนที่จะทำ
ไม่มีเหตุผลอะไรอย่างอื่น แต่เขายอมอดทนเพื่อหลินหลิน แม้ว่าเขาและหลินหลินจะไม่สามารถเดินไปด้วยกันได้ แต่เขาก็ยังอยากจะปกป้องหลินหลิน บางทีนี่อาจจะเป็นการแสดงความรักให้แก่คนคนหนึ่งก็ได้ อย่างไรก็ตามซ่งลุยที่มาจากบ้านนอกกลับไม่รู้ตัว เขาชอบหลินหลินเข้าให้แล้วและมันยากที่จะอธิบายได้
เมื่อถูกกระตุ้นด้วยคำด่าทออันหยาบคายของซุนเย่ให้กลับมาทำงาน ซ่งลุ่ยก็กลับมายืนยามที่ตำแหน่งของตัวเอง เมื่อมองไปรอบ ๆ ก็เห็นเมอร์เซเดส - เบนซ์ขับมาจากที่ไกลอย่างช้า ๆ ในใจของเขาเกิดความร้อนรนขึ้นและรีบล้วงวิทยุมารายงานสถานการณ์
“ทุกหน่วยงานระวัง ทุกหน่วยงานระวัง ประธานจางมาแล้ว !”
หลังจากนั้นไม่นานเมอร์เซเดส – เบนซ์ก็หยุดตรงข้างหน้า ซ่งลุ่ยก็รีบวิ่งไปแสดงความเคารพ เมื่อกระจกของรถได้ถูกเปิดออก ใบหน้าที่งดงามและละเอียดอ่อนไร้ที่ติก็ปรากฏออกมา
“สวัสดีครับประธานจาง !”
หญิงสาวที่อยู่ภายในกระจกรถก็พยักหน้าตอบกลับให้ซ่งลุ่ยด้วยรอยยิ้มและหน้าผากที่มีผมปรกของเธอ มันเป็นกิริยาท่าทางที่เรียบง่ายและธรรมดา แต่กลับทำให้ซ่งลุ่ยอดไม่ได้ที่จะหลงใหลจนถึงกับพูดออกมาเบา ๆ ว่า
“งดงามมาก !”
“ช่วยอะไรฉันหน่อยได้มั้ย” จางชูหยาถามอย่างมีมารยาท
"บอกออกมาได้เลยครับท่านประธาน"
"ก่อนอื่นต้องขอขอบคุณก่อน เดี๋ยวอีกสักพักรบกวนให้นายเรียกคนสองคนขึ้นไปช่วยย้ายโต๊ะที่ห้องทำงานของฉันที" จางชูหยาพูดออกมาเบา ๆ
“ไม่มีปัญหา เดี๋ยวผมจะเรียกให้คนขึ้นไปครับ” พอพูดจบซ่งลุ่ยก็ทำความเคารพจางชูหยาอีกครั้ง