ตอนที่แล้วตอนที่ 70 กระจกอินหยาง
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 72 บุปผามรณะคนใหม่

ตอนที่ 71 ข้าไม่ชอบกินของสกปรก


ตอนที่ 71 ข้าไม่ชอบกินของสกปรก

  

ถ้าอยู่ในสถานการณ์ปกติ นางไม่มีวันปล่อยผู้ชายรูปงามขนาดนี้ไปเด็ดขาด

  

“เจ้านิกายมู่ ขอเพียงสัญญาว่าจะปล่อยข้าไป ข้าจะไม่แตะต้องเขา มิฉะนั้น…”

  

นักบุญหญิงศักดิ์สิทธิ์เหอฮวนมองไปทางมู่หนิงเจินที่กำลังเผชิญหน้ากันจากระยะไกลด้วยความรู้สึกไม่สบายใจ

  

นางไม่รู้จักซูอัน แต่เดาได้ว่านี่คือท่านโหวหนุ่มที่มาพักอาศัยในนิกายเทียนสุ่ยและการที่เขาสามารถแย่งสมบัติวิญญาณไปได้ ย่อมแสดงให้เห็นว่าตัวตนของเขาพิเศษมาก ไม่เรียบง่ายเพียงแค่การเป็นท่านโหวเจ้าสำราญแน่

  

แต่นางไม่มั่นใจว่ามู่หนิงเจินจะปกป้องคนผู้นี้หรือเปล่า

  

มู่หนิงเจินขมวดคิ้ว จากนั้นลดกระบี่ยาวในมือลง “ปล่อยเขาไปแล้วข้าจะไว้ชีวิตเจ้า”

“ตกลง” นักบุญหญิงศักดิ์สิทธิ์ถอนหายใจด้วยความโล่งอก

  

นางเลียปากพลางมองซูอันด้วยความเสียดาย ผู้ชายชั้นยอดเช่นนี้นางต้องปล่อยไปจริงๆ “น้องชาย ยืนนิ่งๆ ให้พี่สาวสะกดเจ้าก่อน อย่าดื้อเชียวล่ะ”

  

มือของนางยื่นไปที่หน้าอกของซูอันและม่านพลังเวทกักกันสีชมพูก่อตัวขึ้นในมือ

  

ไม่จำเป็นต้องสังหารซูอัน แค่ใช้พลังเวทกักกันสะกดเขาไว้และอาศัยจังหวะที่มู่หนิงเจินพยายามช่วยเหลือเขาในการหลบหนี

  

ทว่าในจังหวะที่นางกำลังจะแตะโดนซูอันกลับมีเลือดกระเซ็นออกมา

  

นักบุญหญิงศักดิ์สิทธิ์ชะงักและแววตาเต็มไปด้วยความประหลาดใจ ทันใดนั้นท้องของนางระเบิดออกและร่างกายท่อนบนกับท่อนล่างขาดออกจากกัน

  

ร่างของบุปผามรณะปรากฏถัดจากซูอันและมองนักบุญหญิงศักดิ์สิทธิ์ด้วยสายตาเย็นชา

  

“เหตุใด...ยังมีหยางบริสุทธิ์อีกคน” นักบุญหญิงศักดิ์สิทธิ์แสดงความเจ็บปวดในดวงตา หนึ่งหมัดนี้ไม่เพียงตัดร่างกายของนางเท่านั้น แต่ยังทำให้โพธิจิตของนางเสียหายหนัก

  

นางมัวแต่ระวังมู่หนิงเจินจึงไม่ได้สังเกตเห็นบุปผามรณะที่ซ่อนอยู่

  

บุปผามรณะคือนักฆ่าอยู่แล้ว การลอบโจมตีจะทำให้ศัตรูได้รับบาดเจ็บสาหัสทันที

  

บุปผามรณะยกมือขึ้นอีกครั้งโดยหมายเอาชีวิต

“ช้าก่อน อย่าฆ่าข้า!” นัยน์ตาของนักบุญหญิงศักดิ์สิทธิ์หดเกร็ง นางร้องขอความเมตตาและมองซูอันด้วยสายตาอ้อนวอน “น้องชาย โปรดไว้ชีวิตพี่สาวด้วยเถอะ พี่สาวยอมแพ้แล้ว ขอเพียงเจ้าปล่อยข้าไป ข้าก็ยินดีมอบความสุขที่เจ้าไม่เคยได้สัมผัสมาก่อนได้นะ”

  

นางพูดและพยายามทำตัวเย้ายวนให้มากที่สุด ทว่าด้วยร่างกายเพียงท่อนเดียวจึงทำให้นางดูประหลาดมากกว่า

  

ตอนนี้นางไม่เหมือนผู้แข็งแกร่งระดับหยางบริสุทธิ์ แต่เหมือนลูกสุนัขกระดิกหางขอความเมตตา

  

บุปผามรณะหยุดการเคลื่อนไหวเพื่อรอให้ซูอันตัดสินใจ

  

ในเวลานี้ มู่หนิงเจิน ฉู่อิน เซียวอวี่ลั่วและเฟิ่งหลวนที่กำลังปราบปรามพวกปรมาจารย์ลัทธิเซวี่ยเหอ ไม่เว้นแม้แต่ถูเซิ่งหนานที่ถือศีรษะของโพธิสัตว์มารติ้งกวงต่างก็มองไปที่ซูอัน

ช้าก่อน เซิ่งหนานก็อยากรู้อยากเห็นด้วยหรือ

  

ถูเซิ่งหนานเหมือนตระหนักถึงหน้าที่ นางขว้างศีรษะของโพธิสัตว์มารติ้งกวงทิ้งแบบลวกๆ จากนั้นเกาหัวแล้วหันไปโจมตีปรมาจารย์ลัทธิเซวี่ยเหอ

  

ถ้าสั่งให้นางเด็ดหัว นางก็จะเด็ดหัวทุกคน

  

ซูอันยังคงสงบพลางมองนักบุญหญิงศักดิ์สิทธิ์ที่หน้าตางดงามตรงเบื้องหน้า สวยนะ แต่...ก็แค่นั้น

  

“ขอโทษที พอดีข้าไม่ชอบกินของสกปรก” เขาพูด

  

สิ้นคำตอบของซูอัน บุปผามรณะจึงไม่ลังเลอีกต่อไป

“ช้าก่อน ข้าน้อยเป็นสุนัขให้ท่านได้ นายท่านได้โปรด...”

  

ฉึก!

  

แสงโลหิตทะลุจากร่างกายสู่หัวใจ ประกายแสงนัยน์ตาของนางค่อยๆ ดับลงและใบหน้าที่งดงามไร้ค่าชั่วนิรันดร์

  

ผู้แข็งแกร่งระดับหยางผู้บริสุทธิ์คนหนึ่งตายอย่างน่าอัปยศอดสู

  

ซูอันยกเท้าเหยียบศีรษะที่ไร้วิญญาณนั้น

“ถุย กล้าขู่ข้าหรือ”

  

แต่ภายใต้เคล็ดวิชาทะลวงจิต จึงกล้าพูดได้ว่านางยอมจำนนต่อเขาจริงๆ

ปรมาจารย์ลัทธิเซวี่ยเหอเบิกตากว้างและจิตใจของเขาสั่นสะท้านด้วยความกลัว

  

จากเดิมพวกเขามีหยางบริสุทธิ์ห้าคน แต่ตอนนี้เหลือเพียงสองคนเท่านั้น

เขากัดฟันพูดว่า “เทพโลหิตหลบหนี!”

  

ปีศาจตัวใหญ่จากทะเลเลือดปรากฏขึ้นข้างหลังเขา ตามด้วยเสียงกรีดร้องคร่ำครวญของวิญญาณในทะเลเลือด มีม่านโลหิตปกคลุมไปทั่วร่างกายของเขา

  

ทันใดนั้นทะเลเลือดไร้ขอบเขตถูกม่านโลหิตดูดกลืนจนหมด ร่างกายของเขาหดลงเรื่อยๆ จนเหลือแต่หนังหุ้มกระดูก แต่ม่านโลหิตกลับเปล่งประกายมากขึ้น

  

ถูเซิ่งหนานและเฟิ่งหลวนต่างถูกบังคับให้ถอยกลับเพราะม่านโลหิตนั้น

  

จากนั้นปรมาจารย์ลัทธิเซวี่ยเหอกลายร่างเป็นกระแสแสงโลหิตและหลบหนีออกไปหลายพันหลี่ จากนั้นหายไปในพริบตา

  

บัดนี้ฝั่งผู้ปลูกฝังมารระดับหยางบริสุทธิ์เหลือเพียงเซียวเหล่ากุ่ยที่ยังต่อสู้กับหน่วยวิหคดำ

  

รอยยิ้มที่น่าเกลียดกว่าการร้องไห้ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเขาและเขามองไปยังกลุ่มผู้แข็งแกร่งระดับหยางบริสุทธิ์ที่อยู่รอบตัวพลางเอ่ย “หากข้ายอมแพ้ตอนนี้จะสายไปหรือไม่?”

“สมรู้ร่วมคิดกับผู้ปลูกฝังมาร ลงโทษ!” ทันทีที่เสียงของซูอันจบลง การโจมตีห้าทิศทางพุ่งเข้าใส่เซียวเหล่ากุ่ย เขาไม่สามารถแม้แต่จะกรีดร้องออกมาได้

  

“หน่วยวิหคดำอู๋หยางคารวะท่านโหวซู” ผู้ฝึกตนวัยกลางคนระดับหยางบริสุทธิ์เข้ามารายงานตัวกับซูอัน

  

เขาเป็นผู้บัญชาการหน่วยวิหคดำสาขาชิงโจวและซูอันเป็นรองผู้บัญชาการหน่วยหลัก กล่าวอีกนัยคือทั้งสองอยู่ในระดับเดียวกัน

  

แต่ซูอันมีมากกว่าตำแหน่งรองผู้บัญชาการนั้นและในฐานะสมาชิกของหน่วยวิหคดำ เขาจึงทราบดีว่าตัวตนของท่านโหวซูในใจของฝ่าบาทนั้นสำคัญเพียงใด เขาจึงไม่กล้าละเลยอีกฝ่าย

  

“ตามสบาย” ซูอันไม่ได้แสดงออกมากนักและอธิบายให้ผู้บัญชาการอู๋ฟังสั้นๆ

  

“ผู้บัญชาการอู๋ คราวนี้ตระกูลเซียวสมรู้ร่วมคิดกับผู้ปลูกฝังมาร...”

  

“ท่านโหวซูโปรดวางใจ ข้าเข้าใจแล้ว!” อู๋หยางเห็นสีหน้าของซูอันจึงเข้าใจทันทีและตอบรับด้วยรอยยิ้ม

  

หลักฐานที่แสดงว่าตระกูลเซียวสมรู้ร่วมคิดกับผู้ปลูกฝังมารเป็นที่แน่ชัดและตอนนี้ผู้ฝึกตนระดับหยางบริสุทธิ์เพียงคนเดียวในตระกูลเซียวได้เสียชีวิตลงที่นี่ ยังมีสิ่งใดไม่กระจ่างอีก

  

จากนั้นอู๋หยางได้นำคนของหน่วยวิหคดำไปทำความสะอาดสนามรบและก้าวขึ้นเรือเซียนเพื่อเดินทางกลับ

  

“ซูอันคือชื่อของเจ้าหรือ”

  

หลังจัดการธุระและฝากเรื่องในนิกายให้เฟิ่งหลวนดูแลต่อ มู่หนิงเจินจึงเดินมาหาซูอันและนี่เป็นเวลาค่ำคืนแล้ว

  

มีการเหน็บแนมในดวงตาที่เหมือนฤดูใบไม้ร่วงของนาง “ดูเหมือนเจ้าจะมีเสน่ห์ต่อพวกสตรีเหลือเกินนะ”

  

ก่อนหน้านี้นางไม่น่ารู้สึกผิดเลย เพราะรู้สึกว่าเจ้าเด็กคนนี้เจ้าชู้ใช่ย่อย

  

แม้แต่ศิษย์เอกของนางยังมีความคิดกับเขา

  

ซูอันถอนหายใจพลางก้าวไปข้างหน้าสองก้าวและเหม่อมองท้องฟ้าไกล แสงจันทร์หนาวเหน็บกระทบใบหน้าของเขาขณะที่พูดด้วยความเศร้าหมอง “ความจริงแล้วในใจของข้ารู้สึกเจ็บปวดมาก เพราะปณิธานของข้าคือการครองคู่กับภรรยาเพียงคนเดียวตลอดชีวิต แต่ท่านพ่อของข้าเสียชีวิตเร็ว ก่อนที่เขาจะจากไปได้กำชับว่าอยากเห็นข้ามีภรรยาดูแลให้มาก”

  

“คำสั่งของพ่อแม่นั้นไม่สามารถละเลยได้ ข้าไม่มีทางเลือกอื่นจึงต้องอดกลั้นต่อความเจ็บปวดและทำร้ายหัวใจตัวเองโดยฉีกมันออกเป็นชิ้นๆ”

  

“ถ้าเช่นนั้นข้าจะแสดงให้เจ้าเห็นว่าหัวใจของเจ้าทำจากสิ่งใด มันถึงถูกฉีกออกเป็นชิ้นๆ ได้” มู่หนิงเจินเอ่ยขณะที่เช็ดกระบี่ในมือ

  

“ไม่ต้อง!” ซูอันปฏิเสธด้วยสีหน้าจริงจัง

  

เมื่อมู่หนิงเจินเห็นสีหน้าของเขา นางก็หัวเราะเบาๆ จากนั้นเหมือนตระหนักได้ว่ากำลังเสียกิริยาจึงหุบยิ้มแล้วพูดว่า “อย่าเที่ยวพูดเหลวไหลข้างนอก เข้าใจหรือไม่?”

  

“ถ้าไม่พูดก็ไม่เป็นไรใช่ไหม?” ซูอันเดินเข้าประชิดนาง อุณหภูมิร่างกายที่ร้อนผ่าวทะลุผ่านเสื้อผ้าของนางและแพร่ไปทั่วร่างกายอย่างแผ่วเบา

  

มู่หนิงเจินตัวสั่น

ผู้ชายคนนี้แน่ใจหรือว่านางจะไม่ทำร้ายเขา?

  

นางถอยหลังหนึ่งก้าวเพื่อรักษาระยะห่าง “อย่าทำให้ข้าลำบากใจ”