ตอนที่แล้วตอนที่ 69 ภูมิหลังของฉินอวิ๋น
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 71 ข้าไม่ชอบกินของสกปรก

ตอนที่ 70 กระจกอินหยาง


ตอนที่ 70 กระจกอินหยาง

  

“เจ้านิกายมู่ คืนสมบัติวิญญาณของนิกายข้ามา!” บุตรศักดิ์สิทธิ์กล่าว

บัดนี้นักบุญหญิงศักดิ์สิทธิ์เหอฮวนซึ่งเป็นศิษย์น้องหญิงของเขาก็ปรากฏตัวที่ข้างกายของเขาเช่นกัน นางมองศิษย์พี่ด้วยความรัก

  

กระจกสองด้านปรากฏระหว่างคนทั้งสอง ฝั่งหนึ่งเป็นกระจกสีขาวอีกฝั่งเป็นสีดำ เสมือนกระจกอินหยาง

  

แต่ด้านสีขาวสะท้อนภาพบุคคลที่เร้าอารมณ์ซึ่งทำให้ผู้คนหน้าแดง

  

กระจกอินหยางและกระดิ่งเหอฮวนเป็นสองสมบัติวิญญาณของนิกายเหอฮวน และยังเป็นความมั่นใจของพวกเขาในการเผชิญหน้ากับมู่หนิงเจินด้วย

  

“เป็นสมบัติวิญญาณจริงๆ สองคนนี้ปกปิดไว้ดีนัก!” เซียวเหล่ากุ่ยมองทั้งสองคนด้วยความกลัว เพราะเขาไม่คาดคิดว่าสองคนนี้ยังมีสมบัติวิญญาณของนิกายเหอฮวนซ่อนอยู่กับตัว

  

ขึ้นชื่อว่าสมบัติวิญญาณซึ่งเป็นอาวุธเวทระดับสูงสุด ไม่ต้องพูดถึงผู้ฝึกตนระดับหยางบริสุทธิ์ เพราะแม้แต่ระดับหยวนเสินอาจไม่คู่ควรได้ครอบครองด้วยซ้ำ! จึงมีเฉพาะนิกายใหญ่ซึ่งเป็นมรดกตกทอดยาวนานเท่านั้นจึงจะสามารถครอบครองหนึ่งหรือสองชิ้นได้

  

ถ้าเป็นเช่นนี้การจัดการกับมู่หนิงเจินย่อมไม่มีปัญหา

  

วันนี้นิกายเทียนสุ่ยต้องถูกทำลายสิ้น

  

ขณะที่เซียวเหล่ากุ่ยคิดเช่นนี้ บนขอบฟ้าจากระยะไกลมีการเคลื่อนไหวแปลกๆ เกิดขึ้น

เขาหันไปมอง

  

ทะเลเมฆแหวกออก ปรากฏเรือเซียนลอยตัดผ่านความว่างเปล่า เมื่อลงจอดใกล้กับนิกายเทียนสุ่ยแล้วผู้ฝึกตนในเครื่องแบบวิหคดำก้าวลงจากเรือเซียน แต่ละคนมีรัศมีไม่ธรรมดาและความมุ่งมั่นสูงขณะไล่สังหารผู้ปลูกฝังมารที่กำลังต่อสู้กับสานุศิษย์นิกายเทียนสุ่ย

  

บนเรือเซียนอันยิ่งใหญ่ในหมู่ยานพาหนะ มีชายวัยกลางคนสวมชุดเกราะทองลายวิหคยืนอยู่ เขามีใบหน้าธรรมดา แต่รัศมีของเขาไม่สามารถมองข้ามได้ เพราะเขาคือผู้แข็งแกร่งระดับหยางบริสุทธิ์

  

การปรากฏตัวของร่างนี้ทำให้ทุกคนตกตะลึง

“นั่นคือหน่วยวิหคดำ! ให้ตายเถอะ เซียวเหล่ากุ่ย เจ้าบอกว่าส่งคนไปขวางคนจากทางการแล้วไม่ใช่หรือ?” ปรมาจารย์ลัทธิเซวี่ยเหอสบถ

  

เซียวเหล่ากุ่ยที่ยืนอยู่ข้างเขาก็รู้สึกตื่นตระหนก แต่ยังปลอบใจว่า “อย่ากลัว ถึงอย่างไรก็ห้าต่อสามและพวกเรามีสมบัติวิญญาณด้วย เรายังได้เปรียบ!”

  

“เซิ่งหนาน เจ้าออกไปสู้ด้วย จงเด็ดหัวไอ้ลาเฒ่าหัวล้านมาให้ข้า” ที่ด้านล่าง ซูอันโบกมือสั่งถูเซิ่งหนาน

  

ลาเฒ่าหัวล้านได้รับบาดเจ็บสาหัสจากมู่หนิงเจิน จึงเหมาะสำหรับการฝึกฝนของถูเซิ่งหนาน

  

เมื่อได้ยินคำสั่ง ถูเซิ่งหนานไม่ปกปิดพลังวิญญาณแท้จริงอีกต่อไปและเผยให้เห็นรัศมีของระดับหยางบริสุทธิ์เสมือนมังกร จากนั้นเคลื่อนพลังมังกรคชสารก้าวขึ้นไปในอากาศและโจมตีโพธิสัตว์มารติ้งกวงโดยตรง

  

“บ้าเอ๊ย ยังมีหยางบริสุทธิ์อีกคน!” ปรมาจารย์ลัทธิเซวี่ยเหอตื่นตระหนก

  

หนังตาของเซียวเหล่ากุ่ยกระตุก “อย่ากลัว ห้าต่อสี่และยังมีสมบัติวิญญาณ ความได้เปรียบยังอยู่ข้างเรา!”

  

แม้ว่าเขาจะพูดแบบนี้ แต่เขาได้มองหาทางหนีทีไล่ไว้แล้ว

  

“เมื่อกล้าที่จะรุกรานนิกายเทียนสุ่ย ก็อย่าคิดจะรอดไปได้!” มู่หนิงเจินจ้องมองบุตรศักดิ์สิทธิ์เหอฮวนและพูดเสียงเยือกเย็น

  

ร่างกายของนางเปล่งประกาย แสงกระบี่เต๋าจำนวนนับไม่ถ้วนทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้ากลายเป็นแสงดารานับพันดวง

  

เบื้องหลังของนางปรากฏเงาร่างของเทพธิดาทาบทับ ใบหน้าของเทพธิดาพร่ามัว เท้าเหยียบเมฆาเสมือนเดินลงจากสวรรค์ อิทธิฤทธิ์แผ่ขยายกว้างไกลขณะที่ใช้กระบี่ร่วมกับมู่หนิงเจิน

  

“สลายอมตะ!”

กระบี่เล่มนี้มาจากฟากฟ้า มุ่งตัดเส้นทางสู่อมตะ!

  

ความทรงพลังของกระบี่เปรียบเสมือนทัณฑ์จากสวรรค์ ทำให้ผู้คนแม้แต่จะคิดหนียังไม่กล้าคิด

คมกระบี่นี้น่ากลัวเกินไปและพลังของมันถึงขีดจำกัดของหยางบริสุทธิ์แล้ว

  

“สมเป็นบุคคลอันดับหนึ่งแห่งชิงโจว!” บุตรศักดิ์สิทธิ์เหอฮวนถึงขั้นพูดไม่ออก หากไม่มีสมบัติวิญญาณ แม้ว่าพวกเขาจะเป็นหยางบริสุทธิ์ห้าคนรวมกันก็เกรงว่ายากจะต้านทาน

  

เขากับศิษย์น้องหญิงรีบเปิดใช้งานกระจกอินหยางเพื่อป้องกันการโจมตี

  

ขาวดำสองสีครอบครองท้องฟ้าครึ่งหนึ่ง กระแสแห่งความหลงใหลในชีวิตและความตายหลั่งไหล พลังของมันไม่ด้อยไปกว่ามู่หนิงเจินเลย

  

อาศัยสมบัติวิญญาณอันยิ่งใหญ่ของนิกายเหอฮวน ทำให้เขามั่นใจที่จะสู้กับมู่หนิงเจิน

  

“สมบัติวิญญาณหรือ? มอบให้ข้าซะ!”

  

ทันใดนั้นมีเสียงกระหยิ่มยิ้มย่องดังขึ้น

  

วงแหวนแสงสีขาวหมุนวนต่อหน้าซูอัน บังเกิดแรงดูดลึกลับต่อกระจกอินหยาง

  

แสงขาวดำครึ่งท้องฟ้าสลายไปทันทีและกระจกอินหยางบินไปหาซูอันด้วยความเร็วแสงจนไม่มีใครทันได้ตอบสนอง

เซียวเหล่ากุ่ย “...”

  

สถานการณ์พลิกผันทันตา

  

“สมบัติวิญญาณของข้า!” บุตรศักดิ์สิทธิ์เหอฮวนนตกตะลึง จากนั้นเขามองไปที่ซูอันซึ่งถือกระจกอินหยางพลางมองด้วยความสงสัยใคร่รู้ เขาจึงตะโกนด้วยความโกรธและแววตาแตกสลาย

  

นี่เป็นสมบัติวิญญาณที่เหลืออยู่เพียงชิ้นเดียวของนิกายเหอฮวน

  

“ของเจ้าหรือ?” ซูอันเลิกคิ้วและชูกระจกอินหยางในมือขึ้น “เจ้าลองเรียกมันสิ มันจะตอบรับเจ้าหรือไม่?”

  

ไม่รู้ว่าสมบัติวิญญาณจะตอบรับหรือเปล่า เพราะบุตรศักดิ์สิทธิ์ไม่มีเวลาได้ลองเรียก

  

สมบัติวิญญาณถูกปล้นในพริบตาและยังถูกโจมตีโดยมู่หนิงเจิน เขาจะเอาเวลาใดตั้งรับ

“ศิษย์น้อง ข้าจะส่งเจ้าไปก่อน!” เขาพูดด้วยความเด็ดขาด

  

“ศิษย์พี่…” ก่อนที่นักบุญหญิงศักดิ์สิทธิ์เหอฮวนจะถูกเคลื่อนย้ายออกไป ร่างกายของนางกลับแข็งค้างอยู่กับที่และพลังชี่เหอฮวนในร่างกายของนางหยุดนิ่งเช่นกัน

  

บุตรศักดิ์สิทธิ์มองอย่างเฉียบคมและไม่รู้ว่าเขาใช้วิธีใด แต่เขาผลักนักบุญหญิงศักดิ์สิทธิ์มาขวางหน้าเอาไว้และปล่อยให้นางเผชิญการโจมตีที่น่าสะพรึงกลัวนี้

  

“ศิษย์พี่!” นักบุญหญิงศักดิ์สิทธิ์มองศิษย์พี่ของตนด้วยความไม่เชื่อ ร่างบอบบางเผชิญหน้ากับแสงกระบี่ที่น่าสะพรึงกลัวโดยตรง

  

“ขอโทษนะศิษย์น้อง แต่ศิษย์พี่จะล้างแค้นให้เจ้าแน่นอน” ดวงตาของบุตรศักดิ์สิทธิ์เต็มไปด้วยความเย็นชาและเขาไม่ได้มองนางอีกเลย เขาหันหลังและวิ่งหนีในขณะที่นักบุญหญิงศักดิ์สิทธิ์ปิดกั้นแสงกระบี่ไว้

  

ทั้งสองฝึกควบรวมเหอฮวนด้วยกันและเขาเข้าใจเกี่ยวกับการควบรวมเหอฮวนมากกว่านักบุญหญิงศักดิ์สิทธิ์ เขาจึงสามารถควบคุมนางได้ชั่วคราว

  

ขอเพียงเขาไม่ตาย นิกายเหอฮวนยังมีโอกาสฟื้นคืนความรุ่งเรือง

  

ร่างของนักบุญหญิงศักดิ์สิทธิ์ถูกทิ้งไว้ตรงนั้นเหมือนเครื่องเคลือบดินเผาที่มีรอยแตกบนผิวเนียนละเอียด

  

ผิวขาวเหมือนหิมะแตกละเอียดทีละนิ้ว

  

แม้นางจะต่อต้านสุดกำลังก็ยังได้รับบาดเจ็บสาหัสจากการเคลื่อนไหวนี้ ต่อให้นางรอดชีวิต นางคงกลายเป็นคนไร้ประโยชน์ตลอดไป

  

บุตรศักดิ์สิทธิ์กลายเป็นกระแสแสงและใช้วิชาลับหลบหนีไปด้วยความว่องไว

  

ต่อหน้ามู่หนิงเจิน เขาไม่กล้าที่จะมุดหนีลงดิน เพราะครั้งนี้มู่หนิงเจินไม่ยอมปล่อยเขาจริงๆ

  

ในช่วงเวลาสั้นๆ เขากลายเป็นจุดขนาดเล็กบนขอบฟ้า

  

“อ๊าก!”

  

พริบตาเดียวกลับมีเสียงกรีดร้องมาจากทิศทางที่บุตรศักดิ์สิทธิ์กำลังหลบหนี มันเป็นเสียงร้องโหยหวนราวกับปีศาจจากขุมนรกและเสียงนั้นสร้างความสั่นสะเทือนเป็นระยะทางหลายพันหลี่

  

อีกด้านหนึ่ง อาการบาดเจ็บบนร่างของนักบุญหญิงศักดิ์สิทธิ์ซึ่งยังอยู่ในนิกายเทียนสุ่ยหายเป็นปกติทันที รอยแตกบนร่างกายทั้งหมดได้รับการซ่อมแซม

  

รอยยิ้มมีเสน่ห์ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของนางและไม่มีร่องรอยของความโศกเศร้าเลย “ศิษย์พี่เอ๋ยศิษย์พี่ ท่านไม่รู้หรือว่าสตรีเกิดมาเพื่อโกหก เดิมทีข้าไม่อยากทำเช่นนี้ แต่ช่วยไม่ได้!”

  

เมื่อเอ่ยถึงการควบรวมเหอฮวน ศิษย์พี่ที่วางแผนฟื้นฟูนิกายมาโดยตลอดจะเทียบกับนางที่วางเส้นทางของตัวเองทุกคืนได้อย่างไร

เมื่อเห็นว่ามู่หนิงเจินตวัดกระบี่อีกครั้ง นักบุญหญิงศักดิ์สิทธิ์แย้มยิ้มอ่อนหวานและหายตัวไปจากจุดนั้นทันที จากนั้นร่างของนางปรากฏขึ้นที่ข้างกายซูอัน

  

“น้องชาย เจ้าจงเชื่อฟังและทำตัวให้ดี มิฉะนั้นข้าไม่รับประกันความปลอดภัยของเจ้า”

  

พลังเวทของนางเข้าห่อหุ้มซูอัน นางมองซูอันด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความปรารถนา

  

กลิ่นหอมมากจนอยากกลืนกินให้หมดในคำเดียว