ตอนที่ 69 ภูมิหลังของฉินอวิ๋น
ตอนที่ 69 ภูมิหลังของฉินอวิ๋น
ซูอันเป็นผู้แจ้งข่าวเกี่ยวกับการโจมตีของผู้ปลูกฝังมารให้นางฟัง หากซูอันต้องการทำลายนิกายเทียนสุ่ย เขาไม่จำเป็นต้องเสียเวลาขนาดนี้
เห็นได้ชัดว่าฉินอวิ๋นกัดไปเรื่อยอีกแล้ว
เช่นเดียวกับคืนนั้น
“ศิษย์พี่ใหญ่...” หัวใจของฉินอวิ๋นเจ็บปวด แม้แต่ศิษย์พี่ใหญ่ที่รักเขามากที่สุดยังไม่เชื่อเขา
“เสี่ยวอวิ๋น พูดความจริงมา” การแสดงออกของมู่หนิงเจินค่อยๆ เย็นชา
“อาจารย์ก็ไม่เชื่อศิษย์หรือขอรับ?” ฉินอวิ๋นเซไปข้างหลังหนึ่งก้าว มือและเท้าเย็นเฉียบ
ศิษย์พี่สี่ลังเลอยู่ครู่หนึ่งจึงพูดว่า “อาจารย์ ศิษย์พี่ใหญ่ บางทีอาจเกิดความเข้าใจผิด เพราะฉินอวิ๋นโตมากับพวกเรา เขาไม่น่าจะเป็นคนแบบนั้น”
เฟิ่งหลวนตวาด “ศิษย์น้องสี่ เจ้าคิดว่าเข้าใจเขาจริงๆ หรือ? พวกเจ้าทุกคนรู้หรือไม่ว่าเขาขี้โกหก แอบเที่ยวหอนางโลมและพลังวิญญาณของเขาอยู่ในระดับมิ่งตาน อย่าถูกเขาหลอกอีก!”
ศิษย์พี่สี่เงียบทันที
ตั้งแต่ขอบเขตก่อกำเนิดไปจนถึงระดับมิ่งตาน เสี่ยวอวิ๋นปิดบังการฝึกตนไว้เสมอ ซึ่งมันไม่มีเหตุผลเลยที่เขาจะปกปิดพวกศิษย์พี่เช่นนาง
แต่ภาพที่นางเห็นฉินอวิ๋นเที่ยวหอนางโลมและทุกวันนี้ที่ทั้งนิกายตื่นตัว ฉินอวิ๋นยังคงเกียจคร้านและนอนหลับตลอดวัน ทั้งหมดนี้เป็นข้อเท็จจริง
ฉินอวิ๋นอยากอธิบาย แต่เมื่อเขานึกถึง ‘คัมภีร์มหาสุบิน’ ราวกับว่ามีเสียงผู้หญิงที่มีเสน่ห์กำลังเตือนเขาว่าอย่าเปิดเผยเรื่องนี้ เขาจึงต้องคอยปกปิดเอาไว้เสมอ
มู่หนิงเจินขมวดคิ้ว พลังเวทในมือของนางไหลสู่ร่างของศิษย์คนที่สามเพื่อปลุกให้ตื่น
“เยี่ยเอ๋อร์ ใครทำร้ายเจ้า?”
ศิษย์พี่สามลืมตาขึ้นและมองไปในทิศทางของฉินอวิ๋น แต่ภาพที่นางเห็นคือพลังงานสีดำที่จำได้รางๆ นางจึงชี้ไปที่เขาโดยไม่ลังเล
ตอนนี้ไม่มีข้อสงสัยอีก
“เสี่ยวอวิ๋น เป็นเจ้าจริงด้วย!”
มู่หนิงเจินมองฉินอวิ๋นด้วยความรู้สึกเสียดาย
ฉินอวิ๋นใจสลาย เขาไม่นึกว่าศิษย์พี่สามจะชี้ตัวเขา มิหนำซ้ำพวกศิษย์พี่และอาจารย์ก็ไม่เชื่อเขาด้วย แต่ในขณะนี้รอยยิ้มชั่วร้ายกลับปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเขา ราวกับจะพูดว่า ‘ถูกพวกเจ้าจับได้แล้วสินะ’
พลังมารจำนวนมากยังแผ่ออกจากร่างกายของเขา ทำให้เขายิ่งดูเหมือนจอมมาร
หากมองแล้วจะพบว่ามันคล้ายกับร่างสีดำก่อนหน้านี้จนน่าประหลาดใจ ซึ่งทั้งสองมีพลังมารเท่ากันด้วย
ยิ่งฉินอวิ๋นรู้สึกเจ็บปวดใจมากเท่าไร เขายิ่งยิ้มบ้าคลั่งมากขึ้นเท่านั้น
“นายน้อยรีบหนีไป!” ทันใดนั้นมีผู้ปลูกฝังมารระดับจื่อฝู่สองคนโผล่ขึ้นจากผืนดินเบื้องหน้าของฉินอวิ๋นและพุ่งเข้าใส่พวกมู่หนิงเจินด้วยพลังวิญญาณระดับทำลายล้าง
สายตาแห่งความจงรักภักดีนั้น ใครเห็นก็รู้ว่าพวกเขาคือ ‘คนรับใช้ผู้ภักดี’
มู่หนิงเจินเงยหน้าขึ้นเล็กน้อยและแทบไม่ต้องลุ้น เพียงนางสะบัดมือเบาๆ ผู้ปลูกฝังมารทั้งสองก็กลายเป็นฝุ่น
ตัวตนของฉินอวิ๋นในฐานะ ‘คนทรยศ’ ถูกเปิดเผยโดยสมบูรณ์
“แอบฝึกฝนพลังมารและทำร้ายศิษย์ร่วมสำนัก ความผิดนี้ไม่อาจให้อภัยได้!” นางซัดหนึ่งฝ่ามือใส่ฉินอวิ๋นและไม่มีทางที่ฉินอวิ๋นจะหลบการโจมตีนี้ได้
ตุบ!
ไม่มีพลังงานที่ทำให้แผ่นดินสั่นสะเทือน
มีแค่ร่างกายของฉินอวิ๋นที่สั่นสะท้าน เขาล้มลงกับพื้นและพลังวิญญาณทั้งหมดของเขาถูกทำลายสิ้น
“ฉินอวิ๋น เจ้ากระทำความชั่วมากมาย สมควรได้รับการลงโทษ!” ซูอันเดินมาหาฉินอวิ๋นโดยถือกระบี่ทมิฬไว้ในมือ นี่คือมรดกที่เยี่ยเสวียนตัวเอกชายคนก่อนทิ้งไว้ให้ “เดิมทีข้าเห็นว่าเจ้าเป็นศิษย์น้องเล็กของอวี่ลั่วกับอินเอ๋อร์ ข้าจึงปล่อยเจ้าไป กระนั้นข้าเป็นผู้ตรวจการขององค์จักรพรรดินีซึ่งถูกส่งมากำจัดเศษซากของผู้ปลูกฝังมารในชิงโจว ด้วยความรับผิดชอบนี้ ข้าไม่สามารถปล่อยเจ้าไปได้!”
เขาเอ่ยด้วยความชอบธรรมและแทงกระบี่ทมิฬทะลุลำคอของฉินอวิ๋น
ในเวลาเดียวกัน เสียงเย้ยหยันก็เข้ามาในจิตใต้สำนึกของฉินอวิ๋น
“ไม่ต้องค้างคาใจแล้ว เจ้าเดาถูกทั้งหมด ข้าเป็นคนวางแผนทั้งหมดนี้เอง ส่วนอาจารย์กับพวกศิษย์พี่ของเจ้า ข้าจะดูแลบนเตียงอย่างดีแน่นอน”
ดวงตาของฉินอวิ๋นเบิกกว้างและความแค้นปะทุขึ้น เขายังต้องการอ้าปากเพื่อเตือนพวกศิษย์พี่ แต่ลำคอของเขาถูกแทงด้วยกระบี่เสียแล้ว
สติของเขาค่อยๆ เลือนรางและดูเหมือนเขาเห็นอาจารย์กับพวกศิษย์พี่รายล้อมซูอันเช่นเดียวกับฉากในฝันร้ายนั้น
ถ้านี่เป็นฝันร้าย เขาก็หวังว่าจะตื่นขึ้นในเร็วๆ นี้
[ติ๊ง! โฮสต์สังหารตัวเอกชายฉินอวิ๋น รับคะแนนตัวร้าย 2000]
[ติ๊ง! ขอแสดงความยินดีกับโฮสต์ที่สังหารตัวเอกชายสำเร็จ รับสูตรโกง...คัมภีร์ลับเหอฮวน (ภาควิญญาณ)]
คะแนนตัวร้ายที่ได้รับนั้นเกือบเท่ากับของเยี่ยเสวียน เมื่อรวมกับคะแนนตัวร้ายที่ได้รับจากขั้นตอนต่างๆ ก่อนหน้ากับคะแนนตัวร้ายที่ได้รับจากการตายของฉินอวิ๋น จึงมีถึง 5000 คะแนนแล้ว
สามารถจับรางวัลดีๆ ได้อีก
แต่ซูอันรู้สึกประหลาดใจกับสูตรโกงที่ได้รับมา เขาไม่เคยคิดว่าภูมิหลังของฉินอวิ๋นมีความซับซ้อนและอาจมีความเกี่ยวข้องกับนิกายเหอฮวน จึงไม่น่าแปลกใจที่มู่หนิงเจินเชื่อว่าฉินอวิ๋น ‘ทรยศ’ โดยง่ายดาย
เดิมทีเขาวางแผนที่จะปล่อยให้เมล็ดพันธุ์แห่งจิตมารมีอิทธิพลต่อฉินอวิ๋นเพื่อยืนยันตัวตนผู้ปลูกฝังมาร แต่สุดท้ายก็ไม่ได้ใช้
“อย่าเศร้าไปเลย” มู่หนิงเจินมองบรรดาลูกศิษย์ที่โศกเศร้าและเป็นคนแรกที่หลุดพ้นจากอารมณ์ “เสี่ยวอวิ๋นเป็นทายาทของนิกายเหอฮวนและพฤติกรรมของเขาเป็นเรื่องปกติของคนพวกนี้ ตอนแรกข้าไม่ได้คิดให้รอบคอบเอง”
บัดนี้มู่หนิงเจินไม่ได้ปิดบังภูมิหลังของฉินอวิ๋นอีกต่อไป
เมื่อนางได้สัมผัสกับกระดิ่งเหอฮวนในเขตต้องห้ามเมื่อยี่สิบปีที่แล้วเป็นครั้งแรก นางได้พบทารกน้อยถูกผนึกไว้พร้อมกับกระดิ่งเหอฮวน
ด้วยการปกป้องของกระดิ่งเหอฮวนและได้รับพลังวิญญาณหล่อเลี้ยง ทำให้ขอบเขตก่อกำเนิดของทารกน้อยไม่เสียหายแม้อยู่ในผนึกก็ตาม
ด้วยความเมตตาและอยากสืบหาความสัมพันธ์ระหว่างทารกกับกระดิ่งเหอฮวน นางจึงพาฉินอวิ๋นออกมาและรับเขาเป็นศิษย์
ต่อมานางพบว่าเมื่อนิกายเหอฮวนถูกทำลาย เทพศักดิ์สิทธิ์แห่งนิกายเหอฮวนและธิดาเทพแห่งนิกายเหอฮวนมีลูกชายทั้งหมดสองคน คนหนึ่งคือบุตรศักดิ์สิทธิ์เหอฮวน อีกคนอายุยังไม่ถึงหนึ่งเดือนและไม่ทราบที่อยู่
จากนั้นนางจึงได้รู้ว่าฉินอวิ๋นน่าจะเป็นเด็กที่อายุยังไม่ถึงหนึ่งเดือนและเป็นบุตรทางสายเลือดของธิดาเทพเหอฮวนในกระดิ่งเหอฮวน
เดิมทีนางคิดที่จะปกปิดตัวตนของฉินอวิ๋นจึงเลี้ยงดูเขาเป็นลูกศิษย์ แต่ไม่คาดคิดเลยว่าเด็กคนนี้จะลงเอยด้วยการเข้าสู่เส้นทางของผู้ปลูกฝังมาร บางทีมันอาจเป็นชะตากรรมของเขา
นั่นเป็นเหตุผลที่นางรู้สึกเสียดาย
หลังได้ฟังความจริงจากมู่หนิงเจินแล้ว พวกศิษย์พี่จึงค่อยๆ เข้าใจว่าเหตุใดฉินอวิ๋นชอบเที่ยวหอนางโลม แล้วเหตุใดเขาจึงเลือกทรยศในเวลานี้ ที่แท้เป็นเพราะมรดกทางสายเลือด
ตูม!
พลังทำลายล้างอันรุนแรงดังขึ้น
ใบหน้าของเฟิ่งหลวนซีดลง
ค่ายกลป้องกันสูงสุดของนิกายแตกสลาย!
เนื่องจากฉินอวิ๋นซัดพลังใส่ค่ายกลป้องกันจากภายใน ส่งผลให้พลังของมันอ่อนแอลง ซึ่งการที่มันอยู่ได้ถึงตอนนี้ถือว่าดีมากแล้ว
“ฮ่าฮ่า เหล่าเทพธิดา จงตามข้ามาและฝึกควบรวมปีติด้วยกันเถอะ” เมื่อเข้าสู่นิกายเทียนสุ่ย โพธิสัตว์มารติ้งกวงเหมือนหมาป่าบุกเข้าฝูงแกะ ดวงตาเปล่งประกายวาววับ
ฉับ!
แขนซ้ายรวมถึงร่างกายตั้งแต่ไหล่ซีกซ้ายของเขาหายไปทันตา
รอยยิ้มโพธิสัตว์มารติ้งกวงกลายเป็นความเจ็บปวด
“มู่หนิงเจิน!” เสียงของเขาฟังแทบไม่เป็นคำ
เขาได้ยินมานานแล้วว่ามู่หนิงเจินแข็งแกร่งมาก แต่ไม่คาดคิดว่าจะแข็งแกร่งถึงขั้นสามารถโจมตีเพียงครั้งเดียวจนเขาได้รับบาดเจ็บสาหัส สตรีนางนี้แข็งแกร่งกว่าในข่าวลือ!
“บุตรศักดิ์สิทธิ์แห่งนิกายเหอฮวน!” เขารีบตะโกนขอความช่วยเหลือ
ร่างของชายหน้าบากปรากฏขึ้นต่อหน้าของเขา “บอกแล้วว่าอย่าประมาท”
ในใจของบุตรศักดิ์สิทธิ์รู้สึกรังเกียจโพธิสัตว์มารที่หยาบคายนี้ยิ่งขึ้นไปอีก แต่ตอนนี้โพธิสัตว์มารยังมีประโยชน์อยู่ เขาจึงต้องแสร้งช่วยเหลือ
บุตรศักดิ์สิทธิ์มองไปที่มู่หนิงเจินด้วยสีหน้าเคร่งขรึม