ตอนที่ 3 เปิดไพ่
ตอนที่ 3 เปิดไพ่
นี่…..
นี่มันเป็นจูบแรกของซ่งลุ่ย ตั้งแต่เขาเติบโตเป็นหนุ่มมา เขานั้นก็ยังไม่เคยที่จะได้ประกบปากกับผู้หญิงคนไหนมาก่อนเลยในชีวิต !
กลิ่นหอมกรุ่นของลมหายใจและสัมผัสที่นุ่มนวลทำให้ซ่งลุ่ยสติเตลิดเปิดเปิงหายไปในชั่วพริบตาเลยทีเดียว นอกจากนี้เปลวไฟแห่งความปรารถนาที่ถูกอดกลั้นเอาไว้ในวันที่เขานั้นได้แอบดูหลินหลินอาบน้ำในห้องน้ำก็ถูกปลดปล่อยออกมา ก่อให้เกิดความร้อนรุ่มภายในร่างกายของซ่งลุ่ย
จากนั้นเองซ่งลุ่ยก็สอดลิ้นของเขาเข้าไปในปากของหลินหลิน เมื่อเขาได้จูบอย่างดูดดื่มจนพอใจแล้ว แม้แต่จะชักลิ้นกลับออกมายังทำไม่ได้ เพราะเขาไม่สามารถควบคุมตัวเองได้ ราวกับว่าลิ้นของเขาไม่สามารถควบคุมได้ดังใจคิดเลยในเวลานี้
แต่อย่างไรก็ตามสิ่งที่เขาคิดไม่ถึงก็คือหลินหลินกลับไม่พยายามชักลิ้นของเธอกลับไปหรือขัดขืนเลย เธอเพียงแค่นิ่งชะงักอยู่ตรงนั้น เมื่อตกอยู่ในสถานการณ์ที่ไม่ได้มีความขัดขืนใด ๆ ซ่งลุ่ยก็กลายเป็นเริ่มรุกมากยิ่งขึ้นโดยใช้ลิ้นของเขาในการหยอกล้อหลินหลินอย่างที่เขาเคยเห็นในละครรักในทีวี
ในช่วงเริ่มต้น หลินหลินยังคงหลบและหลีกไปบ้าง แต่เมื่อใบหน้าของเธอเริ่มแดงขึ้นเรื่อย ๆ ด้วยความเขินอาย หลินหลินจึงเป็นฝ่ายรุกโดยที่ซ่งลุ่ยไม่ได้คาดคิดมาก่อน ลิ้นของทั้งสองคนนั้นเหมือนกับปลาไหลที่มีความคล่องแคล่วและยืดหยุ่นที่ตวัดรัดเกี่ยวพันกันด้วยความลึกซึ้งลุ่มหลงจนไม่อาจจะหยุดการกระทำนี้ได้....
ซ่งลุ่ยไม่ลืมที่จะค่อย ๆ เริ่มจับมือของหลินหลินที่อยู่ข้างกายของเธอขึ้นมาลูบ ๆ คลำ ๆ เขา เริ่มจากหลังของเธอไปจนถึงเอว หลังจากนั้นก็ขยับมือที่กำลังลูบไปเรื่อยจนถึงตรงหน้าอก สุดท้ายเขาก็ล้วงมือเข้าไปที่ระหว่างขาทั้งสองข้างของหลินหลินอย่างไม่คาดคิด
เมื่อซ่งลุ่ยรู้สึกถึงความเปียกที่ปลายนิ้วของเขา ทันใดนั้นหลินหลินที่ริมฝีปากเปียกโชกก็ตื่นขึ้นมาราวกับถูกไฟฟ้าช๊อตและผละออกจากริมฝีปากของซ่งลุ่ยอย่างรวดเร็ว พร้อมกับขยับร่างของเธอออกห่าง เธอมองไปที่ซ่งลุ่ยอย่างไม่อยากเชื่อและดูเหมือนว่าแม้ตัวเธอเองก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมมีแรงกระตุ้นชั่ววูบที่เธอไม่สามารถหยุดยั้งอารมณ์และการกระทำนี้ได้
หลังจากซ่งลุ่ยได้มองเห็นปฏิกิริยาของหลินหลินแล้ว ภายในใจของชายหนุ่มก็สั่นไหวอย่างรุนแรงคล้ายดังกับว่าถูกราดด้วยน้ำเย็น ๆ นั่งเก้อเขินจนทำอะไรไม่ถูกและพูดอะไรไม่ออก ทั้งคู่ต่างหน้าแดง ใบหน้ารู้สึกร้อนผ่าวด้วยความเขินอาย และพยายามเป็นอย่างมากที่จะหาทางแก้ไขและออกจากสถานการณ์อันน่าอับอายนี้
“เอ่อ…..ฉัน……”
เป็นเวลานานที่ซ่งลุ่ยเกาหัวเก้อเขินแล้วพยายามที่จะพูดอธิบายอะไรบางอย่าง แต่ถูกหลินหลินขัดจังหวะขึ้นซะก่อน
“ใช่สิ ....... นายมายืมเงินนี่” เธอถามอย่างกำกวม
ซ่งลุ่ยพยักหน้าอย่างไม่ตัวรู้ จากนั้นก็พูดอย่างอาย ๆ ว่า “ก็ไม่ใช่หรอก..... ที่จริงแล้วเมื่อตอนฉันผ่านมา....”
ไม่รอให้ซ่งลุ่ยพูดจบ หลินหลินก็รีบดึงกระเป๋าเงินออกมาจากใต้ที่นอนแล้วหยิบเงินออกมาสามร้อยหยวน
“อ่ะนี่ เงินสามร้อยนี้ นายเอาไปใช้ก่อนได้เลย”
ถ้าเป็นปกติของเขา ซ่งลุ่ยจะไม่รับเงิน แต่วันนี้กลับแตกต่างจากครั้งอดีต !
แต่ว่าตอนนี้เขานั้นได้มีความสามารถพิเศษที่จะสามารถมองทะลุผ่านไพ่ของฝ่ายตรงข้าม ดังนั้นแล้วเขาจึงไม่ลังเลที่จะรับเงินสามร้อยหยวนใส่ลงในกระเป๋าของเขา
“หลินหลิน เธอไม่ต้องกังวลไปนะ พรุ่งนี้เช้าฉันจะเอาเงินมาคืนให้ได้อย่างแน่นอน”
เมื่อพูดจบ ซ่งลุ่ยก็เดินจากไป เมื่อหลินหลินมองภาพด้านหลังของเขาที่เดินจากไป เธอก็มีความรู้สึกบางอย่างในจิตใจเกิดขึ้นมา ถึงอย่างไรก็ตามเหตุการณ์ที่เพิ่งจะผ่านไปเมื่อสักครู่นี้ก็เป็นจูบแรกของเธอเช่นกัน สำหรับเงินสามร้อยหยวนนั่น หลินหลินไม่ได้คาดหวังเลยว่าซ่งลุ่ยจะนำมาใช้หนี้คืน สำหรับเธอนั้นคิดว่าเป็นสิ่งตอบแทน แทนคำขอบคุณที่ซ่งลุ่ยมาช่วยเธอเอาไว้ในวันนี้
เมื่อกลับไปถึงที่หอพัก เมื่อซุนเย่ได้มองเห็นซ่งลุ่ยกลับมา เขาก็แสยะยิ้มมุมปากด้วยความดูถูกและกล่าวออกมาหนึ่งประโยค
“โอ้โห หายไปนานเลยนะ ได้ยืมเงินมามั้ย !”
เพื่อนพนักงานรักษาความปลอดภัยไม่กี่คนที่นั่งอยู่ที่นั่นก็ค่อย ๆ หัวเราะเยาะเย้ย รวมถึงผู้ชายที่เรียกตัวเองว่าเป็นพี่ชายของซ่งลุ่ยที่กวักมือเรียกเขา
“มานี่ มานี่เลยน้องซ่ง นายมาเอาเงินฉันนี่เลย พี่ชายคนนี้จะให้เงินนายยืมเอง”
“เหอ เหอ ไม่จำเป็นแล้ว” ซ่งลุ่ยแสดงสีหน้านิ่ง ๆ ที่ไม่มีรอยยิ้มออกมา หลังจากนั้นก็ย้ายไปอยู่ที่ม้านั่งที่อยู่ด้านข้างของโต๊ะพนัน ก่อนที่จะหยิบเงินสามร้อยที่ยืมหลินหลินออกมาจากกระเป๋ามาวางไว้บนโต๊ะอย่างสง่าผ่าเผย แล้วพูดออกมาสองคำสั้น ๆ
“แจกไพ่ !”
ซุนเย่ก็เหมือนโดนเอาคืนในทันทีทันใด เพื่อนเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยที่มีอยู่ไม่กี่คนที่นั่งอยู่ด้วยก็แสดงสีหน้าและท่าทางที่กระอักกระอ่วนออกมาเหมือนเห็นอาหารที่เน่าเสียแล้วอยากจะอาเจียนออกมา
ที่จริงพวกเขาคิดไม่นึกถึงว่าไอ้ขี้แพ้ที่แม้แต่กางเกงในก็ไม่เหลือจะสามารถไปยืมเงินมาได้ !
ซุนเย่เก็บกดความรู้สึกที่มีเอาไว้ภายในใจแล้วดูไพ่ในมือพลางพูดว่า “เฮ้ ถ้านายไม่กล้าเสี่ยงดวงละก็ ไสหัวกลับไปเถอะ !”
ซ่งลุ่ยไม่ได้ให้ความสนใจแก่เขา เพียงแค่ทิ้งไพ่สีแดงสามใบที่อยู่ตรงหน้าเขาและรอแจกไพ่ การเล่นก็ไม่มีอะไรมาก ก็คือโป๊กเกอร์ เรียกอีกอย่างว่าสเตรทฟลัช และมีบางที่เรียกว่าเกมไพ่...
ไพ่ใบที่ห้าผ่านไป ทุก ๆ คนจับตาดูซ่งลุ่ยอย่างไม่ให้คลาดสายตา ฝ่ายตรงข้ามก็เช่นกันไม่ยอมละสายตาออกเลย นี่เลยทำให้ภายในใจของซุนเย่เริ่มที่จะหวาดระแวงและคิดว่าซ่งลุ่ยจะใช้ลูกไม้อะไรมาตบตาเขา
ไพ่ใบที่หกเพิ่งจะผ่านไป ในที่สุดซุนเย่ก็ทนอดกลั้นกดอารมณ์ไว้ไม่ได้ เขาพูดอย่างใจเย็น
“ฉันพูดกับนาย แต่นายไม่พูดหรือแสดงความคิดเห็นอะไรออกมาสักนิดเลย พวกพี่ ๆ กำลังเล่นไพ่กับนายอยู่นะ”
เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยที่มักจะอ้างว่าเป็นพี่ชายของเขาก็แสยะปากและพูดออกมา
“น้องซ่ง นายดูรีบร้อนจังเลย แบบนี้ก็หมดสนุกไปน่ะสิ !”
เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยอีกหลายคนก็สนับสนุนคล้อยตามและพวกเขาบ่นขึ้นมา
“ไม่ได้ถือไพ่ที่เหนือกว่าก็ไสหัวไปไกล ๆ ตีน อย่ามาเกะกะอยู่ที่นี่ !”
“นั่นสิ จะเสแสร้งหาแม่มันเหรอ ไพ่ก็ไม่ยอมดูทิ้งอย่างเดียว เทพแห่งการพนันเข้าสิงหรือไง ?”
“ยังไงก็เอาคืนไปไม่ได้ ......”
เมื่อเขาได้ฟังคนไม่กี่คนที่ต่างแย่งกันพูดต่อว่าเขาอย่างวุ่นวายนี้แล้ว ซ่งลุ่ยก็บิดคอของเขาไปมาแล้วใช้สายตากวาดมองไปที่โต๊ะหนึ่งรอบแล้วพูดว่า
“ฉันไม่ได้ถือไพ่เหนือกว่า ฉันกลัวว่าพวกนายไม่กล้าที่จะสู้ตาม”
ในขณะที่พูด ซ่งลุ่ยก็ดันเงินสามร้อยของเขาออกไปที่กองเงินเดิมพัน แล้วพูดต่อว่า
“ที่เป็นแบบนี้ก็เพราะว่าฉันไม่ดูไพ่ ฉันไม่สบายใจกับเงินสามร้อยนี่จริง ๆ ก็แล้วแต่พวกนายละกัน”
ผ่านไปสักพัก การเล่นไพ่ในรอบนี้ก็เดือดปะทุขึ้นมา พวกเขาไม่ใช่คนโง่ เล่นไพ่มาแต่ไม่ได้ดูไพ่เลยก็จะออกโง่งมเกินไปแล้ว !
มีซุนเย่และคนไม่กี่คนที่ไม่หวังดีกับซ่งลุ่ยหัวเราะออกมาและเปิดไพ่ของตัวเองออกมา ดูแล้วเป็นไพ่คู่ A (เอจ) เมื่อใช้ดุลยพินิจคิดพิจารณาแล้ว เขาก็น่าจะสามารถกินเงินหกร้อยนั่นไปได้
“เฮ้ พี่ชายไม่เชื่อใช่มั้ยว่าไพ่ของฉันใหญ่ไม่เท่ากับของที่พี่ซ่อนเอาไว้แน่ !”
คนอื่น ๆ รู้สึกว่าไพ่ของพวกเขาทั้งสองคนนี้ดีและพวกเขาก็ลงเงินตามกัน จากนั้นเขาก็เรียกให้ซ่งลุ่ยเปิด แต่ซ่งลุ่ยกลับส่ายหน้าแล้วพูดอย่างสงบนิ่งว่า
“นายเปิดก่อนเลย”
“ของฉันเป็นไพ่สูง A (เอจ) !” หนึ่งในเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยกล่าว
เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยอีกคนก็แสดงสีหน้ามีความสุขขึ้นมาทันทีและเขาก็เปิดไพ่ของตัวเอง
“ขอโทษที่พี่ชายฉัน เป็นไพ่คู่ Q (ควีน) !”
“เฮ้ คนที่พูดขอโทษมันควรเป็นฉันมากกว่า !” หางคิ้วของซุนเย่ปรากฏความปลื้มปิติและเปิดไพ่ของเขาออก
“ฉันเป็นไพ่คู่ A (เอจ) กินเรียบ ฮ่าฮ่าฮ่า !”
เมื่อได้มองไปเห็นดวงตาของซุนเย่ที่ทอแววหิวกระหายเงินกำลังกวาดมองไปบนโต๊ะ และคนที่แพ้ก็กำลังจ่ายเงินตัวเองตรงหน้านี้ ฉากตรงหน้านี้ทำให้ซ่งลุ่ยกลายเป็นอากาศธาตุไปในทันที
ท้ายที่สุดแล้วคนที่เล่นโป๊กเกอร์เป็นก็รู้ว่าไพ่คู่นั้นไม่ใช่ไพ่เล็กเลย ซุนเย่เองก็คิดเห็นเช่นนั้นเหมือนกัน แต่เมื่อไพ่ซ่งลุ่ยที่ถืออยู่นั้นกลับโชคดียิ่งกว่าเขามากนัก
แต่ในเวลานี้นั่นเอง ซ่งลุ่ยก็เอื้อมมือออกไปและคว้าจับแขนของซุนเย่เอาไว้
“เอ่อ อย่าเพิ่งรีบร้อนสิ ยังไม่รู้เลยว่าเงินนี้จะเป็นของใครกันแน่ !”
หลังจากสิ้นเสียงพูด ซ่งลุ่ยก็จึงเปิดไพ่สามใบของตัวเองออกมา นอกจากนี้เขายังตั้งใจเปรียบเปรยว่าเขายอมจำนนแล้ว และพูดว่า
“เหอ เหอ ทำให้คุณผิดหวังเข้าให้แล้วแหละ ไพ่ของฉันคือสเตรทฟลัช พอดีว่ามันใหญ่กว่าไพ่คู่ A (เอจ) ที่คุณมีอยู่มือน่ะ”
“อะไรนะ ?” เมื่อฟังซ่งลุ่ยพูด ซุนเย่กะพริบตาอย่างแทบไม่เชื่อสายตาตัวเองและมองไปที่ใบหน้าของซ่งลุ่ย
เมื่อไพ่สเตรทฟลัชสะท้อนให้เห็นอย่างชัดเจนในสายตาของเขาในเวลานี้ ซุนเย่ถึงกับอุทานออกมาว่า
“เชี่ยเอ๊ย”
ถึงแม้เขาไม่เต็มใจที่จะปล่อยแบงค์สีแดงที่อยู่ในมือของเขา แต่ก็ไม่สามารถที่จะทำอะไรได้จึงนั่งลงไปที่เดิม และพูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่แสดงความเกลียดชังออกมา
“เ_ดแม่มเอ๊ย จะคิดซะว่านายทำบุญมาดีก็แล้วกัน แล้วเจอกันใหม่ !”