ตอนที่แล้วChapter 216 : ต้นกำเนิดแดนลับ - หัวใจมังกรซากศพ (3)
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปChapter 218 : สิ้นสุดการต่อสู้ – โลกทั้งใบสั่นสะเทือน (1)

Chapter 217 : ต้นกำเนิดแดนลับ – หัวใจมังกรซากศพ (4)


ยิ่งหลินเซวียนคิดมากเท่าไหร่ก็ยิ่งรู้สึกอับจนมากเท่านั้น

ทำไมเขาถึงได้มีสกิลเกรดทองดำเยอะนักนะมาตอนนี้เลยเลือกยากขึ้นมาซะอย่างนั้น!

“น่าเสียดายที่เราไม่รู้ความสามารถของสกิลเหล่านี้หลังจากอัพเกรดคุณภาพของมันไม่อย่างนั้นก็คงจะดูทุกสกิลก่อนแล้วค่อยตัดสินใจ”

หลินเซวียนคิดแล้วคิดอีกและสุดท้ายก็ยังคงเลือกสกิล [ร่างแยกขั้นสูง]

สกิลนี้ช่วยเขาได้เยอะมาก ถ้าเขาอัพเกรดไปไกลกว่านี้ก็อาจจะเกิดความเปลี่ยนแปลงอย่างใหญ่หลวงเหนือจินตนาการขึ้นมาก็เป็นได้

“ถ้าฉันจำไม่ผิดรู้สึกว่าบนโลกใบนี้จะไม่มีสกิลเกรดเซียนเจ็ดสีปรากฏมาก่อน กระทั่งนักสู้ขอบเขตที่9เองอย่างมากก็มีเพียงสกิลเกรดทองดำเท่านั้น”

เขาจำเรื่องนี้ได้อย่างชัดเจนเพราะเมื่อตอนที่อยู่ในเมืองเครนขาว แบล็คเคยเอ่ยเรื่องนี้กับเขา

คุณภาพของสกิลของนักสู้ขอบเขตที่9อย่างมากก็เพียงระดับทองดำเท่านั้นแต่ตัวแบล็คเองก็ไม่รู้เช่นกันว่าจะยกระดับพวกมันขึ้นไปยังไง

หนังสือที่หลินเซวียนหาอ่านในกองพลก่อสร้างกับทุ่งราบมหาสวรรค์เองก็ไม่เคยแสดงให้เห็นเลยว่าปรากฏสกิลระดับเหนือกว่าเกรดตำนานทองดำขึ้นมาบนโลกมาก่อน

“ต้นกำเนิดแดนลับคือหนึ่งเดียวในโลกแล้วล่ะ!” หลินเซวียนเอ่ยออกมาด้วยความตื่นเต้นร้นปรี่

เขาควบคุมร่างของดาบพิษให้เดินเข้าไปสัมผัสกับหัวใจมังกรซากศพ

หัวใจมังกรซากศพพลันลดขนาดลงเหลือเท่ากำปั้นและตกลงมาในฝ่ามือของเขา

“ใช้งานหัวใจมังกรซากศพเพื่อเพิ่มระดับคุณภาพของสกิลร่างแยกขั้นสูง” หลินเซวียนพึมพำออกมา

ครืน!

ร่างทั้งร่างของดาบพิษระเบิดแสงเจ็ดสีออกมาซึ่งก็ถูกปกคุลมอยู่ภายใต้กลิ่นหอมกำจายที่ลอยฝุ้งอีกคำรบ

บนหน้าต่างค่าสถานะของหลินเซวียนตรงตัวหนังสือที่เขียนว่า ‘สกิลร่างแยกขั้นสูง’ เองก็เริ่มเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว

ภายในเมืองหวังเซี่ยในเวลานี้พลันบังเกิดลำแสงสีรุ้งเจ็ดสีพุ่งทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้า!

ผีดิบทั้งหมดต่างถูกแสงสีรุ้งนี้สาดส่องจนต้องกรีดร้องออกมาและวิ่งหนีอย่างบ้าคลั่งเนื่องจากถูกเผาไหม้

หัวหน้าองค์กรทุ่งราบมหาสวรรค์กับทาคุมิเองก้เห็นลำแสงนี้จากที่ไกลๆจึงเอ่ยออกมาด้วยความตกตะลึง “เกิดอะไรขึ้น?!”

หัวหน้าองค์กรตกตะลึงยิ่งนัก “ฉันสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายน่าตะหนกจากเสาแสงนั่น”

เทียนอวี้ ทาคุมิเองก็ตกตะลึงเช่นกัน

“ไปดูกันเถอะ!”

หัวหน้าองค์กรโบกมือส่งสัญญาณให้ทาคุมิตามเขาไป

เมื่อคนทั้งสสองมาถึงก็พบว่าเสาแสงนั้นพุ่งขึ้นมาจากใต้ดิน

เทียนอวี้ ทาคุมิสะบัดมือเรียกหุ่นยนตร์สองตัวออกมาจากอุปกรณ์เก็บของและสั่งให้พวกเขาเริ่มขุดดินอย่างรวดเร็ว

หนึ่งเมตร ห้าเมตร ยี่สิบเมตร...อย่างไรก็ตามไม่ว่าพวกเขาจะพยายามขุดมากแค่ไหนแต่เสาแสงเจ็ดสีนั้นกลับอยู่ลึกลงไปเรื่อยๆ!

หัวหน้าองค์กรขมวดคิ้วมุ่น

...

คุกอสูร

เฒ่าอิวาน โคโดและฮอลล์ต่างนอนจมกองเลือดอยู่  ในตอนนี้พวกเขาใกล้จะสิ้นชีพกันเต็มที

หยินหูและลู่หลัวเองก็ถูกกระแทกร่างของปลิวกระเด็นออกไป หนึ่งในพวกเขานั้นเสียแขนไปขณะที่อีกคนก็เสียขา

ขายาวสลวยของลู่หลัวกระทั่งถูกกระแทกจนหัก

บรรยากาศภายในคุกอสูรในเวลานี้ค่อนข้างอึมครึมไม่น้อย

เดิมทีด้วยความช่วยเหลือจากเฒ่าอิวานและคนอื่นๆอีกสองคนนักสู้ของทุ่งราบมหาสวรรค์คนอื่นๆย่อมไม่อาจเข้ามายังคุกอสูรชั้นที่8ได้อย่างแน่นอน

หากแต่ยามาโมโตะ ชินจินั้นไม่ใช่คนโง่ที่สมองเต็มไปด้วยไขมัน

ทันทีที่เขาได้ยินเสียงสัญญาณเตือนดังเขาก็รีบรุดหน้ามาที่นี่ทันที

การโจมตีแรกของเขาบดขยี้ชุดเกราะแสงทองของฮอลล์จนแหลกละเอียด การโจมตีที่สองทำลายปราณเลือดที่โคโดเพิ่งจะดูดซับไป การโจมตีที่สามทำลายม่านพลังน้ำแข็งที่เฒ่าอิวานสร้างขึ้นมาจนแตกสลาย

“แกก็ยังมาช้าไปอยู่ดี...นักสู้ขอบเขตที่9ของกองพลก่อสร้างกำลังจะมาถึงแล้ว” อสูรโลหิตโคโดพ่นเลือดออกมาก่อนจะหัวเราะเสียงดังลั่น

ประตูแสงที่ถูกเปิดโดยกุญแจสุริยันนั้นได้เปิดออกจนสมบูรณ์แล้ว

ยามาโมโตะ ชินจิเองก็เตรียมพร้อมโจมตีเช่นกันเขาจึงจับจ้องมองไปที่ประตูแสงเขม็ง

ตราบใดที่มีคนก้าวออกมาเขาก็จะลงมือเต็มกำลังในทันที!

ต่อให้อีกฝ่ายเป็นนักสู้ขอบเขตที่9ผู้โด่งดังก็ต้องได้รับบาดเจ็บหนักแน่นอน!

ใครจะมากันลู่ผิงเจียงเหรอ? หรือลู่ผิงไห่? หรือจะเป็นหว่านโหยวซี? แต่คงไม่มีทางเป็นเย่หลี่เจียงแน่นอน แม้ว่าสตรีผู้นั้นจะเป็นถึงผู้นำหมายเลข1ของกองพลก่อสร้างแต่ก็ยากนักที่จะลงมือ

หลายครั้งหลายครั้งที่เธอนั้นใช้เวลาส่วนใหญ่ไปกับการจัดการเรื่องสำคัญของกองพลก่อสร้าง

ถ้าเย่หลี่เจียงมาจริงๆยามาโมโตะ ชินจิก็เบาใจ

เขารู้สึกว่าเขาสามารถสะกดเย่หลี่เจียงในการต่อสู้ได้อย่างแน่นอน

ยามาโมโตะ ชินจิในเวลานี้อบอวลไปด้วยจิตสังหารข้นคลั่ก

เขาขมวดคิ้วมุ่นด้วยร่างกายที่กล้ามเนื้อทุกส่วนตึงเครียดเตรียมพร้อมโจมตีทุกเมื่อ

เงาร่างร่างหนึ่งปรากฏตัวขึ้นภายในประตูแสงและเกือบจะเข้าเท้าผ่านเข้ามาเต็มที

ยามาโมโตะ ชินจิแค่นเสียงเยาะพร้อมกับเหวี่ยงฟาดคมดาบสีแดงเลือดลงไปอย่างดุดันไร้ปรานี!

ด้ววยดาบนี้ที่ดูราวกับจะนำมาซึ่งเสียงกรีดร้องของวิญญาณอาฆาตและเสียงคำรามของอสูรนับไม่ถ้วน ทุกคนในคุกอสูรชั้นที่8ต่างรู้สึกได้ถึงความเจ็บปวดเหนือประมาณเมื่อได้ยินเสียงฟาดฟันนี้

ประหนึ่งว่าศีรษะของพวกเขาถูกค้อนตะปูตอกก็ไม่ปาน!

“การโจมตีนี้ของฉันต่อให้แกไม่ตายก็ต้องบาดเจ็บสาหัส!” ยามาโมโตะ ชินจิเต็มไปด้วยความมั่นใจล้นเหลือ

หากแต่เมื่อดาบนี้ถูกฟาดฟันออกไปอีกฝ่ายกลับเหยียดยื่นมือสีขาวบริสุทธิ์ออกมาเพียงเท่านั้น

ใจกลางฝ่ามือนั้นมีน้ำวนสีดำขนาดเล็กหมุนอยู่ เมื่อแสงดาบฟาดปะทะลงบนร่างของเธอก็พลันถูกดูดเข้าไปในน้ำวนสีดำนั่นในพริบตา

“ยามาโมโตะ ชินจิหลายปีผ่านมาแล้วแต่นายกลับไม่พัฒนาเลยแม้แต่น้อย” น้ำเสียงงามสง่าฟังดูเป็นผู้หญ่ดังออกมาจากประตูแสง

พริบตาต่อมาเย่หลี่เจียงสตรีผมขาวก็เดินออกมาอย่างช้าๆ

เธอชูมือขึ้นมาพริบตานั้นแสงดาบสีโลหิตที่ยามาโมโตะ ชินจิฟาดฟันออกมาพลันกลับกลายเป็นเล็กจิ๋ว

แสงดาบนี้ถูกน้ำวนสีดำพันธนาการเอาไว้อย่างแน่นหนาจนไม่อาจกระดุกกระดิกได้ไม่ว่าจะพยายามเช่นไรก็ตาม

สีหน้าของยามาโมโตะ ชินจิพลันเปลี่ยนไปแบบพลิกฟ้าคว่ำปฐพี

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด