Chapter 217 : ต้นกำเนิดแดนลับ – หัวใจมังกรซากศพ (4)
ยิ่งหลินเซวียนคิดมากเท่าไหร่ก็ยิ่งรู้สึกอับจนมากเท่านั้น
ทำไมเขาถึงได้มีสกิลเกรดทองดำเยอะนักนะมาตอนนี้เลยเลือกยากขึ้นมาซะอย่างนั้น!
“น่าเสียดายที่เราไม่รู้ความสามารถของสกิลเหล่านี้หลังจากอัพเกรดคุณภาพของมันไม่อย่างนั้นก็คงจะดูทุกสกิลก่อนแล้วค่อยตัดสินใจ”
หลินเซวียนคิดแล้วคิดอีกและสุดท้ายก็ยังคงเลือกสกิล [ร่างแยกขั้นสูง]
สกิลนี้ช่วยเขาได้เยอะมาก ถ้าเขาอัพเกรดไปไกลกว่านี้ก็อาจจะเกิดความเปลี่ยนแปลงอย่างใหญ่หลวงเหนือจินตนาการขึ้นมาก็เป็นได้
“ถ้าฉันจำไม่ผิดรู้สึกว่าบนโลกใบนี้จะไม่มีสกิลเกรดเซียนเจ็ดสีปรากฏมาก่อน กระทั่งนักสู้ขอบเขตที่9เองอย่างมากก็มีเพียงสกิลเกรดทองดำเท่านั้น”
เขาจำเรื่องนี้ได้อย่างชัดเจนเพราะเมื่อตอนที่อยู่ในเมืองเครนขาว แบล็คเคยเอ่ยเรื่องนี้กับเขา
คุณภาพของสกิลของนักสู้ขอบเขตที่9อย่างมากก็เพียงระดับทองดำเท่านั้นแต่ตัวแบล็คเองก็ไม่รู้เช่นกันว่าจะยกระดับพวกมันขึ้นไปยังไง
หนังสือที่หลินเซวียนหาอ่านในกองพลก่อสร้างกับทุ่งราบมหาสวรรค์เองก็ไม่เคยแสดงให้เห็นเลยว่าปรากฏสกิลระดับเหนือกว่าเกรดตำนานทองดำขึ้นมาบนโลกมาก่อน
“ต้นกำเนิดแดนลับคือหนึ่งเดียวในโลกแล้วล่ะ!” หลินเซวียนเอ่ยออกมาด้วยความตื่นเต้นร้นปรี่
เขาควบคุมร่างของดาบพิษให้เดินเข้าไปสัมผัสกับหัวใจมังกรซากศพ
หัวใจมังกรซากศพพลันลดขนาดลงเหลือเท่ากำปั้นและตกลงมาในฝ่ามือของเขา
“ใช้งานหัวใจมังกรซากศพเพื่อเพิ่มระดับคุณภาพของสกิลร่างแยกขั้นสูง” หลินเซวียนพึมพำออกมา
ครืน!
ร่างทั้งร่างของดาบพิษระเบิดแสงเจ็ดสีออกมาซึ่งก็ถูกปกคุลมอยู่ภายใต้กลิ่นหอมกำจายที่ลอยฝุ้งอีกคำรบ
บนหน้าต่างค่าสถานะของหลินเซวียนตรงตัวหนังสือที่เขียนว่า ‘สกิลร่างแยกขั้นสูง’ เองก็เริ่มเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว
ภายในเมืองหวังเซี่ยในเวลานี้พลันบังเกิดลำแสงสีรุ้งเจ็ดสีพุ่งทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้า!
ผีดิบทั้งหมดต่างถูกแสงสีรุ้งนี้สาดส่องจนต้องกรีดร้องออกมาและวิ่งหนีอย่างบ้าคลั่งเนื่องจากถูกเผาไหม้
หัวหน้าองค์กรทุ่งราบมหาสวรรค์กับทาคุมิเองก้เห็นลำแสงนี้จากที่ไกลๆจึงเอ่ยออกมาด้วยความตกตะลึง “เกิดอะไรขึ้น?!”
หัวหน้าองค์กรตกตะลึงยิ่งนัก “ฉันสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายน่าตะหนกจากเสาแสงนั่น”
เทียนอวี้ ทาคุมิเองก็ตกตะลึงเช่นกัน
“ไปดูกันเถอะ!”
หัวหน้าองค์กรโบกมือส่งสัญญาณให้ทาคุมิตามเขาไป
เมื่อคนทั้งสสองมาถึงก็พบว่าเสาแสงนั้นพุ่งขึ้นมาจากใต้ดิน
เทียนอวี้ ทาคุมิสะบัดมือเรียกหุ่นยนตร์สองตัวออกมาจากอุปกรณ์เก็บของและสั่งให้พวกเขาเริ่มขุดดินอย่างรวดเร็ว
หนึ่งเมตร ห้าเมตร ยี่สิบเมตร...อย่างไรก็ตามไม่ว่าพวกเขาจะพยายามขุดมากแค่ไหนแต่เสาแสงเจ็ดสีนั้นกลับอยู่ลึกลงไปเรื่อยๆ!
หัวหน้าองค์กรขมวดคิ้วมุ่น
...
คุกอสูร
เฒ่าอิวาน โคโดและฮอลล์ต่างนอนจมกองเลือดอยู่ ในตอนนี้พวกเขาใกล้จะสิ้นชีพกันเต็มที
หยินหูและลู่หลัวเองก็ถูกกระแทกร่างของปลิวกระเด็นออกไป หนึ่งในพวกเขานั้นเสียแขนไปขณะที่อีกคนก็เสียขา
ขายาวสลวยของลู่หลัวกระทั่งถูกกระแทกจนหัก
บรรยากาศภายในคุกอสูรในเวลานี้ค่อนข้างอึมครึมไม่น้อย
เดิมทีด้วยความช่วยเหลือจากเฒ่าอิวานและคนอื่นๆอีกสองคนนักสู้ของทุ่งราบมหาสวรรค์คนอื่นๆย่อมไม่อาจเข้ามายังคุกอสูรชั้นที่8ได้อย่างแน่นอน
หากแต่ยามาโมโตะ ชินจินั้นไม่ใช่คนโง่ที่สมองเต็มไปด้วยไขมัน
ทันทีที่เขาได้ยินเสียงสัญญาณเตือนดังเขาก็รีบรุดหน้ามาที่นี่ทันที
การโจมตีแรกของเขาบดขยี้ชุดเกราะแสงทองของฮอลล์จนแหลกละเอียด การโจมตีที่สองทำลายปราณเลือดที่โคโดเพิ่งจะดูดซับไป การโจมตีที่สามทำลายม่านพลังน้ำแข็งที่เฒ่าอิวานสร้างขึ้นมาจนแตกสลาย
“แกก็ยังมาช้าไปอยู่ดี...นักสู้ขอบเขตที่9ของกองพลก่อสร้างกำลังจะมาถึงแล้ว” อสูรโลหิตโคโดพ่นเลือดออกมาก่อนจะหัวเราะเสียงดังลั่น
ประตูแสงที่ถูกเปิดโดยกุญแจสุริยันนั้นได้เปิดออกจนสมบูรณ์แล้ว
ยามาโมโตะ ชินจิเองก็เตรียมพร้อมโจมตีเช่นกันเขาจึงจับจ้องมองไปที่ประตูแสงเขม็ง
ตราบใดที่มีคนก้าวออกมาเขาก็จะลงมือเต็มกำลังในทันที!
ต่อให้อีกฝ่ายเป็นนักสู้ขอบเขตที่9ผู้โด่งดังก็ต้องได้รับบาดเจ็บหนักแน่นอน!
ใครจะมากันลู่ผิงเจียงเหรอ? หรือลู่ผิงไห่? หรือจะเป็นหว่านโหยวซี? แต่คงไม่มีทางเป็นเย่หลี่เจียงแน่นอน แม้ว่าสตรีผู้นั้นจะเป็นถึงผู้นำหมายเลข1ของกองพลก่อสร้างแต่ก็ยากนักที่จะลงมือ
หลายครั้งหลายครั้งที่เธอนั้นใช้เวลาส่วนใหญ่ไปกับการจัดการเรื่องสำคัญของกองพลก่อสร้าง
ถ้าเย่หลี่เจียงมาจริงๆยามาโมโตะ ชินจิก็เบาใจ
เขารู้สึกว่าเขาสามารถสะกดเย่หลี่เจียงในการต่อสู้ได้อย่างแน่นอน
ยามาโมโตะ ชินจิในเวลานี้อบอวลไปด้วยจิตสังหารข้นคลั่ก
เขาขมวดคิ้วมุ่นด้วยร่างกายที่กล้ามเนื้อทุกส่วนตึงเครียดเตรียมพร้อมโจมตีทุกเมื่อ
เงาร่างร่างหนึ่งปรากฏตัวขึ้นภายในประตูแสงและเกือบจะเข้าเท้าผ่านเข้ามาเต็มที
ยามาโมโตะ ชินจิแค่นเสียงเยาะพร้อมกับเหวี่ยงฟาดคมดาบสีแดงเลือดลงไปอย่างดุดันไร้ปรานี!
ด้ววยดาบนี้ที่ดูราวกับจะนำมาซึ่งเสียงกรีดร้องของวิญญาณอาฆาตและเสียงคำรามของอสูรนับไม่ถ้วน ทุกคนในคุกอสูรชั้นที่8ต่างรู้สึกได้ถึงความเจ็บปวดเหนือประมาณเมื่อได้ยินเสียงฟาดฟันนี้
ประหนึ่งว่าศีรษะของพวกเขาถูกค้อนตะปูตอกก็ไม่ปาน!
“การโจมตีนี้ของฉันต่อให้แกไม่ตายก็ต้องบาดเจ็บสาหัส!” ยามาโมโตะ ชินจิเต็มไปด้วยความมั่นใจล้นเหลือ
หากแต่เมื่อดาบนี้ถูกฟาดฟันออกไปอีกฝ่ายกลับเหยียดยื่นมือสีขาวบริสุทธิ์ออกมาเพียงเท่านั้น
ใจกลางฝ่ามือนั้นมีน้ำวนสีดำขนาดเล็กหมุนอยู่ เมื่อแสงดาบฟาดปะทะลงบนร่างของเธอก็พลันถูกดูดเข้าไปในน้ำวนสีดำนั่นในพริบตา
“ยามาโมโตะ ชินจิหลายปีผ่านมาแล้วแต่นายกลับไม่พัฒนาเลยแม้แต่น้อย” น้ำเสียงงามสง่าฟังดูเป็นผู้หญ่ดังออกมาจากประตูแสง
พริบตาต่อมาเย่หลี่เจียงสตรีผมขาวก็เดินออกมาอย่างช้าๆ
เธอชูมือขึ้นมาพริบตานั้นแสงดาบสีโลหิตที่ยามาโมโตะ ชินจิฟาดฟันออกมาพลันกลับกลายเป็นเล็กจิ๋ว
แสงดาบนี้ถูกน้ำวนสีดำพันธนาการเอาไว้อย่างแน่นหนาจนไม่อาจกระดุกกระดิกได้ไม่ว่าจะพยายามเช่นไรก็ตาม
สีหน้าของยามาโมโตะ ชินจิพลันเปลี่ยนไปแบบพลิกฟ้าคว่ำปฐพี