CD บทที่ 509 แรงกดดันมหาศาล
“ไอหยา เหลียว!” ผู้กองเฟิงเสี่ยวขมวดคิ้วและบ่นว่า “คุณกำลังทำอะไรอยู่!? มันจำเป็นต้องทำถึงขนาดนี้เลยเหรอ!? รู้มั้ยว่ามันน่าอายมาก!”
จากนั้น เขาก็โบกมือให้นักสืบจากเทศบาลให้ถอยออกไป ขณะที่เขาเดินไปหาจ้าวหยู่ และพูดด้วยความขุ่นเคือง
“จ้าวหยู่ ฉันหวังว่าคุณจะเข้าใจ ไม่ใช่ว่าคุณไม่สามารถกลับคำตัดสินของคดีได้ แต่คุณต้องส่งหลักฐานของคุณก่อน จากนั้นก็ให้เจ้าหน้าที่ระดับสูงเป็นผู้ตรวจสอบ!”
เขาพูดต่อ
“ตอนนี้คุณกำลังพยายามจับกุมโดยไม่ปฏิบัติตามขั้นตอนที่เหมาะสม! ด้วยเหตุนี้ แม้ว่าทางเจ้าหน้าที่ระดับสูงจะอนุมัติ มันก็จะไม่เป็นสิทธิ์ของสถานีหรงหยางที่จะเข้าไปเกี่ยวข้อง เนื่องจากคดีนี้เกิดขึ้นภายใต้เขตอำนาจของสถานีโม่หยาง ดังนั้น แม้ว่าจะถูกสอบสวนอีกครั้ง พวกคุณไม่มีสิทธิ์เข้าข้องเกี่ยวกับคดีนี้!”
“ผู้กองเฟิง ฉันบอกตอนไหนว่าจะกลับคำตัดสินของคดีฆาตกรรมในแฟลต?” จู่ ๆ จ้าวหยู่ก็เปลี่ยนเรื่อง โดยพูดว่า “คุณจำไม่ได้เหรอ ฉันคือผู้รับผิดชอบคดีลักพาตัวเด็กนะ
แม้ว่าเราจะจับผู้ต้องสงสัยและช่วยตัวประกันไว้ได้ แต่ในทางเทคนิคแล้วคดียังไม่ยุติ ตอนนี้ฉันพบเบาะแสใหม่แล้ว ฉันก็มีสิทธิ์ที่จะสืบคดีต่อไป ดังนั้นมันก็ไม่น่าจะเป็นปัญหาใช่ไหม?”
"นี่คุณ! คุณมันหน้าไม่อายขนาดนี้ได้อย่างไร!?“เฟิงเสี่ยวตกตะลึง”คดีลักพาตัวก็คือคดีลักพาตัว และคดีฆาตกรรมในแฟลตก็คือคดีฆาตกรรมในแฟลต! คุณไม่สามารถจับทั้งสองคดีมาปนกันได้!”
“ฉันไม่ได้ทำอย่างนั้นสักหน่อย” จ้าวหยู่แย้ง “ฉันสงสัยว่าทั้งครอบครัวของเฟิงหลินเกี่ยวข้องกับการลักพาตัวอย่างไร? ฉันต้องสืบสวนเพื่อนำความจริงทั้งหมดให้ปรากฏ อีกทั้งรายงานคดียังจัดทำไม่เสร็จ ฉันจึงยังมีสิทธิสอบสวนคดีต่อไปได้ใช่ไหม?”
“คุณ…” เฟิงเสี่ยวไม่เคยคิดว่าจ้าวหยู่จะใช้ประโยชน์จากช่องโหว่ของการเชื่อมโยงระหว่างทั้งสองกรณี นั่นทำให้เขาหมดคำพูด
“จ้าวหยู่ ทำไมคุณถึงดื้อรั้นขนาดนี้” เหลียวจิงซานส่งสัญญาณทางสายตาไปยังจ้าวหยู่ “อย่าลืมว่าใบสมัครของคุณเป็นนักสืบพิเศษยังอยู่ในระหว่างดำเนินการ คุณยังมีภารกิจที่สำคัญกว่านี้!”
“เหลียว คุณหุบปากไปเลย!” จ้าวหยู่พูดพร้อมกับเชิดหน้าขึ้น “ถ้าคดีนี้ไม่สามารถแก้ไขได้ แล้วฉันจะไขคดีใหญ่อื่น ๆ ได้อย่างไร!?”
“จ้าวหยู่ หยุดทำตัวดื้อรั้นได้แล้ว!” เฟิงเสี่ยวชี้ไปที่จ้าวหยู่แล้วพูดว่า “อย่าคิดว่าคุณสามารถทำอะไรก็ได้ตามใจชอบ เพียงเพราะว่าคุณคลี่คลายคดีลักพาตัวเมียนหลิงและพบสมบัติของชาติ
ในฐานะตำรวจ คุณยังต้องเชื่อฟังคำสั่ง และการแก้ไขคดีต้องปฏิบัติตามกระบวนการ ดังนั้นสำหรับคดีในวันนี้ คุณไม่สามารถดำเนินการต่อได้!”
ขณะที่เฟิงเสี่ยวพูดเช่นนี้ ตำรวจจากเทศบาลก็พองตัวขึ้นอีกครั้ง และเตรียมที่จะเริ่มตะโกนด่าทออีกครั้งทันที
"ก็ได้!" จ้าวหยู่ทำราวกับว่าเขาไม่ได้ยินเสียงด่าทอพวกนั้น เขามองตรงไปที่อีกฝ่ายและพูดว่า “งั้นก็เข้ามาเลย ถ้าคิดว่าตัวเองใจกล้าพอ ฉันขอพูดไว้อย่าง ตราบใดที่ฉันยังอยู่ ฉันจะสอบสวนคดีนี้จนกว่าจะถึงที่สุด!”
"คุณ!" เฟิงเสี่ยวโกรธจัด เขายกมือขึ้น เตรียมกวักมือเรียกลูกน้องของเขาเพื่อโจมตีอีกครั้ง
เหลียวจิงซานไม่ต้องการเห็นสถานการณ์แย่ลง ดังนั้นเขาจึงรีบไกล่เกลี่ยระหว่างพวกเขา น่าเสียดายที่ทั้งสองฝ่ายมีจุดยืนที่มั่นคงและไม่เต็มใจที่จะประนีประนอม ดูเหมือนว่าการปะทะกันระลอกที่สองจะเกิดขึ้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
อย่างไรก็ตาม จู่ ๆ ก็เกิดจุดเปลี่ยนครั้งใหญ่ก็เกิดขึ้นอีกครั้ง...
"หยุด! พอได้แล้ว!”
เสียงดังอีกเสียงหนึ่งดังขึ้น ขณะมีคนอีกกลุ่มหนึ่งเดินเข้ามาจากบันได
ทุกคนหันกลับมามอง พวกเขาอดไม่ได้ที่จะอุทานและคิดว่า...
‘เชี่ย! วันนี้สถานีหัวกระไดไม่แห้งเลย!’
เสียงนี้เป็นของผู้บังคับการสูงสุดของตำรวจฉินชาน ผู้บังคับการ ฮงเจียนหรง
นอกจากนี้ ในกลุ่มนี้ยังมีหัวหน้าหลันเสี่ยวเสี่ยว และเจ้าหน้าที่ระดับสูงจากเทศบาลอีกหลายคน เมื่อมองจากระยะไกล กลุ่มนี้ดูเหมือนจะเป็นกองทหารที่เต็มไปด้วยแสนยานุภาพ
เมื่อมองดูผู้คนจำนวนมากที่กำลังเดินเข้ามา จ้าวหยู่ก็อารมณ์เสีย
‘แม่งเอ๊ย! วันนี้ฉันไม่ได้คำว่า ‘Kun’ ไม่ใช้เหรอ? ทำไมถึงเกิดเรื่องใหญ่โตนี้ขึ้นมาล่ะ!?’
เมื่อผู้บังคับการฮงมาถึงที่เกิดเหตุเป็นการส่วนตัว หวังเซินเหยาก็ยืนตัวตรงทันที จากสิ่งที่เขาเห็น เขาคิดว่าการทำงานหนักของเขาได้รับผลตอบแทนในที่สุด และตอนนี้ ผู้บังคับการฮงจะมองเขาในมุมที่ต่างออกไป
นอกจากนี้ เป็นเรื่องที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ที่ผู้บังคับการฮงจะต้องลงโทษจ้าวหยู่อย่างรุนแรงสำหรับการกระทำของเขา
อย่างไรก็ตาม ผู้บังคับการฮงไม่ได้ทำอย่างที่หวังเซินเหยาคิด สิ่งที่เขาพูดออกมา มันทำให้หวังเซินเหยาถึงกับล้มทั้งยืน
ผู้บังคับการฮงบอกกับเฟิงเสี่ยวว่า
“ผู้กองเฟิง รีบบอกให้คนของคุณออกไป พวกคุณกล้าทำเรื่องอย่างนี้ได้ยอ่างไร!?”
"อะไรนะครับ?" เฟิงเสี่ยวตกตะลึง เขาไม่เข้าใจว่าผู้บังคับการฮงหมายถึงอะไร
หวังเซินเหยากำลังจะพูด แต่เมื่อเขาเห็นท่าทางเคร่งขรึมของผู้บังคับการฮง เขาไม่มีทางเลือกนอกจากต้องหุบปาก
“เสี่ยวเฟิง!” ผู้บังคับการฮงเดินไปหาจ้าวหยู่อย่างช้า ๆ จากนั้นก็หันไปพูดกับเสี่ยวเฟิงซึ่งอยู่ข้างหลังของเขาว่า “ฉันก็มาจากแผนกสืบสวนเหมือนกัน ดังนั้นฉันจึงเข้าใจเรื่องนี้มากกว่าคุณ
การเป็นนักสืบมันไม่ใช่เรื่องง่ายเลย คดีต่าง ๆ ที่เราทำการสืบสวน มันสามารถกำหนดชะตากรรมของคน ๆ หนึ่งได้
หากการสืบสวนคดีเกิดผิดพลาดขึ้นมา มันอาจทำลายชีวิตผู้คนได้มากมาย และจะมีปัญหาไม่รู้จบสำหรับเราทุกคน!”
จากนั้น ผู้บังคับการฮงก็หันไปทางจ้าวหยู่และพูดว่า
“เจ้าหน้าที่จ้าว! สิ่งที่คุณทำนั่นถูกต้องแล้ว! คุณทำได้ดีมาก! พวกเราตำรวจต้องการค้นหาความจริงเท่านั้น ไม่ว่าความจริงนั้นจะน่าเกลียดแค่ไหนก็ตาม!”
“ผู้บังคับการฮง…” เฟิงเสี่ยวไม่คาดคิดว่าผู้บังคับการฮงจะพูดอย่างเสียสละขนาดนี้ เขาต้องการช่วยผู้บังคับการฮงออกไปจากเรื่องนี้ แต่จนแล้วจนรอดเขาก็ทำไม่สำเร็จ
ทางด้านหวังเซินเหยา เขาดูกระสับกระส่ายอย่างยิ่ง
“จริง ๆ แล้ว…” ผู้บังคับการฮงมองไปที่จ้าวหยู่แล้วพูดว่า “เกี่ยวกับคดีนี้ ฉันเองก็มีข้อสงสัยเหมือนกัน แต่น่าเสียดายที่ฉันไม่สามารถหาหลักฐานมาหักล้างหลักฐานต่าง ๆ ที่พบได้
แล้วอีกอย่าง นอกจากเฟิงกั๋วแล้ว ฉันก็ไม่เจอผู้ต้องสงสัยคนไหนอีก เจ้าหน้าที่จ้าว บอกฉันหน่อยได้มั้ย ว่าฉันทำพลาดตรงไหน ช่วยให้ความกระจ่างแก่ฉันด้วย!”
จากนั้น ผู้บังคับการฮงก็ชี้ไปที่ห้องสอบสวน โดยส่งสายตาอ้อนวอน เพียงไม่กี่อึดใจ เหตุการณ์ก็เงียบสงบลง
เดิมทีจ้าวหยู่คิดว่าหวังเซินเหยาก่อให้เกิดความยุ่งเหยิงเช่นนี้ เพราะเขาถูกยุยงโดยผู้บังคับการฮง แต่จากสิ่งที่เขาเห็น เขาคิดว่าหวังเซินเหยาพยายามทำทั้งหมดนี้เพื่อเลียแข้งเลียขาผู้บังคับการฮงเท่านั้น
เขาไม่เคยคาดหวังว่าผู้บังคับการฮงจะใจกว้างขนาดนี้ เมื่อเห็นเช่นนี้ จ้าวหยู่ก็รู้สึกเคารพผู้บังคับการฮงเป็นอย่างยิ่ง
"ได้ยินแล้วไม่ใช่เหรอ!? รีบไปเร็วเข้า!"
เฟิงเสี่ยวสั่งให้ตำรวจจากเทศบาลออกไป แต่เขายังอยู่กับหวังเซินเหยา พวกเขาต้องการดูว่าจ้าวหยู่จะกลับคำตัดสินของเฟิงกั๋วได้อย่างไร
จ้าวหยู่รู้สึกถึงแรงกดดันต่อเขาเพิ่มขึ้นอย่างมาก! ถ้าเสี่ยวเจิ้นสารภาพผิด เขาอาจจะไม่เป็นไร แต่ถ้าเขาไม่ทำ อาชีพตำรวจของเขาก็จะถึงจุดจบอย่างแน่นอน!
แม้ว่าผู้บังคับการฮงได้ตกลงที่จะให้ทำการกลับคำตัดสินของเฟิงกั๋วแล้ว แต่หากเขาไม่สามารถเปิดเผยความจริงได้ เขาจะไม่มีโอกาสครั้งที่สอง!
นอกจากนี้ ยังมีหลายคนที่พร้อมจองกฐิน เมื่อถึงคราวที่เขาล้มเหลว
หากเขาล้มเหลวในการกลับคำตัดสิน เขาจะกลายเป็นเป้าหมายของการวิพากษ์วิจารณ์ต่อสาธารณะ และถึงจุดจบในเวลาต่อมา
นอกจากนี้ เนื่องจากเวลาอันกระชั้นชิด เขาจึงไม่มั่นใจว่าตัวเขาจะทำให้ เสี่ยวเจิ้นสารภาพผิดได้สำเร็จ
จ้าวหยู่รู้ว่าเสี่ยวเจิ้นเป็นคนรอบคอบและฉลาดมากเช่นกัน ถ้าเขาไม่มีหลักฐานที่แน่ชัด เขาจะโน้มน้าวให้เขาสารภาพได้อย่างง่ายดายได้อย่างไร?