บทที่ 246 ท่านควรเริ่มลงมือก่อน
เหล่าทหารรักษาการณ์ประจำวังหลวงผู้มาทำหน้าที่คอยเปิดทางให้เขา ต่างยืนเรียงแถวตรงอย่างห้าวหาญรอรับหยางเสี่ยวเทียนยังหน้าประตูสำนักแต่เช้าตรู่
เบื้องหน้ามิไกลนัก หยางเสี่ยวเทียนก็เผอิญพบเฉินจื่อหานซึ่งกำลังเดินส่ายสะโพกงามงอนอย่างมั่นอกมั่นใจตามนิสัย ระหว่างทางไปยังจัตุรัสพระราชวัง
ครั้นนางเห็นขบวนทหารรักษาการณ์ที่มาคอยเปิดทางให้เขา นางก็หยุดหันมองด้วยสีหน้าบึ้งตึงไม่สบอารมณ์ พร้อมยืนกอดอก ขณะสายตาเขม่นจ้องสบกับหยางเสี่ยวเทียนผู้ได้อภิสิทธิ์เหนือใคร
หยางเสี่ยวเทียนเพียงเหลือบมองนางขณะเดินมือไพล่หลัง เขาเบือนหน้ามองตรงพ่นลมหายใจออกมาเบาๆ ด้วยเบื่อหน่ายใบหน้าแม่นางผู้งดงามหมดจด แต่ขัดกับอารมณ์บูดชวนให้หงุดหงิดน่ารำคาญ
เมื่อถึงจัตุรัสพระราชวัง จำนวนผู้เข้าชมการแข่งขันระดับสำนักกลับเพิ่มหนักกว่าเดิม คงเพราะวันนี้เป็นการประลองเพื่อเข้าสู่สิบอันดับแรกและชิงอันดับหนึ่ง ผู้คนจึงต่างมาเฝ้าดูกันมากขึ้น
เกิดเสียงฮือฮาโกลาหล เมื่อทุกคนเห็นหยางเสี่ยวเทียนมาถึง
ไม่จำเป็นต้องฟัง พวกเขาทุกคนก็สามารถคาดเดาได้ ว่าคนจากทั้งตระกูลแลสำนักน้อยใหญ่ ต่างกระซิบกระซาบกันถึงสิ่งใด หลินหยงและคนอื่นๆ เหลียวมองบุคคลโง่เขลาเหล่านั้นด้วยสายตาอาฆาต ที่หูเบาเชื่อเรื่องเหลวไหลประหนึ่งไร้สมองคิดตริตรอง
หลังเฉิงหลงปล่อยข่าวลือเสียหายอย่างจงใจ ทั่วทั้งเมืองหลวงจึงต่างพูดถึงเติ้งอี้ชุนและเฉิงเซิ่ง ที่ถูกหยางเสี่ยวเทียนติดสินบนเพื่อให้ได้ซึ่งชัยชนะเข้าสู่ร้อยอันดับแรก
แม้นผู้คนเหล่านี้จะวิพากษ์วิจารณ์กันด้วยความคิดเห็นอย่างไร สีหน้าแลท่าทีของหยางเสี่ยวเทียนก็ยังคงเรียบเฉยดังเดิม
เมื่อเวลาผ่านไป เหล่าวิญญาจารย์ผู้แข็งแกร่งและมีอำนาจจากทั่วทุกสารทิศก็เข้ามาทีละคน
เฉินจื่อหานและเฉิงหลง ก็มาถึงพร้อมคนของพวกตนเช่นกัน ซึ่งเมื่อประสบกับหยางเสี่ยวเทียนทั้งคู่ก็รู้สึกสูญเสียอารมณ์เป็นธรรมดา
ครั้นได้เวลาอันสมควร ขันทีระดับสูงจึงเริ่มการแข่งขันประลองยุทธครั้งที่สอง ศึกรอบชิงสิบอันดับแรก
ครั้งนี้ หยางเสี่ยวเทียน เหล่ยจื่อ เฉินจื่อหาน เฉิงหลงพร้อมผู้เข้าร่วมคนอื่นๆ ต้องออกไปหยิบป้ายหยกยังใจกลางลานประลองหลัก
ในรอบแรกวันนี้ หยางเสี่ยวเทียนจับได้หมายเลขสี่ และบังเอิญว่าคนที่ดึงหมายเลขสี่คือเฉิงหลง!
โดยรอบจัตุรัสเกิดความเงียบทันที รวมถึงหลินหยง หยางเฉา และคนจากสำนักเสินเจี้ยนก็พลันชะงักค้างเช่นกัน เมื่อพวกเขาเห็นว่าคนที่หยางเสี่ยวเทียนสุ่มได้กลายเป็นเฉิงหลง ในการประลองรอบแรกวันนี้
เฉิงหลงมองหมายเลขสี่ในมือตน เขาพลันแสยะยิ้มอย่างสำราญใจหลังได้ประสบกับเรื่องบังเอิญที่หมายมั่นมานาน
เมื่อเฉิงไคราชาแห่งอาณาจักรเสินไห่ เห็นว่าบุตรชายตนกำลังจะได้ประลองกับหยางเสี่ยวเทียน ก็พานขมวดคิ้วเป็นกังวลต่อสัมพันธ์อันดีระหว่างสำนักเสินเจี้ยน เขากระซิบบางอย่างให้องครักษ์นำไปบอกมหาขันทีทันที
มหาขันทีพยัญหน้ารับด้วยความเคารพ จากนั้นเดินเข้าหาเฉิงหลง ลดเสียงกล่าวกับเขาเบาๆ ว่า “ฝ่าบาท องค์ราชามีรับสั่งขอให้ท่านแสดงความเมตตาต่อหยางเสี่ยวเทียนในครั้งนี้”
“แม้หยางเสี่ยวเทียนจะพ่ายแพ้ ก็ปล่อยให้เขาพ่ายแพ้อย่างมีศักดิ์ศรี”
“ข้าเข้าใจแล้ว” เฉิงหลงแสร้งเป็นเชื่อฟัง แต่ตรงข้ามกับสิ่งที่คิดจะกระทำภายในใจ
ขอให้ข้าแสดงความเมตตางั้นหรือ ตลกสิ้นดี! เท้าหมัดของข้าหาได้มีตา คงรับประกันให้ไม่ได้ว่ามันจะทำหยางเสี่ยวเทียนพิการด้วยหมัดเดียวหรือไม่
เฉิงหลงไม่คิดแม้แต่ก้าวเดินออกไป เขากระโจนปราดขึ้นสูงดุจมังกรเย่อหยิ่ง ก่อนร่อนลงลานประลองที่สี่อย่างสง่างามด้วยท่าทีภาคภูมิใจ
ครั้นเห็นอากัปกิริยาสุขสำราญจนอดทนรอเสียงเริ่มไม่ไหวของเฉิงหลง หยางเสี่ยวเทียนจึงเดินไปหาเขายังลานประลองด้วยสีหน้าปกติมิมีเปลี่ยน
เฉิงหลงมองหยางเสี่ยวเทียนเดินขึ้นมาบนลานประลอง ก็หัวเราะเยาะเบาๆ “ท่านเจ้าตำหนักหยางอย่าได้ถือสา ข้าเองก็ไม่คิดว่ารอบแรกวันนี้จะต้องต่อสู้กับเจ้า แต่วางใจเถอะ ข้าจะเมตตาใช้ความแข็งแกร่งข้าเพียงหนึ่งส่วนเท่านั้น เพื่อสู้กับเจ้า”
ด้วยความแข็งแกร่งในปัจจุบันของเฉิงหลง แม้นต้องใช้กำลังเพียงหนึ่งส่วน วิญญาจารย์ขั้นราชันยุทธ์หลายคนก็ไม่สามารถต้านทานมันได้
“ใช้ความแข็งแกร่งเพียงหนึ่งส่วนเท่านั้นหรือ” หยางเสี่ยวเทียนเหมือนยิ้มแต่ไม่ใช่รอยยิ้ม “เจ้าแน่ใจแล้วหรือ”
เฉิงหลงยิ้มลำพองพร้อมกล่าวจริงจัง “ข้าอายุเท่าไหร่แล้วท่านเจ้าตำหนักหยาง เพราะฉะนั้น ท่านควรเริ่มลงมือก่อนได้เลย”
“ย่อมได้”
กล่าวจบหยางเสี่ยวเทียนก็ไม่เสียเวลาพล่ามไร้สาระ ครั้นก้าวขาไปเบื้องหน้าหนึ่งก้าวก่อนฝ่าเท้าหยั่งถึงพื้น เขาก็วาบยืนแย้มยิ้มอยู่ประจัญหน้าเฉิงหลงเพียงพริบตาเดียวพร้อมซัดหมัดออกไปอย่างกระชั้นชิด
ใบหน้าสงบและดูผ่อนคลายของเฉิงหลงพลันเปลี่ยนไป ครั้นหยางเสี่ยวเทียนมาปรากฏอยู่ตรงหน้าพร้อมตั้งหมัดพุ่งหาตนเมื่อใดมิทราบได้
พลังหมัดที่โคจรปราณแท้รวมไว้ รอโจมทลาย!
ความหนักหน่วงของมัน ซัดโถมดุจคลื่นยักษ์หลังแผ่นดินไหวอันรุนแรงใต้ท้องสมุทร กระทบขุนเขาจนระเบิดดังอย่างน่าสะพรึงกลัว
ปัง!
เสียงกระทบของหมัด สะท้านดังดุจฟ้าร้องผสานกลองศึก กระทั่งแผ่นเยื้อบางๆ ในหูทุกคน ณ จัตุรัสสั่นสะเทือน
ทำเฉิงหลงผู้ถูกหมัดจากหยางเสี่ยวเทียน ลอยกระเด็นไปเบื้องหลัง ร่างกระแทกเข้ายังขอบลานประลองอย่างหนักจนสั่นสะเทือนดัง
พื้นลานประลองแตกร้าว ส่งเศษซากปลิวว่อน
วิญญาจารย์และผู้มีอำนาจหลายคนสะดุ้งยืนอย่างตกตะลึง
“นี่ นี่ นี่!” ไฉ่ห่าวพร้อมคนจากสำนักยวินฮุย เบิกตาตกใจเมื่อประจักษ์เห็นการเปลี่ยนแปลงต่อหน้าต่อตา
แม้แต่องค์ราชาอย่างเฉิงไค ก็มีใบหน้าที่เต็มไปด้วยความตื่นตะลึง บุตรชายที่ตนรู้ดีกว่าผู้ใด ว่าเขามีความแข็งแกร่งมากแค่ไหน เพราะเฉิงหลง ไม่ได้อยู่ในขั้นราชันยุทธ์ระดับสี่ขั้นเริ่มต้นดังข่าวลือ แต่ความแข็งแกร่งเขานั้น เหนือกว่าขั้นราชันยุทธ์ระดับสี่ในขั้นเริ่มต้นแน่นอน
แล้วไฉนเขาถึงถูกหยางเสี่ยวเทียนทำให้ล้มลงได้ด้วยหมัด!
ดวงตางดงามของเฉินจื่อหาน ประดับด้วยความประหลาดใจแลไม่อยากเชื่อ เรียวปากเล็กๆ นางเปิดกว้างพอจะใส่ไข่ใบใหญ่ได้จนมิด
เกิดอะไรขึ้น! เป็นไปได้อย่างไร!
มันควรเป็นหยางเสี่ยวเทียนที่ถูกเฉิงหลงซัดจนร่างปลิวมิใช่หรือ เหตุใดจึงกลายเป็นเฉิงหลงที่ถูกเขาซัดปลิวไปเสียเอง!