ตอนที่แล้วบทที่ 19 ของขวัญชิ้นที่สิบเก้าจากแดน  
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 21 ครอบครัว  

บทที่ 20 กำจัดร่างกายที่ผิดปกติ  


เมื่อหลูมู่หยานกลับมาถึงลานในสถาบันจักรพรรดิ นางก็จัดแจงพื้นที่ด้านนอกอาคารเพื่อป้องกันการถูกรบกวนระหว่างสะกัดเม็ดยาไขกระดูก

นางเทน้ำยาที่ได้เตรียมไว้ลงในอ่าง ก่อนจะพาร่างของนางลงไปแช่ตัวในน้ำที่เตรียมเอาไว้ หนึ่งชั่วโมงถัดมาหลูมู่หยานเทยาที่เหลืออยู่จากขวดแก้วลงในฝ่ามือของนาง

กลิ่นหอมของเม็ดยาตลบอบอวลไปทั่วห้องในขณะนี้ ด้วยพลังของยาที่อ่อนโยนนั่น ก็เริ่มไหลไปตามเส้นลมปราณของนางที่ปิดอยู่ ซึ่งเกิดจากการอุดตันของเส้นลมปราณในร่างกาย ตราบใดที่สามารถเปิดเส้นลมปราณได้ เมื่อนั้นก็จะสามารถดูดซับพลังแห่งโลกและสวรรค์เปลี่ยนเป็นพลังวิญญาณได้

เมื่อนางปล่อยให้ยาที่สะกัดได้กระจายไปที่เส้นลมปราณทั่วทั้งร่าง พลันดวงตาของหลูมู่หยานก็เต็มไปด้วยความแน่วแน่ นางรวบรวมคลื่นพลังด้วยยาที่บริสุทธิ์อีกครั้ง โดยเริ่มจากเส้นแรกก่อนจะค่อย ๆ ผลักไปด้านหน้า

หลูมู่หยานรู้สึกเจ็บทุกครั้งที่พลังของซีซุยเคลื่อนตัวไป ตอนนี้ร่างกายของนางสั่นสะท้านไปด้วยความเจ็บปวด

หน้าผากสวย และจมูกได้รูปชื้นแฉะไปด้วยเหงื่อกาฬ ใบหน้าเล็ก ๆ ของนางเริ่มขาวซีด หลูมู่หยานกัดริมฝีปากเพื่อข่มเสียงเอาไว้ และยังคงเพ่งพลังจิตเพื่อควบคุมยาให้ไปถึงเส้นลมปราณที่ถูกปิดกั้น

เมื่อเส้นลมปราณแรกเปิดออก ร่างกายของหลูมู่หยานก็เปียกโชกไปด้วยเหงื่อ ใบหน้าของนางซีดเซียวแต่ก็ไม่ยอมแพ้หรือหยุดพัก นางยังคงผลักยาให้ผ่านเส้นที่สองและสามต่อไป

...

เส้นลมปราณสุดท้ายถูกเปิดออก หลูมู่หยานอ้าปากเพื่อสูดอากาศหายใจ และหลังจากพักอยู่ครู่หนึ่งนางจึงหยิบยาเสริมพลังวิญญาณออกมาหนึ่งเม็ด พร้อมนั่งไขว่ห้างเพื่อปรับแต่งและดูดซับพลังของยาต่อ

ครั้งนี้ความพยายามได้ผล หลูมู่หยานไม่เพียงแค่เปิดเส้นลมปราณที่ถูกปิดกั้นทั้งหมดในร่างกายภายในเท่านั้น แต่นางยังต่อต้านความเจ็บปวด และใช้ความแข็งแกร่งทางจิตใจเพื่อนำทางยาให้กว้างกว่าสองเท่าของเส้นลมปราณ

สำหรับคุณสมบัติทางยาของเซงหลิงจะละลายในร่างกาย กระแสแห่งพลังทางจิตวิญญาณที่บริสุทธิ์ก็แผ่กระจายไปทั่วร่างเพื่อให้ร่องรอยของความเย็นที่ล้นออกมาหล่อเลี้ยงเส้นลมปราณที่กว้างขึ้น

วันถัดมา หลูมู่หยานลืมตาขึ้น ดวงตาของนางประกายราวกับดวงดาวที่พร่างพราย รอยยิ้มเล็ก ๆ ประดับอยู่บนใบหน้าสวย ก่อนที่นางจะลุกขึ้นอาบน้ำและทานอาหารตามที่ใจคิด

นางใช้เวลาสามวันในการเปิดเส้นลมปราณ จากที่เห็นดวงดาวระยิบระยับบนท้องฟ้ายามค่ำคืน นางจึงพาตัวเองออกไปที่ลานกว้าง นั่งไขว่ห้างและดูดซับกลิ่นอายของโลกและสวรรค์จนเต็มปอด

เมื่อแสงแรกของเฉินฮุยตกกระทบไปยังหลูมู่หยาน นางลืมตาขึ้น เหยียดกายเพื่อไล่ความเมื่อยล้าพร้อมกับฉีกยิ้มอย่างร่าเริง

ตั้งแต่ที่หลูมู่หยานมายังที่แห่งนี้ นางไม่สามารถดูดซับกลิ่นอายของสวรรค์และโลกได้ รวมไปถึงนางเองไม่ได้มีพลังวิญญาณในร่างกาย ทำให้รู้สึกราวกับมีบางอย่างหายไป ตอนนี้เส้นลมปราณของนางเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่า และความเร็วในการดูดซับกลิ่นอายของสวรรค์และโลกก็ยังทำได้เร็วกว่าปกติถึงสองเท่า

เมื่อร่องรอยของกลัวรอบกายไหลหลั่งไปตามผิวหนัง ซึมเข้าสู่เส้นเลือดต่าง ๆ ทั่วร่าง ตอนนี้หลูมู่หยานรู้ถึงความปลอดภัยในใจ

ราวกับร่างกายเหมือนหลุมลึกไร้จุดกระทบ เมื่อเติมพลังรอบกายที่ขาดหายไปหลายปีในชั่วข้ามคืน ตอนนี้หลูมู่หยานรู้สึกว่าร่างกายของนางเต็มไปด้วยความแข็งแกร่ง แม้ว่าตอนนี้จะยังอ่อนแรง แต่ก็ถือว่าเป็นการเริ่มต้นที่ดี

หลูมู่หยานสูดหายใจเต็มปอด ก่อนจะชกไปที่หินตรงลานที่พัก ทันใดนั้นหินก็แตกออกเป็นสองส่วนทันที

“เฉพาะความแข็งแกร่งของการฝึกฝนซี่ระดับที่สิบเอ็ด ข้ายังต้องหาหญ้าจิตวิญญาณเพื่อปรับแต่งรากฐานและทำเม็ดยาให้เร็วที่สุด” หลูมู่หยานปล่อยฝ่ามือออกจากหิน และบ่นพึมพำกับตัวเอง

เมื่อจัดการทำความสะอาดเสร็จสิ้นแล้ว หลูมู่หยานก็เดินออกจากลาน นางขึ้นขี่หลังม้าเพื่อกลับไปยังบ้านในเมืองหลวงทันที

หลังจากที่หลูมู่หยานจากไป ปรากฏเป็นบุรุษสองคนที่เดินสวนเข้ามาจากทางเข้าของสถาบัน พร้อมกับสายตาที่มองไปยังสตรีที่เพิ่งขี่ม้าสวนออกไป

“อี้ซวน เจ้ารู้สึกหรือไม่ว่าลมหายใจของหลูมู่หยานเปลี่ยนไป” หยุนจินเอ่ยถามฉีอี้ซวนด้วยความรู้สึกสงสัย

ดวงตาของฉีอี้ซวนเริ่มแสดงความรู้สึกที่ซับซ้อนยากอธิบาย ก่อนจะสะบัดไล่ทิ้งความรู้สึกนั้น พร้อมกับตอบไปว่า “ถ้าข้าอ่านไม่ผิด ตอนนี้หลูมู่หยานกลายเป็นนักดาบผู้ยิ่งใหญ่ในระดับของผู้ที่มีอายุน้อยแล้ว”

“ปรมาจารย์ดาบผู้ยิ่งใหญ่ระดับเริ่มต้น? เป็นไปไม่ได้” หยุนจินส่ายหัวอย่างเหลือเชื่อ “หลูมู่หยานมีร่างกายแบบจูไม รวมไปถึงนางไม่สามารถดูดซับพลังงานทางจิตวิญญาณของสวรรค์และโลก และแปลงร่างเป็นหยวนลี่ได้ นางจะทะลวงไปยังฐานการบ่มเพาะของปรมาจารย์ดาบผู้ยิ่งใหญ่ได้อย่างไร? เจ้ามองผิดหรือไม่?”

“ไม่ ลมหายใจที่ไหลออกมาจากนาง คือปรมาจารย์ดาบผู้ยิ่งใหญ่” ฉีอี้ซวนกล่าวด้วยถ้อยคำเด็ดขาด เพราะเขาเองก็ฝึกฝนที่ผ่านมา ทำให้เขามีความแม่นยำเกี่ยวกับปรมาจารย์ด้านดาบ

หยุนจินเอามือลูบคาง ก่อนจะพูดด้วยรอยยิ้มบนใบหน้า “ข้าได้ยินว่านางเพิ่งกลับมาจากเทือกเขาแห่งเพลิงอัคคี ชักสงสัยแล้วสิว่านางไปเจออะไรมาที่นั่น”

“แล้วเจ้ารู้ได้อย่างไร?” เพราะตอนนี้ฉีอี้ซวนกำลังอยู่ในช่วงของการพักผ่อนสำหรับการแข่งขันของสถาบันที่กำลังจะมาถึง ฉะนั้นเขาจึงไม่รู้เลยว่าช่วงที่ผ่านมาหลูมู่หยานไม่ได้อยู่ในสถาบัน

“ข้าไม่รู้รายละเอียดแน่ชัดนักหรอก เพียงแต่ได้ยินว่านางไปรับภารกิจจากพวกสมาคมทหารรับจ้าง และก็ตามนายจ้างไปทำภารกิจที่เทือกเขาแห่งเพลิงอัคคี” หยุนจินยักไหล่ ก่อนจะพูดต่อไปว่า “นางไม่เคยขี่ม้ามาก่อน ไม่ต้องพูดถึงหลูมู่หยานในตอนนี้เลย ค่อนข้างสะดุดตานะ”

ฉีอี้ซวนขมวดคิ้วเล็กน้อยเมื่อได้ยินถ้อยคำจากหยุนจิน ก่อนจะเอ่ยว่า “ไปกันเถอะ”

หลูมู่หยานขี่ม้ากลับไปยังคฤหาสน์ของท่านจอมพล และเมื่อนางก้าวขาลงก็เหลือบไปเห็นชายชราผมสีดอกเลา ท่าทางดูแข็งแรงกำลังยิ้มต้อนรับอยู่ “นายหญิง ในที่สุดท่านก็กลับมา”

“ปู่อี้” หลูมู่หยานตะโกน พร้อมกับรอยยิ้มที่น่ารัก

ชายชราผู้นี้เป็นหัวหน้าฝ่ายรับใช้ของคฤหาสน์จอมพล และดูแลหลูมู่หยานมาอย่างดีโดยตลอด อดีตเขาเคยเป็นคู่ต่อสู้ของท่านปู่ และยังไม่ได้แต่งงาน ฉะนั้นตอนนี้ปู่อี้จึงได้ตั้งรกรากอยู่ที่นี่ในปีถัดมาหลังจากเหตุการณ์นั้น และเขายังเป็นนักดาบระดับสูงอีกด้วย

“นายหญิงไปที่ห้องโถงเถิด ตอนนี้ทั้งจอมพล นายพล และนายน้อยสองคนอยู่ที่นั่น” ปู่อี้มองมาที่หลูมู่หยานด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความห่วงใยและความรัก เขาปฏิบัติกับหลูมู่หยานราวกับนางเป็นหลานสาวของตัวเองอยู่เสมอ

หลูมู่หยานพยักหน้ารับ “ถ้าเช่นนั้นช่วยข้าหาที่ผูกม้าทีนะ”

ชายชราผู้นั้นเกิดคำถามขึ้นมาในใจว่าหลูมู่หยานมีม้าได้อย่างไร แต่กระนั้นเขาก็ไม่ได้ถามอะไรออกไป ก่อนจะหันไปจับบังเหียนบังคับม้า “เอาไว้ที่ข้าเถอะ”

“ถ้าอย่างนั้น ข้าไปที่โถงก่อนนะปู่อี้” หลูมู่หยานพยักหน้ารับ ก่อนจะรีบเดินไปที่โถงของคฤหสน์ทันที

ณ เวลานี้มีคนราวสองสามคนกำลังนั่งคุยกันอยู่ ‘หลูซานเทียน’ ผู้มีศักดิ์เป็นท่านปู่ ‘หลูหม่าอวี้’ ที่มีศักดิ์เป็นท่านพ่อ ‘หลูมู่ไป๋’ และ ‘หลูมู่ถิง’ ผู้มีศักดิ์เป็นพี่ชาย ส่วนท่านลุงอีกหนึ่งคนเฝ้าอยู่ที่สนามรบเขตชายแดน และอีกหนึ่งคนเดินทางเที่ยวรอบโลก

“ท่านปู่ ท่านพ่อ ท่านพี่ชายใหญ่ ท่านพี่ชายรอง” หลูมู่หยานเดินเข้าไปยังห้องโถง ก่อนจะตะโกนเรียกทีละคนด้วยสีหน้าและแววตาที่อบอุ่น

“หยานเอ๋อร์กลับมาแล้ว” หลูหม่าอวี้มองดูบุตรสาวที่เพิ่งเดินทางมาถึง ก่อนเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา “ทำไมเจ้าผอมลงถึงเพียงนี้” มวลบุหรี่ยังอยู่ที่มุมปากของหม่าอวี้ พรางคิดในใจว่าบุตรสาวของเขาดูกำลังพอดี

“อาา ยัยตัวเหม็น รู้แล้วหรือว่าต้องกลับบ้าน” หลูซานเทียนเอ่ยแซวหลานสาว ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความสุข

หลูมู่หยานก้าวไปข้างหน้าเล็กน้อย ก่อนจะเข้าไปเอาอกเอาใจท่านพ่อด้วยการกอดด้านข้าง “ท่านปู่ ข้ากลับมาเพื่อเซอร์ไพรส์ท่าน”

“ยัยตัวเหม็น ไหนเจ้าจะทำอะไร?” หลูมู่ถิง คว้าไปที่แขนของน้องสาวด้วยใบหน้าที่มีความสุขเช่นเดียวกับหลูมู่หยาน ขณะที่หลูมู่ไป๋ ก็แสดงรอยยิ้มที่อ่อนโยนขณะมองไปที่น้องสาวของเขา

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด