บทที่ 18 การต่อต้านการฆ่า
หลังจากที่หมิงซิ่วจากไปแล้ว หลูมู่หยานก็สังเกตรอบตัว พร้อมกับปล่อยพลังจิตเพื่อตรวจสอบ หลังจากที่มั่นใจแล้วว่าตรงนี้ปลอดภัยไม่มีอันตราย นางจึงกระโดดขึ้นไปบนต้นไม้สูงทึบเพื่อซ่อนตัว ท่ามกลางใบไม้ทึบหลูมู่หยานตัดสินใจใช้สถานที่นี้เป็นที่พักพิงก่อนจะหลับตาพักเพื่อฟื้นฟูพลัง
ยามแสงแรกสาดส่องลงมาบนเทือกเขาจีฮั่ว ในเช้าตรู่ของวันถัดไป หลูมู่หยานค่อย ๆ ลืมตาและเหยียดร่างกายออกเพื่อคลายความเมื่อยล้า ตอนนี้ใบหน้าของนางกลับมาเป็นปกติ ไม่ซีดเซียวอีกต่อไปแล้ว
หลังจากที่หลูมู่หยานกินยาหลิงหลิงไปเมื่อคืนแล้ว นางรู้สึกดีขึ้นกว่าแต่ก่อนมากหลังจากที่ได้ดูดซับเข้าสู้ร่างกาย นางยังคงรักษาร่องรอยของพลังวิญญาณเอาไว้ได้ ซึ่งมันสามารถเป็นประกันได้ว่านางจะเดินออกจากวงล้อมนี้ได้เพียงลำพัง
“ข้าไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับเย่ชิงหาน และคนอื่น ๆ ลองไปดูสถานที่ที่ตกลงกันไว้ดีกว่า” หลูมู่หยานลุกขึ้นยืนพร้อมบ่นพึมพำกับตัวเอง ก่อนจะกระโดดลงจากกิ่งไม้และรีบวิ่งไปทางทิศตะวันตกเฉียงเหนืออย่างรวดเร็ว
ก่อนหน้านั้นหลูมู่หยานมีข้อตกลงกับเย่ชิงหานเอาไว้ว่า หากเราบังเอิญแยกจากกันเราจะไปรอกันในที่พักก่อนออกรอบวงนอก และหากไม่เจอกันหลังจากนั้นสิบวันพวกเขาจะกลับไปที่เมืองหลวง
เพียงแค่สี่ชั่วโมงเท่านั้นที่ติดอยู่ในถ้ำใต้ดิน นางเชื่อว่าหากเย่ชิงหานไม่ได้อยู่ในอันตราย เขาจะรอนางตรงที่ได้นัดหมายเอาไว้
เมื่อเดินไปได้ระยหนึ่ง หลูมู่หยานจึงหยิบแผนที่ที่นางได้ซื้อไว้ขึ้นมา ก่อนจะนึกขอบคุณตัวเองที่ตัดสินใจซื้อ ไม่เช่นนั้นนางคงจะต้องหลงทางอยู่ในนี้
เมื่อยามบ่ายมาถึง ในที่สุดหลูมู่หยานก็เข้าใกล้กับสถานที่ที่ได้นัดแนะเอาไว้ ทว่านางไม่ได้ก้าวไปด้านนั่นทันทีแต่กลับค่อย ๆ เดินต่อไปอย่างระมัดระวัง
ทันทีที่นางไปถึง หลูมู่หยานพบว่าขณะนี้มีเพียงย่จิงเท่านั้นที่อยู่ ไม่มีร่องรอยของเย่ชิงหานและคนอื่น ๆ ในบริเวณนี้ ก่อนที่นางจะค่อย ๆ เดินตรงไป พร้อมกับส่งสายตาและรอยยิ้มเย้ยหยัน
เย่จิงนั่งไขว่ห้างอยู่บนต้นไม่ ตอนนี้นางอารมณ์เสียเป็นอย่างมาก เพราะคนไร้ค่าอย่างหลูมู่หยานที่ร่วงลงร่องพื้นที่แตกในถ้ำของปีศาจไฟ ทำให้เวลาที่จะต้องเดินทางกลับเมืองหลวงนั้นล่าช้าขึ้นกว่าเก่า
ตอนนี้นายน้อยเย่ก็พาคนอื่น ๆ ออกไปตามหาหลูมู่หยาน และทิ้งนางไว้ที่นี่เพียงผู้เดียว เหตุผลแค่นี้ก็เพียงพอแล้วสำหรับการฆ่าหลูมู่หยานในทันทีที่เจอ
“หลูมู่หยาน” เย่จิงรู้สึกถึงการมาของใครคนใดคนหนึ่ง ก่อนจะสังเกตว่าผู้นั้นคือหลูมู่หยานที่นางกำลังนึกถึงที่กำลังเดินออกจากป่า
ไม่ใช่ว่าหลูมู่หยานไม่เห็นเจตนาปองร้ายของเย่จิง แต่นางไม่ได้สนใจอะไรกับตัวประกอบอยู่แล้ว นางไม่เคยแม้แต่จะยั่วยุอะไรหญิงรับใช้คนนี้ มีแต่เย่จิงเท่านั้นที่คิดจะฆ่านาง
นางไม่ชอบการถูกทิ้งไว้ข้างหลัง และเนื่องจากอีกฝ่ายเป็นสตรีชั่วร้าย ฉะนั้นจึงไม่มีความจำเป็นต้องเมตตา
“เย่ชิงหาน อยู่ที่ไหน?” หลูมู่หยานเอ่ยถาม โดยไม่สนใจแววตาฆ่าแกงของเย่จิง
“เพราะเจ้า เพียงเพราะเจ้าตกลงไปในรอยแยก นายน้อยจึงพาคนอื่น ๆ ลงไปตามหา ทำให้การเดินทางของเราที่ต้องกลับล่าช้าโดยสิ้นเชิง!” เย่จิงเอ่ย พร้อมแสดงถ้าท่างเย้ยหยัน
หลูมู่หยานหัวเราะออกมาเบา ๆ ทว่าดวงตาของนางกลับเต็มไปด้วยความเฉยชา “แล้วเจ้าอยากทำอะไรล่ะ?”
“แน่นอนข้าจะฆ่าเจ้า!” เย่จิงไม่ได้ปิดบังสิ่งที่คิด ใบหน้าเรียบเฉยยังทำท่าเสียดสีอยู่อย่างนั้น “ข้าจะส่งขยะแบบเจ้าไปที่ประตูนั่นเอง”
“นั่นก็ขึ้นอยู่กับเจ้าแล้ว” ริมฝีปากของหลูมู่หยานเริ่มแสดงความชั่วร้ายผ่านรอยยิ้มมุมปาก “มาดูกันว่าใครจะตายก่อนกัน”
“หึ ก็แค่พวกที่แสร้งทำเป็นเทพ” เย่จิงรู้ว่าหลูมู่หยานนั้นรวดเร็ว ฉะนั้นนางจึงดึงดาบออกมาก่อนที่จะพูดจบ พร้อมกับใส่พลังชีวิตลงไป กวัดแกว่งมันไปที่หลูมู่หยานโดยตรง
หลูมู่หยานเตรียมพร้อมเอาไว้แล้ว นางขยับตัวไปทางซ้ายเพื่อหลบรัศมีของดาบ ดวงตาของนางหรี่ลงพร้อมกับขยับตัวหลบอีกครั้งด้วยความรวดเร็ว
หลูมู่หยานหยิบมีดเล่มสั้นออกมาและเคลื่อนตัวด้วยความรวดเร็วเท่าที่จะทำได้ ก่อนจะลอยหวิวไปประชิดด้านหลังของเย่จิง และก่อนที่นางจะหันมาตอบสนอง หลูมู่หยานก็ใช้มีดเล่มนั้นแทงไปที่หลังจนมะลุเพียงแค่ครั้งเดียว
การเคลื่อนไหวของหลูมู่หยานนั้นช่างรวดเร็วและแยบยล ทุกอย่างเกิดขึ้นเพียงแค่ชั่วครู่หลังจากจบบทสนทนาเท่านั้น เย่จิงนักดาบผู้ยิ่งใหญ่ในระดับกลางก็ถูกจัดการทันที
เย่จิงเบิกตากว้างด้วยความไม่เชื่อ นางมองไปที่หลูมู่หยานอย่างไม่สนใจ ทว่านางไม่คาดคิดมาก่อนว่าขยะไร้ค่าที่คิดว่าจะจัดการได้ง่าย ๆ กลับมีความสามารถในการลอบสังหารมากขนาดนี้
นางประเมินผิดไป แต่ในเมื่อเลือกแล้วว่าจะต้องจัดการหลูมู่หยานก่อน ตอนนี้ก็ไม่มีอะไรที่จะต้องเสียใจอีกต่อไป
ตอนนี้รูม่านตาของเย่จิงค่อย ๆ เลื่อนลอยและไร้การควบคุม นางแสดงความเสียใจผ่านบนใบหน้าและค่อย ๆ ทรุดตัวลงนั่งก่อนที่ลมหายใจจะหมดไป
หลูมู่หยานหยิบผ้าคลุมออกมาเช็ดไปที่กริช นี่คืออาวุธจิตวิญญาณระดับกลางที่ท่านพ่อได้มอบเอาไว้ให้ และสิ่งนี้ก็ทำให้การทำลายการป้องกันของเย่จิงง่ายขึ้น นางไม่ชอบฆ่า แต่นางจะไม่ปล่อยให้ผู้ใดฆ่านางได้อย่างง่าย ๆ เป็นแน่
ความจริงแล้ว หลูมู่หยานไม่ได้เกลียดชังอะไรเย่จิงเลย แต่เมื่ออีกฝ่ายล้ำเส้นซ้ำแล้วซ้ำเล่า ก็ไม่มีประโยชน์อะไรที่จะต้องเมตตาคนแบบนี้
หลังจากที่กริชถูกเช็ดจนสะอาดแล้ว หลูมู่หยานก็นำมันเก็บเข้าที่แหวนแห่งจักรวาลเหมือนเคย ทันทีที่ปล่อยมือ ผ้าคลุมหน้าก็ลอยลงมาบนศพของเย่จิง ดวงตาของนางเต็มไปความเยือกเย็น “เจ้าประมาทเกินไป”
ถูกต้องแล้ว เย่จิงประมาทเกินไป นางไม่มีการป้องกันอะไรมากนัก ฉะนั้นหลูมู่หยานจึงสามารถจัดการนางได้อย่างง่ายดาย เพราะหากมองในความเป็นจริง ด้วยพื้นฐานนักดาบระดับกลางของเย่จิงแล้ว นับจากการฝึกฝนในปัจจุบันหลูมู่หยานจำเป็นต้องใช้ความพยายามมากกว่านี้ในการจัดการเย่จิง
หลูมู่หยานถอนสายตาออกจากร่างไร้วิญญาณของเย่จิง ก่อนจะเดินไปนั่งอยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่ที่อยู่ถัดออกไปก่อนจะค่อย ๆ ปิดเปลือกตาลงช้า ๆ นางไม่ได้ต้องการกำจัดศพของเย่จิง เพราะนางมีคำอธิบายเอาไว้สำหรับเย่ชิงหานอยู่แล้ว
ครึ่งวันต่อมา มีเสียงฝีเท้าดังขึ้นในป่าหลูมู่หยานได้ยินและจำได้ว่านี่คือเสียงจากคนของเย่ชิงหาน นางค่อย ๆ ลืมตา และเมื่อได้เห็นคนที่กำลังนึกถึง นางก็มองไปที่เขาด้วยความดีใจ
“ชิงหาน เจ้าอยู่ที่นี่เอง” หลูมู่หยานกล่าวด้วยรอยยิ้ม
เย่ชิงหานเดินไปหาหลูมู่หยานอย่างรวดเร็ว พร้อมกับพูดด้วยความโล่งอก “ดีมาก ที่เจ้าไม่เป็นอะไร”
“ข้าบอกแล้วว่าคนมูยันจิเท่านั้นที่ได้รับพร และพวกเขาจะสบายดีอย่างแน่นอน” ครั้งนี้นายน้อยเชื่อได้แล้วผู้เฒ่าหลูเห็นว่าหลูมู่หยานสบายดี หัวใจของเขาก็ปล่อยวางเช่นกัน
สำหรับพวกเขาไม่ได้สนใจหลูมู่หยานเพียงเพราะทักษะการรักษาอย่างเดียว แต่ยังสนใจชีวิตและความตายของนางด้วย ด้วยระยะเวลาที่อยู่ด้วยกันทำให้พวกเขามองหลูมู่หยานและจำตัวตนของนางได้
ตอนนี้ ดวงตาของหลูมู่หยานเต็มไปด้วยความอบอุ่น เย่ชิงหานเป็นสหายคนแรกที่นางสร้างมาจากความจริงใจ เช่นเดียวกับลู่เหล่าก็ดีกับนางมากเช่นกัน นางเห็นแล้วว่าที่พวกเขาดูแลนางนั้นออกมาจากใจจริง ไม่ใช่การแสร้งทำ “ข้าสบายดี” นางตอบพร้อมมอบรอยยิ้มเสมือนดอกไม้บาน
“เดี๋ยว ทำไมเย่จิงถึงตาย” บุรุษผู้หนึ่งภายใต้การดูแลของเย่ชิงหานเอ่ย ก่อนจะมองไปที่ร่างไร้วิญญาณด้วยความประหลาดใจ
หลูมู่หยานเหลือบมอง ก่อนจะเงยหน้าขึ้นบอกกับเย่ชิงหานอย่างนิ่งเรียบ “ข้าฆ่านาง”
เย่ชิงหานขมวดคิ้ว มองไปยังร่างนั้นด้วยความขยะแขยง แม้ว่าเขาจะไม่ได้อยู่กับหลูมู่หยานมานาน แต่พอเข้าใจอารมณ์ของนางได้บ้าง ต้องเป็นเย่จิงแน่ ๆ ที่ล้ำเส้นหลูมู่หยานก่อนตาย
“นางทำก่อนหรือ?”
“หากนางต้องการที่จะฆ่าข้า ข้าก็จะฆ่านาง” หลูมู่หยานยักไหล่ นางรู้สึกประทับใจเล็ก ๆ อยู่ภายในใจที่เย่ชิงหานมองนางออกอย่างแท้จริง
ดวงตาของเย่ชิงหานเย็นชาขึ้นกว่าเดิม เย่จิงนั้นผยองเกินไป ไม่เพียงแค่การขัดคำสั่งของเขาเท่านั้น แต่ยังเป็นคนเริ่มที่จะทำร้ายหลูมู่หยานก่อนอีกด้วย เป็นเรื่องที่ให้อภัยไม่ได้ หากวันนี้นางไม่ถูกหลูมู่หยานจัดการ แต่หากกลับถึงเมืองหลวงเมื่อไหร่ นางจะถูกส่งไปที่ฝ่ายกฎหมายอาญาในข้อหาอาชญากรรม
“พักกันสักคืน พรุ่งนี้ค่อยกลับเมืองหลวง” เย่ชิงหานกล่าวด้วยใบหน้าที่อ่อนล้า ก่อนจะหันมาส่งยิ้มให้กับหลูมู่หยาน
หลูมู่หยานรู้ดีว่าพวกเขาใช้พลังกับการตามหานางในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา นางจึงยิ้มและพยักหน้าตอบ “ตกลง!”